เคยไหมตอนเป็นเด็กเล็กที่เรียกร้องอยากได้ของเล่นหรือสิ่งที่ต้องการจากพ่อแม่ โดยคิดว่าสิ่งนั้นจะทำให้เราเป็นสุขตลอดกาล
เปล่าเลย เพียงชั่วเวลาไม่นาน เราก็ถวิลหาของเล่นชิ้นใหม่หรือความปรารถนาอย่างใหม่ต่อไปเรื่อย ๆ พอไม่ได้ก็เสียใจ บางครั้งร้องไห้ อึดอัด คับแค้นใจ
พอเราโตขึ้น ความปรารถนาหาได้ลดลงไม่ กลับเพิ่มทวีคูณ ตามปัจจัยนำเข้าที่เราใส่เข้าไป ด้วยเต็มใจหรือไม่ก็ตาม เราถูกสอนให้สร้างสิ่งเหล่านี้ ที่เรียกว่า แรงขับแห่งความสำเร็จ เพื่อทำให้มี ให้ได้ ให้เป็น มากมายตามกรอบสังคมกำหนด บ้างมี บ้างได้ บ้างเป็น ตามเหตุและปัจจัยของแต่ละคน บางคนมี บางคนได้ และบางคนเป็น ในสิ่งที่ผู้คนใฝ่อยากไปให้ถึง แต่สิ่งเหล่านี้ก็หาใช่คำตอบสุดท้ายของชีวิตไม่ แล้วคำว่า “ใช่” มันอยู่ตรงไหน
ถ้าเราเรียนรู้ที่จะมองความรู้สึกภายในใจของตนเอง เราจะเห็นความเปลี่ยนแปลงไม่หยุดหย่อน เสมือนเราถูกชักลากไปทางโน้นที ทางนี้ที อย่างไม่มีวันจบสิ้น ช่วงขณะที่เราถูกชักลาก บาดแผล ความเจ็บปวด ทุรนทุราย ก็เกิดขึ้นเช่นกัน
สิ่งที่เห็น ทำให้นึกถึงพุทธพจน์ขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้าที่ทรงตรัสกับองคุลิมาลว่า “เราหยุดแล้วแต่ท่านยังไม่หยุด”
ดังนั้น ตราบใดที่เรายังไม่หยุดเช่นเดียวกับองคุลิมาล แล้วเราจะเจอ “สุขที่แท้จริง” ได้อย่างไร
บางครั้ง เมื่อเรา “หยุด” เราจะสามารถ “ก้าวไปข้างหน้า” ได้อีกไกล