ผมนั่งเครื่องบินภายในประเทศเฉลี่ยเดือนละสองสามครั้ง นั่งไปต่างประเทศปีละสองสามครั้ง ส่วนใหญ่ขอที่นั่งริมทางเดิน เพราะคนแก่เข้าห้องน้ำบ่อย แต่บางครั้งที่นั่งว่าง ทั้งแถวมีผมอยู่คนเดียว ก็ได้ขยับไปนั่งริมหน้าต่าง ได้โอกาส “เพลินนภา”
เพลินด้วยจักษุสัมผัส ชื่นชมสีท้องฟ้า ชื่นชมเมฆสารพัดแบบ และลางครั้งได้ชื่นชม อาทิตย์อุทัย หรืออาทิตย์อัสดงด้วย แต่ส่วนใหญ่ได้ชื่นชมเมฆหลากหลายรูปทรงและแสงเงา รวมทั้งตอนเครื่องบินขึ้น หรือร่อนลง ก็ได้ชื่นชมวิวภาคพื้นดินด้วย
นอกจากนั้นผมยังเพลินภาษา เพลินสุนทรียะและจินตนาการจากวรรณคดีที่เรียนสมัยหกสิบปีก่อน “เห็นโยคีขี่รุ้งพุ่งออกมา” “เห็นโยคีขี่เมฆมาเสกเวทย์” ท่านสุนทรภู่เคยเห็นแต่รุ้ง และเมฆที่มองจากพื้นดิน แต่ผมโชคดีกว่า เกิดมาในยุคที่ มีโอกาสเห็นรุ้งและเมฆจากด้านบน เพราะโลกสมัยใหม่ช่วยให้เรา “มาเหนือเมฆ” ได้ในทางกาย ไม่ใช่แค่ “มาเหนือเมฆ” ด้วยกลอุบาย
จึงนำภาพท้องฟ้าในหลากหลายอารมณ์มาอวด
วิจารณ์ พานิช
๑๖ ก.ค. ๖๐
A1
A2
A3
A4 มีรุ้งวงกลม
A5 ผ่านไปไกลก็ยังเห็นรุ้งวงกลม
B1 ท้องฟ้าเหนือกระเพาะหมูบางกระเจ้า
B2
B3
B4
C1
D1 ท้องฟ้าหน้าฝนท่เชียงราย
แก้วชอบนั่งริมทางเดินเช่นกันค่ะ ไม่อึดอัด
แต่ชอบดูเมฆ ได้แต่นั่งนึกว่า เราโชคดีที่มีโอกาสมองเมฆในมุมสูง สวยค่ะ
เพลิน กับคำว่าเหนือเมฆ..จริงๆ..เจ้าค่ะ...