เช้าวันนี้ไปเดินออกกำลังกายตามปกติบนลู่วิ่งยาง พบพี่เอ ( นามสมมุติ ) ท่านเป็นครูเกษียณ รักการออกกำลังกาย เดินไปสนทนากันไปได้กว่า ๓๐ นาที มีเรื่องราวที่จะมาบอกเล่าแบ่งปันชาวโกทูโน
พี่เอเล่าว่า สมัยปี ๒๕๕๗ เห็นว่า พ่อค้าแม่ค้า ๘ ราย ขายของหน้าโรงเรียน มีการจราจรแออัดจึงมีกระบวนการภายใน นำไปสู่การแจ้งให้เจ้าหน้าที่บ้านเมืองหลายฝ่ายเข้ามาดูแล ไม่ได้ง่ายเหมือนที่หวังที่เข้าใจ เพราะ ท่านได้ฟังจากนักการเมืองระดับผู้นำกล่าวว่า พ่อค้าแม่ค้าคะแนนทั้งนั้นครู ส่งไปไม่ถึงไหนไปถึงตำรวจก็ทำนองเดียวกัน มีการร้องไปถึงนายอำเภอ จีงมีการประชุมกลุ่มใหญ่ มี รพ.และ รร.อื่น ๆ อีก ทุกแห่งเห็นสอดคล้องต้องกัน ว่า แม่ค้าพ่อค้าต้องไปขายที่อื่น เพื่อความปลอดภัยของเด็ก ทั้ง ๆ ที่มีความเห็นจากตำรวจระดับ ผกก.ว่า ควรให้แม่ค้าอยู่ต่อ ส่วนนักการเมืองเลี่ยง ๆ ไม่ร่วมโหวต เพราะกลัวเสียคะแนนเสียง การได้ยินคำบอกเล่าเช้าวันนี้ ทำให้ผมเป็นภาพเข้าใจสถานะการ และรู้สึกขอบคุณที่พี่เป็นครูต่อสู้ด้วยควาเอาใจใส่ ไม่กลัวเสียคะแนน
ผมได้บอกกับพี่ไปว่า ธรรมชาตินักการเมืองมักจะพูดติดปากว่า จะดูแลให้ ช่วย ๆ กันไป คะแนนเสียงทั้งนั้น ทามกลางความเดือดร้อนวุ่นวาย พวกเขาจะรอคอยดูจังหวะ ผมกำลังจะบอกว่าเป็นแบบนี้บ่อย ๆ ส่วนน้อย หรือส่วนมากที่ดี ๆ ย่อมต้องมีเป็นธรรมดา บรรดานักการเมืองอย่าไปร้อนตัว ร้อนใจ วิถีชีวิต วิถีทางของนักการเมืองไม่ว่ากัน เพื่อให้ประสบชัยชนะ แต่สำหรับครูต้องการความปลอดภัยให้เด็กนักเรียน ที่รอคอยผู้ปกครองมากรับก่อนกลับบ้าน ไม่ใช่มาถูกรถเฉียวชน ขณะออรอคอยซื้ออาหารกินข้างถนนหน้าโรงเรียน ถ้อยคำสำหรับ ประโยคที่พี่เอ กล่าวให้ที่ประชุมได้รับรู้ใจความว่า พวกเราจะรอให้เด็กนักเรียน บาดเจ็บล้มตายเสียก่อน ถึงจะออกมาแก้ปัญหา บังคับใช้กฎหมาย จะทำแบบเดิม ๆ อีกหรือ? ( ครูไม่ใช่ตำรวจ ไม่ใช่เทศกิจ ที่มีอำนาจหน้าที่บังคับใช้กฎหมาย ) ที่สุดปัญหาคลี่คลาย เพราะพ่อค้าแม่ค้า ๘ ราย ให้ความร่วมมือด้วยดี
# ๒ ก.ย.๒๕๖๐
ไม่มีความเห็น