บ้านกุสลา
นาย สมเกียรติ ลุงจิม เจียรอุทัยธำรงค์

จองเวร


ตอนที่ 9 [1]

เรื่อง การจองเวร 

แม่จะไปหาเมียให้ลูกเพื่อสืบตระกูลของเรา(ความเชื่อของกิเลสสอน) แม่ไปได้สาวมาแต่งงานกัน แต่สาวเจ้ากลับเป็นหมัน..เลยต้องหาให้ใหม่ ฝ่ายหญิงหมันคิดว่าถ้าแม่หามาเราก็กลายเป็นคนใช้ เราไปหาให้เองดีกว่า(แนวคิดคงคล้ายกับเมียหลวงเต็กกอ) เพื่อความเป็นใหญ่ในบ้านสืบไป ไปหามาได้แล้ว เมียเล็กรับปากกับเมียใหญ่ว่า “ถ้าตั้งท้องก็จะบอกให้ทราบ” ท้องครั้งที่1 เมียใหญ่ปรุงยาเพื่อให้แท้งลูก ท้องที่สองก็ทำเหมือนกัน แต่พอท้องที่3 เมียเล็กไม่บอกแล้วเพราะแอบรู้ขืนบอกก็แท้งอีกแต่ในที่สุดก็โดนวางยาตอนใกล้คลอดหนักกว่าเดิมอีกเพราะตายทั้งเมียเล็กและลูกในท้องเมียเล็กก่อนตายตั้งความปรารถนาว่าขอไปเกิดเป็นยักษิณีจะเคี้ยวกินลูกมันบ้าง (การจองเวรเกิดได้ทุกเมื่อ แต่เรื่องนี้เกิดจากความหึงหวงและความไม่เข้าใจการใช้ชีวิต)

ชาติต่อมา            เมียเล็ก เกิดเป็น แมว (ไม่ได้ดังตั้งใจแต่ผลอาฆาตยังได้ผล)

                        เมียใหญ่ เกิดเป็นแม่ไก่ ไข่ออกมา ถูกกิน 3 ครั้ง ตอนท้ายแมวกินตัวไก่ด้วย (เท่ากัน ไม่เอาเปรียบ) นางเมียใหญ่จึงตั้งความปรารถนาบ้าง ได้เป็นเสือ

ชาติที่2               เมียเล็ก เกิดเป็น โค

                        เมียใหญ่ เกิดเป็น เสือ

                        ชาตินี้ เมียเล็กถูกกิน จึงตั้งความปรารถนาใหม่ ไปเกิดเป็น ยักษิณี

ชาติที่ 3 เมียเล็ก เกิดเป็น ยักษิณี

เมียใหญ่ ไปเกิดเป็นธิดาในเมืองสาวัตถี คลอดลูกออกมา ก็โดนยักษิณีเอาไปกิน 2 คน ท้องคนที่ 3 เลยหนีไปคลอดที่บ้านแม่ของตนอยู่ต่างเมือง

ระหว่างที่นางธิดา(เมียใหญ่) กำลังจะกลับบ้านสามีเพราะคลอดลูกเรียบร้อย ยักษิณี(เมียเล็ก) ตามหาจนเจอ ก็จะกินลูกเมียใหญ่ๆ วิ่งไปหลบในโบสถ์ พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงประทับอยู่ในนั้น  เมียใหญ่ถวายลูกให้เป็นบุตรของพระพุทธเจ้า (จุดนี้ต่อมาเป็นความเชื่อให้คนรุ่นหลังได้ทำตามหาลูกเลี้ยงยากมักนำไปถวายพระเช่นหลวงพ่อโสธร)

เมียเล็กตามมาทันแต่เทวดาไม่ให้เข้าโบสถ ต่อเมื่อพระพุทธเจ้าทรงอนุญาตจึงเข้ามาได้ พระองค์ทรงตรัสเทศน์สอนว่า เจ้าทั้งสองถ้าไม่ยอมละเวรกรรมเก่า เจ้าจะต้อง ฆ่ากันไปมาอยู่อย่างนี้นับเป็นกัป(เวลาหนึ่งกัปยาวนานมากจะกี่ปีไม่รู้)เหมือนการอาฆาตระหว่างงูกับพังพอน  กากับนกเค้าพระศาสดาจึงสอนว่า ไม้สีฟันถ้าล้างด้วยน้ำลายมันจะยิ่งเหม็นกันใหญ่ ดังนั้น ไม้สีฟันต้องล้างด้วยน้ำสะอาดสถานเดียว เหมือนกับคนที่ด่าเรา ตีเรา ทำเวรกรรมกับเรา เรายกโทษให้เขา นั่นแหละการล้างด้วยน้ำสะอาด (ทำยากมาผมลองหลายหน แต่ไม่ละความพยายามเพราะมันคือวิธีเดียวที่ทำให้ผมไม่ต้องมารับเวรกรรมอีกต่อไป)ในที่สุด เมียเล็ก(เป็นยักษ์)ได้อารมณ์พระโสดาบัน แต่ก็ร้องไห้คร่ำครวญพระองค์ตรัสถามว่าร้องทำไม่ ยักษิณี ตอบว่าแล้วไม่ฆ่าสัตว์จะเอาอาหารที่ไหนกิน สุดท้าย เมียใหญ่ นำนางยักษ์ในอยู่ที่บ้าน หาที่สงบๆให้พักส่งข้าวส่งน้ำให้ทุกวัน จนวันหนึ่งนางยักษ์ คิดตอบแทนคุณโดยได้พยากรณ์ดินฟ้าอากาศ นางเมียใหญ่เลยทำเกษตรได้เหมาะสมกับน้ำฝน จนใครๆละแวกบ้านต่างสนใจใคร่ถาม ท้ายที่สุดจึงพากันนำอาหารคาวหวานมาถวายยักษณีตนนี้ ต่างก็ปลูกพืชเหมาะกับสภาพฝนในแต่ละปี จวบจนปัจจุบัน นางยักษณีมีชื่อทางฮินดู ว่า เจ้าแม่กาลี (คงคุ้นหู)ส่วนฝรั่งก็มีชื่อว่า  ธีโอ เมติโอรอย Theoi Meteoroi  บริวารมากมาย ชาวบ้านก็พากันแห่นับถือเพื่อผลประโยชน์แห่งตน จับใจความให้ชัดๆอีกครั้ง ว่าเป็นการสอนให้รู้จักละเวร ไม่จองเวร นี้เป็นข้อสำคัญ

            เห็นได้ว่า การจองเวรไม่มีวันจบ ยิ่งนานวันยิ่งสะสมความโกรธแค้น ทำให้ผมยิ่งห่างพระนิพพานไป ยอมๆหน่อย ระยะทางหรือว่าชาติที่จะต้องเกิดมันจะได้น้อยลง ที่สำคัญคือเราไม่ประมาทในชีวิตคิดว่าเราต้องตายแน่ เหมือนกับเรื่องนี้

[1] ขุ.ธ.อ.40/52-57

หมายเลขบันทึก: 643021เขียนเมื่อ 5 ธันวาคม 2017 12:08 น. ()แก้ไขเมื่อ 5 ธันวาคม 2017 12:08 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท