KM&R2R to LO(11) ; AAR-3 "ความในใจ"


KM&R2R to LO(11) ; AAR-3 "ความในใจ"

หลังจากเสร็จกระบวนการวันที่ 15 สิงหาคม ของ KM&R2R ของ สปสช.เขต4 ผ่านไปแล้ว มาถึงวันนี้ยังมีหลายประเด็นให้ใคร่ครวญและตกผลึก ตลอดชีวิตของการทำงานในเรื่องการออกแบบการเรียนรู้ ครั้งนี้ถือว่าเป็นอีกหนึ่งผลงานที่ตนเองได้ทุ่มเท ใส่ใจ และเก็บรายละเอียดค่อนข้างมาก เพราะอยากเห็นปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นที่เป็น "องค์กรแห่งการเรียนรู้ หรือ Learning organization

ตั้งแต่เริ่มตัดสินใจเข้ามาคลุกคลี การทำความรู้จักกับผู้คนและเรื่องราว การนำพาตนเองก้าวให้ผ่านในสิ่งที่ไม่ชอบใจหรือขัดใจ การเผชิญหน้าต่อเรื่องต่างๆ ด้วยความนอบน้อม และการกล้าที่จะก้าวไปพร้อมกับทุกคนทุกปรากฏการณ์ของการเรียนรู้ เสียงแห่งในใจบอกว่า ช่างเป็นพื้นที่การเรียนรู้ที่สุดยอดมาก

"พี่แจ็ค" เรามีโอกาสได้พูดคุยกันจริงๆ จังๆ เมื่อเวที Policy Brief ของเขต4 โดยช่วงเดือนมิถุนายน อ.หมอสุธีเชื้อเชิญไปร่วมงานด้วย และมี สปสช.เขต4 ร่วมสนับสนุนและผลักดัน ในช่วงระยะเวลานั้นพี่แจ็คถือศีลอด ส่วนกะปุ๋มรักษาศีลแปด ระหว่างที่ทุกคนไปทานข้าวเราได้มีโอกาสพูดคุยกัน ได้เห็นภาพความคิดและความมุ่งมั่นของพี่แจ็คในหลายเรื่องที่พยายามจะเชื่อมโยงเรื่องของ UC กับผู้คนภายนอก และอยากเห็นภาพการทำงานร่วมกันระหว่าง สปสช. หน่วยบริการโรงพยาบาลต่างๆ และสถาบันการศึกษา เป็นแรงผลักที่ยิ่งใหญ่หากแต่นุ่มนวล ด้วยพลังความในใจตรงนี้ทำให้ตัดสินใจร่วมงาน พี่แจ็คบอกว่า เจออาจารย์กะปุ๋มหลายครั้งแต่เข้าไม่ถึง ณ เวลานั้นการเข้าไม่ถึงของพี่แจ็คคือ เรื่องใจหรือเปล่า(ไม่แน่ใจ) แต่ระยะต่อมาในงาน R2R Forum พี่แจ็คสะท้อนว่าการเข้าไม่ถึงอาจารย์คือ มีผู้คนห้อมล้อม แต่แท้ที่จริงแล้ว อ.กะปุ๋มเข้าถึงง่าย (ความเห็นส่วนตัว)

"น้องวา" คาดว่าเราจะเจอกันมานาน เป็นผู้หญิงตัวโตแต่ทำไมกะปุ๋มมองไม่เห็น เมื่อกลับมาใคร่ครวญเพราะน้องวาทำตัวเล็ก เมื่อคนทำตัวเล็กความตัวโตของผู้อื่นจะบดบัง สิ่งที่ได้เรียนรู้เรื่องนี้จากน้องวาสุดยอดมาก ความตัวเล็กสะท้อนถึงใจที่ยิ่งใหญ่ คนที่จะสามารถทำตัวเองให้เล็กลงได้ไม่ใช่ทำได้ง่ายๆ หากแต่ต้องอาศัยความนอบน้อมและอ่อนโยนมากๆ ซึ่งเชื่อในตนเองว่า น้องวามีสิ่งนี้อย่างเต็มเปี่ยม น้องวาเป็นที่ที่ปลอดภัยสามารถเข้าถึงได้ง่าย และมอบความไว้วางใจได้เลย 

"น้องนัน" เจอน้องนัน มองเห็นอีกด้านหนึ่งของตนเอง มุ่งมั่นตั้งใจ และจิตใจที่อ่อนโยน แม้การพูดจะมีลักษณะตรงๆ แต่เมื่อมองเข้าไปในแววตาสัมผัสได้แต่ความจริงใจ เป็นที่น่าเสียดายที่อาจจะมีใครบอกว่าน้องนันเสียงดัง แต่เปล่าเลย เสียงแห่งภายในของน้องนันต่างหากที่ดังยิ่งกว่า ซึ่งเป็นเสียงของคนขาลุยที่พร้อมจะทำทุกสิ่งอย่างได้ เมื่อมีโอกาส พลังของความจริงใจที่ไม่มีความซับซ้อน คำพูดที่เรียบง่ายของน้องนันหลายๆ ครั้งทำให้รู้สึกมีกำลังใจ และมีความรู้สึกว่ามีคนเข้าใจ แม้ว่าน้องนันอาจจะไม่ได้พูดอ่อนหวานหรือฉอเลาะ ใจตัวเดียวคือสิ่งนำพา เมื่อได้สัมผัสกับน้องนัน

ทั้งสามท่านคือ ความเป็นหนึ่งเดียวที่หลอมรวมกัน และมีความมุ่งมั่นตั้งใจอย่างมาก พร้อมเปิดใจ ทำให้นึกถึงคำว่า พร้อมที่จะเรียนรู้และเปลี่ยนแปลง

"คุณพจน์" เป็นคนแรกที่อธิบายเรื่อง UC ให้สามารถเข้าใจได้ง่าย(ตนเองอาจเป็นคนที่เข้าใจยาก) เวลาที่คุณพจน์พูดหรือเล่าสะท้อนให้เห็นถึงการตกผลึกทำให้เกิดเป็นความเข้าใจง่าย คล้ายสารานุกรมเคลื่อนที่ แม้ว่าจะยุ่งแค่ไหนแต่คุณพจน์ก็มาร่วมกระบวนการด้วยท่าทีที่นอบน้อมและเปี่ยมด้วยความอ่อนโยน คุณพจน์มีลักษณะของความใจดีและมีเมตตา "กระบวนการเรียนรู้ของอาจารย์เป็นธรรมชาติ" คือคำบอกเล่าที่คืนข้อมูลให้กับกระบวนกร นั่นสะท้อนให้เห็นว่าตลอดของการเข้าร่วมคุณพจน์เก็บรายละเอียด อย่างใส่ใจแม้จะวิ่งไปมาระหว่างทำงานภารกิจตรงหน้าและการเข้าร่วมกระบวนการแสดงให้เห็นว่า "ไม่หลุด"ออกจากเรื่องราวการเรียนรู้

"พี่ยุทธหรือพี่เจี๊ยบ" เป็นคนแรกที่เดินเข้ามาในห้องประชุมวันนั้น พร้อมออกตัวว่าจะอยู่ได้ไม่นาน ณ ความรู้สึกขณะนั้น รู้สึกเสียดาย Tacit Knowledge ที่พี่ยุทธมีอยากให้ร่วมแลกเปลี่ยนเรียนรู้ตลอดทั้งวัน พี่แจ็คขันอาสาจัดการธุระให้พี่ยุทธและมีน้องวาช่วยเป็นกำลังสำคัญ และที่สุดพี่ยุทธก็ได้อยู่ร่วมทั้งวัน ซึ่งมีคุณค่าและมีความหมายมาก เพราะตลอดชีวิตการทำงานประสบการณ์และการเรียนรู้ที่เกิดขึ้นมีมากที่จะนำพาพี่ๆน้องๆในกระบวนการชวนคิดชวนมองชวนคุยได้

"ป๋าธวัชหรือพี่ธวัช" ซึ่งจะเกษียณในอีกไม่นาน แอบทราบมาว่า จะไม่ได้มา แต่พี่ธวัชก็มาเป็นคนที่สอง พร้อมมีมุมมองเล็กๆ ที่นุ่มนวลให้ได้ขบคิด พี่ธวัชช่วยสะท้อนเวทีกระบวนการให้ฟังว่า "การมาวันนี้คือการมาทำสติ สติเป็นสิ่งนำพาให้เราได้พูดคุยกัน ฟังกัน และเกิดการเปลี่ยนแปลง" ตลอดเวลาของการทำกระบวนการพี่ธวัชจะนำพาให้เกิดความเบิกบานและผ่อนคลาย 

"พี่เจี๊ยบ" เจอครั้งแรกนั่งอยู่ข้างพี่แจ็ค ในช่วงการทำกระบวนการพี่เจี๊ยบจะมาคอยช่วยเกื้อกูลแบบไม่ได้ร้องขอ ทีแรกเข้าใจว่าพี่แจ็คไหว้วาน แต่ความจริงไม่ใช้ ไร้เงื่อนไขเลยกับพี่เจี๊ยบไม่มีสิ่งใดขวางกั้นใจระหว่างเราสองคนได้ สื่อถึงกันและสามารถกอดพี่เจี๊ยบได้อย่างเต็มที่และเต็มใจอย่างที่สุด สิ่งที่ประทับใจ คือ พี่เจี๊ยบรู้จังหวะของกระบวนกร ทำให้กระบวนการช่วงแรกได้ผู้ช่วยกระบวนกรแบบไม่คาดฝัน

"น้องชัยหรือเภสัชชัย" แม้จะได้รับคำบอกเล่าว่าเพิ่งเข้ามาทำงาน แต่สิ่งหนึ่งที่เห็นได้จากแววตาของน้องชัย คือ การมองโลกอย่างสุนทรีย์ "การจะได้เจออาจารย์ไม่ใช่เรื่องง่ายๆ..." เป็นคำพูดที่ซาบซึ้งใจมาก มองเห็นความเป็นละเอียดและช่างสังเกต และเป็นคนที่ให้คุณค่ากับสิ่งต่างๆ รอบตัว มีความรู้สึกสัมผัสถึงรอยยิ้มที่มีอยู่ตลอดเวลา

"พี่กบ" เป็นชายหนุ่มที่รู้จักได้โดยไม่ต้องสัมภาษณ์หรือพูดคุย เห็นความไร้เงื่อนไขของการดำรงชีวิต และความเป็นผู้ให้คุณค่ากับสิ่งต่างๆ พี่กบเพิ่งลงเครื่องมาจากต่างประเทศก็ตรงดิ่งมาที่ห้องประชุมเลย บุคคลเช่นนี้หาได้ยากมากในองค์กร ความเป็นพี่กบทำให้นึกย้อนไปถึงสมัยเรียน อาจารย์ที่ปรึกษาบอกว่า "กะปุ๋มต้องฝึกหัดการปฏิเสธคน" ซึ่งในตอนนั้นนำคำพูดของอาจารย์มาใคร่ครวญ และที่สุดก็ก้าวไปสู่ความเป็นตัวของตัวเอง การปฏิเสธคนคือ การนำมาซึ่งการทำลายความหวังของผู้คน ส่วนตัวจะพยายามทำให้ได้ก่อนอย่างเต็มที่เมื่อทำไม่ได้ก็ค่อยบอกเมื่อทำเต็มที่ความผิดหวังก็จะปรากฏน้อย กำลังใจหรือการได้ใจจะมาอย่างเปี่ยมพลัง จึงอยากบอกพี่กบว่า "พึงรักษาใจอย่างที่พี่กบเป็นอย่างตื่นรู้และเบิกบาน"

"พี่พร" นำพาน้องๆสามสี่คนมา พี่พรบอกว่า "ว่าจะไม่มา แต่เมื่อมาแล้วความคิดเปลี่ยน ในกระบวนการแลกเปลี่ยนพี่พรมีพลังของความสดใสและตื่นรู้มาก สะท้อนออกถึงพลังด้านในที่มี Tacit Knowledge เป็นตัวผลักดัน เวลาที่มองไปเห็นพี่พรนั่งอยู่กับน้องๆ จะสัมผัสถึงความอบอุ่นใจได้ "น้องอุ๋ย" เราเจอกันครั้งแรกที่นครนายก เป็นคนร่าเริงและเบิกบาน แววตาเป็นประกายสดใส น้องอุ๋ยเมื่อเจอทำให้สดชื่น พอๆ กับ "น้องปุ๋ย" ซึ่งอาจจะเรียกได้ว่าเป็นคนรุ่นใหม่ที่ยังมีพื้นที่อันเป็นอิสระและเปิดกว้างพร้อมเรียนรู้ "มิกิ" เป็นอีกครั้งที่มองแล้วคล้าย "น้องนัน" ตรงที่มีแววตาที่มุ่งมั่นเอาจริงและตั้งใจ เวลายิ้มทำให้รอยยิ้มของมิกิมีคุณค่า "น้องแพร" เป็นอีกคนที่นั่งอยู่แวดล้อมพี่พร น้องแพรไม่ค่อยพูด แต่เมื่อพูดด้วยคำพูดที่เรียบง่ายทำให้เห็นความสว่างของจิตใจที่สะอาด ไม่มีความซับซ้อนของความคิดด้านลบเจือปน พูดซื่อๆ ใสๆ

"พี่แหม่ม" เจอกันมาก่อนที่ สปสช.เขต4 พี่แหม่มเป็นคนที่ทุ่มเทในงาน เมื่อได้เล่าเรื่องเกี่ยวกับงาน และเห็นบทเรียนหลายๆ เรื่องที่เกิดเป็นความรู้ฝังลึกอันได้มาจากประสบการณ์และการสั้งสมในการทำงาน พี่แหม่มนั่งอยู่ข้างๆ กับ "พี่กุ้ง" ซึ่งชื่นชมเลย พี่กุ้งสวยและสดใส คุยด้วยแล้วสบายใจ พี่กุ้งผ่านการอบรมหลักสูตร R2R Facilitator รุ่นแรกที่เราเรียกกันว่า "รุ่นออตโต" พี่กุ้งมีความเบิกบานอยู่ในตัวเอง ซึ่งเป็นลักษณะที่ดีของผู้เป็น Fa แต่ต้องมีการเปิดพื้นที่ให้ได้ฝึกและเรียนรู้ พลังของความสดชื่นและเบิกบานจะได้เจริญงอกงามยิ่งๆ ขึ้น "น้องอาร์ม"หนุ่มไอที ที่สามารถนั่งอย่างสงบได้ภายใต้กระบวนการนี้ ซึ่งส่วนใหญ่คนไอที จิตของเขาจะจดจ่ออยู่กับเทคโนโลยี แต่น้องอาร์มก็สามารถฟังและร่วมพูดคุยกับพี่ๆน้องๆในกระบวนการได้

"พี่ปุ๊" สุภาพสตรีรูปร่างผอมแต่เห็นความแข็งแกร่งอย่างมากมายในจิตใจ พี่ปุ๊บอกว่าหมดพลังจากการทำงานบ้าน หากแต่เปล่าเลย พี่ปุ๊มีพลังมากมาย ตอนช่วงนำเสนอการสะท้อนคิด พี่ปุ๊สามารถทำให้ท่าน อ.หมอชลอมีความเบิกบานและหัวเราะได้อย่างพอใจ เห็นอาจารย์ยิ้มจนตาหยีก็รู้สึกมีความสุขไปด้วย พี่ปุ๊ส่งพลังด้านบวกที่เกิดขึ้นจากการทำงานได้อย่างทรงพลังมากๆ "พี่จ๊ะอี๋" แม้ว่าจะไม่อยากมา แต่ทุกๆ รายละเอียดของการเรียนรู้มองเห็นเลยว่าพี่จ๊ะอี๊เป็นผู้ที่ให้ความใส่ใจต่อรายละเอียดต่างๆ มากมาย ใส่ใจในการฟังและจดรายละเอียด เป็นอีกหนึ่งท่านที่น่าสนใจและยิ่งทราบว่าเป็นคนที่มาถึงที่ทำงานก่อนใคร สะท้อนให้เห็นเลยว่ามีความมุ่งมั่นตั้งใจสูงมาก

"ผู้บริหาร" ท่าน อ.หมอชลอ และพี่เป้า ถือว่า เป็นผู้บริหารที่มีความเป็นผู้นำและก้าวเดินไปพร้อมๆ กับทุกๆ คนในองค์กร ทำให้รู้สึกถึงคำว่า Family แม้จะยุ่งแต่พี่เป้าก็ให้ความสำคัญกับกระบวน เฝ้ามองและคอยประคอง ซึ่งท่านผู้อำนวยการ ท่าน อ.หมอชลอเองท่านนั่งร่วมเรียนรู้ไปพร้อมๆ กับทุกๆ คนอย่างตื่นรู้และผ่อนคลาย ทำให้บรรยากาศการเรียนรู้มีช่องว่างน้อยมากและสะท้อนถึงพลังของความเป็นหนึ่งเดียว

เป็นกระบวนการที่ประทับใจมีคุณค่าและมีความหมาย
แม้เวลาผ่านมาหลายวัน ใคร่ครวญในทุกๆ อณูของเรื่องราวรู้สึกประทับใจ และไม่มีคำว่าเสียดายหรือเสียใจเกิดขึ้น การได้รู้จักบุคลากร สปสช.เขต4 การมาเจอกันไม่ใช่เรื่องบังเอิญ และยิ่งทำให้รู้สึกว่าสิ่งที่ทุกท่านทำนั้นเป็นภารกิจที่สำคัญ และใช้พลังมากมายเพื่อนำพาประชาชนให้เข้าถึงระบบบริการสุขภาพที่เป็นธรรมและเท่าเทียม 

การจะรักษาคนในองค์กรไว้และดึงศักยภาพที่มีอยู่อย่างไม่มีจำกัดได้นั้นต้องอาศัย "ใจ"นำพา และเป็นใจที่ตื่นรู้และเบิกบาน เมื่อบุคคลมีสภาวะใจเช่นนี้แล้ว เขาจะสามารถดึงศักยภาพภายในได้อย่างไม่มีวันหมดสิ้น

#KMUC


คำสำคัญ (Tags): #KMUC#km#r2r#สปสช.เขต4
หมายเลขบันทึก: 634143เขียนเมื่อ 20 สิงหาคม 2017 11:23 น. ()แก้ไขเมื่อ 20 สิงหาคม 2017 11:23 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท