บทความในวารสาร Science ฉบับวันที่ ๑๒ ตุลาคม ๒๕๖๐ ในคอลัมน์ Editor’s Choice เรื่อง More undergraduates, more publications (๑) นำผมไปสู่รายงานผลการวิจัยฉบับเต็มชื่อ Increasing research productivity in undergraduate research experiences : Exploring predictors of collaborative faculty – student publications (๒) เป็นรายงานผลงานวิจัยจาก University of Texas at El Paso
คณะผู้วิจัยศึกษาอาจารย์ ๔๖๘ คน ที่ทำงานสาขา biomedical ในมหาวิทยาลัยวิจัย ๑๓ แห่งในสหรัฐอเมริกา โดยใช้แบบสอบถาม cross sectional ในช่วงปี ค.ศ. 2013/14 เพื่อดูว่า การทำหน้าที่เป็นอาจารย์พี่เลี้ยงด้านการวิจัย (mentor) ให้แก่นักศึกษาระดับปริญญาตรี มีผลดีต่ออาชีพอาจารย์หรือไม่ แน่นอนว่าคำตอบมีความแตกต่างกันมาก อย่างสุดขั้ว แต่สรุปภาพรวมคือ มีผลดีต่ออาจารย์
สิ่งที่นักวิชาการอุดมศึกษาน่าจะเอาใจใส่คือ ในสหรัฐอเมริกา มีการทำวิจัยเรื่องเกี่ยวกับการจัดการศีกษา การทำหน้าที่อาจารย์ อย่างมากมาย อ่านได้จากบทนำของเรื่อง เขาบอกว่ามีการศึกษาผลของการทำวิจัยระดับปริญญาตรี ต่อตัวนักศึกษา แต่ไม่ค่อยมีการศึกษาผลต่ออาจารย์ งานนี้ทำเพื่อปิดช่องว่างดังกล่าว และเป็นงานสำคัญขนาด วารสาร Science เอามาแนะนำในคอลัมน์ Editor’s Choice
บทสรุปในบทความแนะนำว่า อาจารย์เพียงส่วนหนึ่งที่มีความสนุกกับการทำหน้าที่นี้ จึงควรหาทางเลือกจับคู่ นศ. ป. ตรี เฉพาะกับอาจารย์ที่รักงานนี้เท่านั้น ก็จะทำให้ นศ. ได้เรียนรู้มาก และอาจารย์ก็ได้ผลงานด้วย
ทำให้นึกถึงสมัยสอนที่ศิริราช ในปี พ.ศ. ๒๕๑๒ ทางคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาลมีนโยบายให้ นศพ. ปี ๒ ฝึกทำวิจัย โดยทำเป็นทีม ทีมละ ๔ คน มีนักศึกษา ๒ ทีมขอให้ผมเป็นอาจารย์ที่ปรึกษา ทำวิจัยเรื่อง G6PD ผลงานได้ลงตีพิมพ์ในสารศิริราชด้วย การทำหน้าที่เป็นอาจารย์ที่ปรึกษาดังกล่าวให้ประโยชน์แก่ผมมาก ผมจำไม่ได้แล้วว่า เพราะเหตุใดมาตรการนี้จึงยกเลิกไป
วิจารณ์ พานิช
๑๓ ต.ค. ๖๐
บนเครื่องบิน EVA Air จากนิวยอร์กไปไทเป
ไม่มีความเห็น