เมื่อเธอได้รู้จักกับความเป็นเธอที่แท้จริงภายใน
ไม่ใช่รู้จักเพราะเชื่อตามที่คนอื่นบอกว่ามันเป็นอย่างนั้นอย่างนี้
แต่รู้จักด้วยประสบการณ์ตรงของเธอเอง
รู้จักด้วยการสัมผัสด้วยตัวเอง
ว่ามันอยู่ภายในเธอ
และอยู่ตรงนั้นเสมอทุกครั้งที่เธอหันความสนใจเข้าไปชำเลืองดูมัน
มันไม่ใช่สิ่งหนึ่งที่อยู่ภายนอก
รอให้เธอเดินทางไปหา
รอให้เธอทำโน่นทำนี่เพื่อเข้าถึง
ในสภาวะแห่งการตื่นขึ้นพบความจริงนี้
ผู้ใหม่จะถูกโจมตีด้วยพายุแห่งความคิดและอารมณ์ปรุงแต่งทางใจของอัตตาตัวตน
มันจะแสดงออกมาในรูปของความลังเลสงสัย ความเคลือบแคลงใจ
ใช่เหรอ
ทำไมมันง่ายอย่างนี้ล่ะ
ทำไมที่เคยรู้มามันไม่ใช่อย่างนี้
มันต้องยากลำบากกว่านี้สิ
อัตตาตัวตนจะโหมกระหน่ำเธอทุกวิถีทาง
เช่นเดียวกับที่มันกระทำต่อพระพุทธเจ้า
ต่อศาสดาทุกพระองค์
ต่อผู้ตื่นรู้ทุกคน
เธอต้องยืนหยัดมั่นคงต่อธรรมชาติเดิมภายใน
ต่อสิ่งที่เธอสัมผัสได้จริงด้วยตัวเธอเอง
ต่อความว่างไร้ขอบเขต
ต่อความเงียบสงบที่อยู่เหนือพายุความคิดและพายุอารมณ์ทั้งปวง
ต่อสิ่งที่อยู่เหนือกาลเวลา
ต่อสิ่งที่ปราศจากการเกิดดับ
ต่อชีวิตที่แท้จริงของเธอ
อย่าประมาท
อย่าหวั่นไหว
เฝ้ามองด้วยความอดทน
บอกตนเองว่า
ให้พายุอารมณ์เหล่านี้
เป็นสิ่งที่พัดพาเธอได้เข้าแนบชิด
เป็นเนื้อเดียวกับธรรมชาติเดิมให้ยิ่งๆขึ้นไป
&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&
เมื่อเราได้เข้าไปสัมผัสกับความเงียบภายใน
แล้วถูกโจมตีด้วยพายุความคิดและอารมณ์
ก่อให้เกิดความลังเลสงสัย
จงอย่าต่อสู้กับมัน
อย่าต่อต้านมัน
อย่าพยายามทำสิ่งใดเพื่อเอาชนะหรือควบคุมบังคับมัน
เพราะนั่นคือการลงไปเล่นกับมัน
และวัฎจักรก็จะดำเนินต่อไปได้อีก
สิ่งที่ควรทำคือ นิ่ง เงียบ เฝัามอง
มั่นคงอยู่กับการเตือนตัวเองว่านั่นคือสิ่งถูกรู้
มันไม่ใช่เรา
เราคือธรรมชาติรู้
ทำไมพลังความคิดและอารมณ์เหล่านี้จึงมีอานุภาพมากนัก
ทำไมมันจึงประสบความสำเร็จอย่างง่ายดาย
ในการหันเหความสนใจของผู้ปฏิบัติให้ออกห่างจากการรู้แจ้ง
คำตอบคือ เพราะมันรู้จุดอ่อนของเราคืออัตตาตัวตน
มันจะโจมตีที่อัตตาตัวตน
กระตุ้นให้มีการสร้างอัตตาตัวตนขึ้นมาครั้งแล้วครั้งเล่า
นี่เรา นี่ของเรา
มันจะกระตุ้นความลังเลสงสัย
มันจะกระตุ้นความคิด
มันจะกระตุ้นอารมณ์ความรู้สึก
เพราะนั่นคือคุณลักษณะของอัตตาตัวตน
ในธรรมชาติเดิม ในความเงียบ
จะไม่มีความลังเลสงสัย
ไม่มีความคิด
ไม่มีอารมณ์ความรู้สึก
มีแต่รู้
มาถึงจุดนี้แล้ว
ได้รู้จักความเงียบแล้ว
อย่าปล่อยมือ อย่าประมาท อย่าเลิกล้ม
มั่นคงอยู่กับความเงียบ
ค่อยๆแทรกซึมเป็นหนึ่งเดียวกับธรรมชาติเดิมนี้
สัมผัสความเป็นหนึ่งเดียว
ความรัก ความเมตตา
ความอิ่มเต็ม ความสุขความสงบ
นี่ไม่ใช่สิ่งที่เราทุกคนค้นหาหรอกหรือ
&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&
การเข้าสังคมอย่างผู้เข้าใจในธรรม
ถาม - ทำอย่างไรผมจึงจะมีอิสระ
มูจิตอบ - เธอจะทำทุกสิ่งอย่างผู้เข้าใจในธรรม เข้าถึงอิสรภาพภายใน เมื่อไม่มีความรู้สึกว่านี่เป็นเรา
การอยู่กับความเงียบภายในจะละลายอัตตาตัวตน
มองเห็นว่ามันเป็นแค่หนึ่งความคิดที่เกิดดับ
แม้จะต้องพูดหรือทำสิ่งใดตามมารยาทและความจำเป็นทางสังคม
ก็จะใช้มันเหมือนกับกำลังสวมใส่เสื้อผ้า
การเห็นนี้หยั่งลึก เห็นอย่างมั่นคง
ไม่คลอนแคลนสั่นไหว ไม่มีการเหนี่ยวรั้งยึดติดใดๆ
เมื่อนั้น ไม่ว่าจะไปที่ไหน จะทำอะไร
จะพูดอะไร จะรู้สึกอะไร จะคิดอะไร
ฐานอันมั่นคงในความเงียบจะอยู่ที่นั่นเสมอ
เธอจะไม่มีความอยากได้สิ่งใดจากใครๆเลย
เธอไม่ต้องการให้ใครมายอมรับ
เธอไม่ต้องการเข้าเป็นส่วนหนึ่งของกลุ่ม
เธอไม่ต้องการความโดดเด่น
เธอไม่ต้องการทำตัวให้น่าสนใจ
เธอไม่ต้องการเพื่อน
เธอไม่ต้องการมองหาสิ่งใดๆเลย
นั่นคือความอิสระ
เวลาเธอต้องพูดคุยเกี่ยวข้องกับคนที่กำลังว้าวุ่นสับสน
เธอจะไม่ถูกเหนี่ยวนำให้สับสนตามเขา
แต่เธอจะช่วยทำให้เขาสงบลงได้โดยที่เธอไม่ได้ตั้งใจ
แค่อยู่กับความเงียบภายในเท่านั้นเอง
เธอจะยังสามารถพูดคุยสนทนาเรื่องต่างๆได้เหมือนเดิม
แต่ภายในเธอจะไม่ไหลตามคำพูดเหล่านั้น
และเฝ้ามองอย่างเงียบๆ
และถ้ามีโอกาส การสนทนาจะถูกนำไปในทางที่ลึกซึ้งมากขึ้น
มีความหมายทางจิตวิญญาณมากขึ้น
ซึ่งภายในเขาจะรู้เองว่าผู้ฟังพร้อมจะรับหรือเปล่า
ถ้าเธอเกิดความรู้สึกว่า เธออยากคุยกับคนนี้ เพราะเขาน่าสนใจ
เพราะเธอต้องการอะไรบางอย่างจากเขา
ก็ทำได้
แต่ให้รู้ว่าขณะนั้นเธอสวมบทบาทของอัตตาตัวตนอยู่
ให้มองเห็นอาการของใจที่อยากเข้าไปพูดคุย
อยากได้การยอมรับ
นั่นคือธรรมชาติของใจ
แค่รู้ แค่เห็น
อิสรภาพจะเป็นของเธอ
ไม่มีความเห็น