ธรรมชาติสูงสุดอยู่เหนือทุกอย่าง


ธรรมชาติสูงสุดอยู่เหนือทุกอย่าง

ถาม  ท่านพูดว่า ความจริงแท้เป็นหนึ่งเดียว

ความเป็นหนึ่งเดียว เป็นคุณลักษณะของบุคคล

ถ้าอย่างนั้น ควาจริงแท้คือบุคคล และจักรวาลคือร่างกาย ใช่หรือไม่

ตอบ  เธอจะพูดอย่างไรก็ได้ ทั้งหมดล้วนถูกและผิด

คำพูดไม่สามารถอธิบายเกินความสามารถของใจ

 

ถาม  ผมเพียงแค่พยายามทำความเข้าใจ

ท่านพูดเกี่ยวกับ บุคคล ธรรมชาติเดิมแท้ และธรรมชาติสูงสุด (vyakti, vyakta, avyakta)

แสงสว่างของการตระหนักที่บริสุทธิ์ (pragna) โฟกัสที่ “ฉันเป็น” ในธรรมชาติเดิมแท้ (jivatma) ในขณะที่ความรู้ตัว (chetana) ส่องแสงให้แก่ใจ (antahkarana) และในขณะที่ชีวิต (prana) ให้ชีวิตชีวาแก่ร่างกาย (deha)

ทั้งหมดนี้ผมพอจะเข้าใจได้

แต่เมื่อผมมองเข้าไปภายใน และพยายามจำแนกระหว่างบุคคลกับ ธรรมชาติเดิมแท้ และระหว่าง ธรรมชาติเดิมแท้ กับ ธรรมชาติสูงสุด ผมสับสน ทำไม่ได้

ตอบ  บุคคลเป็นได้แค่สิ่งถูกรู้เท่านั้น

เธอสามารถเห็นบุคคลได้ แต่เธอไม่ใช่บุคคล

เธอคือธรรมชาติสูงสุด และเป็นเช่นนั้นเสมอ โดยธรรมชาติสูงสุดนั้นปรากฏขึ้น ณ จุดหนึ่งของเวลาและสถานที่ ในลักษณะของผู้เฝ้ามอง เป็นสะพานระหว่างความตระหนักที่บริสุทธิ์ของธรรมชาติสูงสุด และความรู้ตัวที่หลากหลายของบุคคล

 

ถาม  เมื่อผมมองดูตัวเอง ผมพบว่าผมคือหลายบุคคล ต่อสู้กันเองเพื่อใช้ร่างกาย

ตอบ  เหล่านั้นล้วนสอดคล้องกับแนวโน้มหลากหลาย (samskara) ของใจ

 

ถาม  ผมจะทำให้พวกมันอยู่ร่วมกันอย่างสันติได้ไหม?

ตอบ  เธอจะทำได้อย่างไร? พวกมันล้วนขัดแย้งกัน

จงเห็นมันอย่างที่มันเป็น – แค่นิสัยของความคิดและความรู้สึก กลุ่มก้อนมากมายของความทรงจำและแรงกระตุ้น

 

ถาม  แม้อย่างนั้น ผมก็สามารถพูดได้ว่า “ฉันเป็น”

ตอบ  นั่นเป็นเพราะเธอคิดว่าเธอคือพวกมัน

แต่เมื่อเธอตระหนักว่า ไม่ว่าอะไรก็ตามที่ปรากฏขึ้นต่อการรับรู้ของเธอ ล้วนไม่ใช่เธอ และไม่สามารถพูดได้ว่า “ฉันเป็น” เธอก็จะเป็นอิสระต่อ “บุคคล” ทั้งหมดของเธอ และความต้องการของมัน

ความรู้สึกว่า “ฉันเป็น” จะกลายเป็นของเธอ

เธอไม่สามารถแยกออกจากมัน แต่เธอสามารถกระจายมันออกไปให้สิ่งอื่นๆ ดังที่มีคำกล่าวว่า ฉันอ่อนเยาว์ ฉันร่ำรวย เป็นต้น

แต่การระบุด้วยอัตตาตัวตนเช่นนั้น เป็นสิ่งผิด และเป็นสาเหตุของความยึดมั่นถือมั่น

 

ถาม  ตอนนี้ผมเข้าใจแล้วว่าผมไม่ใช่บุคคล แต่เมื่อสะท้อนภายในบุคคล แล้วทำให้เกิดความรู้สึกของความมีอยู่เป็นอยู่

แล้วธรรมชาติสูงสุดล่ะครับ?

ผมจะรู้ได้อย่างไรว่าผมคือธรรมชาติสูงสุด?

ตอบ  ต้นตอของความรู้ตัวไม่สามารถเป็นสิ่งถูกรู้ภายในความรู้ตัว

การจะรู้ต้นตอนี้ มีทางเดียว คือต้องกลายเป็นต้นตอเสียเอง

เมื่อเธอตระหนักว่าเธอไม่ใช่บุคคล แต่เป็นผู้เฝ้าดูที่บริสุทธิ์และเงียบสงบ และความตระหนักที่ปราศจากความกลัวนั้นคือความเป็นเธอที่แท้จริง เมื่อนั้น เธอคือการมีอยู่เป็นอยู่

มันเป็นต้นตอ เป็นโอกาสที่ไม่สิ้นสุด

 

ถาม  มีต้นตอจำนวนมาก หรือมีเพียงหนึ่งเดียว?

ตอบ  ขึ้นอยู่กับว่าเธอมองมันแบบไหน มองจากปลายด้านใด

สิ่งถูกรู้ในโลกมีมากมาย แต่ธรรมชาติที่เฝ้ามองมันมีเพียงหนึ่งเดียว

สิ่งที่อยู่สูงกว่ามักปรากฏเพียงหนึ่งเมื่อมองจากที่ต่ำกว่า และสิ่งที่อยู่ต่ำกว่า จะปรากฏเป็นจำนวนมากมายเมื่อมองจากที่สูงกว่า

 

ถาม  รูปร่างและชื่อมากมายล้วนเป็นหนึ่งเดียวกับพระเจ้าองค์เดียวกันใช่ไหม?

ตอบ  มันขึ้นอยู่กับว่าเธอจะมองจากแง่ไหน ถ้ามองจากระดับของคำพูด ทุกอย่างล้วนสัมพัทธ์กัน

ธรรมชาติสูงสุดควรจะสัมผัสได้ แต่ไม่ควรจะพูดถึงได้

 

ถาม  เราจะสัมผัสธรรมชาติสูงสุดได้อย่างไร?

ตอบ  มันไม่ใช่สิ่งที่ถูกรู้ได้ หรือจดจำได้ และนำมาเก็บไว้ในความทรงจำ

มันอยู่ในปัจจบันขณะ และสัมผัสได้เท่านั้น

เราพูดถึงมันในลักษณะของ “อย่างไร” มากกว่า “อะไร”

มันมีอยู่ในคุณภาพ ในคุณค่า เป็นต้นตอของทุกสิ่ง มีอยู่ในทุกสิ่ง

 

ถาม  ถ้ามันคือต้นตอ มันจะสำแดงตนออกมาภายในตนเองได้อย่างไรและทำไม?

ตอบ  มันก่อกำเนิดความรู้ตัว ทุกสิ่งล้วนอยู่ภายในความรู้ตัว

 

ถาม  ทำไมศูนย์กลางของความรู้ตัวจึงมีมากมายนัก?

ตอบ  จักรวาลแห่งสรรพสิ่งที่ถูกรู้ (mahadakash) ล้วนเคลื่อนที่อย่างสม่ำเสมอ ฉายออกและละลายรูปแบบจำนวนนับไม่ถ้วน

เมื่อใดที่รูปแบบถูกผสมด้วยชีวิต (prana) การรู้ตัว (chetana) จะปรากฏโดยการสะท้อนของความตระหนักในสสาร 

 

ถาม  แล้วธรรมชาติสูงสุดจะถูกกระทบได้อย่างไร?

ตอบ  อะไรเล่าที่ส่งผลกระทบต่อมันได้ และจะทำได้อย่างไร?

แหล่งกำเนิดไม่สามารถถูกกระทบได้โดยความหลากหลายของแม่น้ำ โลหะไม่สามารถถูกกระทบได้โดยความหลากหลายของรูปร่างของเครื่องประดับ

แสงได้รับผลกระทบจากรูปภาพบนจอหรือ?

ธรรมชาติสูงสุดทำให้ทุกสิ่งเป็นไปได้ แค่นั้น

 

ถาม  ถ้าอย่างนั้น ทำไมบางอย่างเกิดขึ้นได้ บางอย่างเกิดขึ้นไม่ได้?

ตอบ  การค้นหาสาเหตุคือสิ่งที่ใจทำเพื่อฆ่าเวลา

มันไม่มีธรรมคู่ของเหตุและผล

ทุกสิ่งเป็นเหตุของตัวมันเอง

 

ถาม  ไม่มีการกระทำที่หวังผลใดๆจะเป็นไปได้เลยหรือ?

ตอบ  ทั้งหมดที่ฉันพูดก็คือ ทุกอย่างอยู่ภายในความรู้ตัว

ภายในความรู้ตัว ทุกอย่างล้วนเป็นไปได้

เธอจะมีเหตุมากมายก็ได้ถ้าเธอต้องการ ในโลกของเธอ

คนอื่นอาจพอใจกับเหตุเดียว – ความประสงค์ของพระเจ้า

รากของเหตุมีเพียงหนึ่ง – ความรู้สึกว่า “ฉันเป็น”

 

ถาม  อะไรคือความเชื่อมโยงระหว่างธรรมชาติเดิมแท้ (Vyakta) และ ธรรมชาติสูงสุด (Avyakta)?

ตอบ  ในมุมมองของธรรมชาติเดิม โลกคือสิ่งถูกรู้ ธรรมชาติสูงสุด – คือสิ่งที่ไม่สามารถรู้ได้

สิ่งที่ไม่สามารถรู้ได้ก่อกำเนิดสิ่งถูกรู้ทั้งปวง แต่ตัวมันเองก็ยังคงอยู่เหนือการรู้ได้

สิ่งถูกรู้เป็นอนันต์ แต่สิ่งอยู่เหนือการรู้เห็นนี้เป็นความไม่มีที่สิ้นสุดของอนันต์

เช่นเดียวกับที่ลำแสงจะไม่สามารถถูกเห็นได้จนกว่าจะถูกดักด้วยผงละเอียดของฝุ่นละออง ธรรมชาติสูงสุดก่อกำเนิดทุกสิ่งที่ถูกรู้เห็นได้ แต่ตัวมันเองถูกรู้เห็นไม่ได้

 

ถาม  นั่นหมายความว่า สิ่งถูกรู้เห็นไม่ได้นี้ เราจะเข้าถึงไม่ได้ใช่ไหม?

ตอบ  ไม่เลย

ธรรมชาติสูงสุดนี้เข้าถึงได้ง่ายมาก เพราะมันคือความเป็นเธอที่แท้จริง

แค่หยุดคิด และไม่ต้องการสิ่งใดนอกจากธรรมชาติสูงสุด

 

ถาม  และถ้าผมไม่ต้องการอะไรเลย แม้แต่ธรรมชาติสูงสุกเล่า?

ตอบ  ถ้าอย่างนั้นเธอก็เหมือนตายแล้ว หรือมิฉะนั้นเธอก็เป็นธรรมชาติสูงสุด

 

ถาม  โลกเต็มไปด้วยความต้องการ ทุกคนต้องการอะไรไม่อย่างใดก็อย่างหนึ่ง

ใครคือผู้ต้องการ? บุคคลหรือธรรมชาติเดิม?

ตอบ  ธรรมชาติเดิม

ความต้องการทั้งหมด ไม่ว่าจะศักดิ์สิทธิ์หรือไม่ ล้วนมาจากธรรมชาติเดิม มันเกาะเกี่ยวอยู่กับความรู้สึก “ฉันเป็น”

 

ถาม  ผมเข้าใจได้ว่าความต้องการที่ศักดิ์สิทธิ์ (satyakama) เกิดมาจากธรรมชาติเดิม

มันอาจเป็นการแสดงออกของความสุขของ Sadchitananda (ความมีอยู่เป็นอยู่ – ความตระหนัก – ความสุข)

แต่ทำไมจึงมีความต้องการที่ไม่ศักดิ์สิทธิ์?

ตอบ  ความต้องการทั้งหมดมีเป้าที่ความสุข

รูปร่างและคุณภาพของมันขึ้นอยู่กับจิตใจ (antahkarana)

เมื่อความเฉื่อย (tamas) มีกำลัง เราจะพบความวิปริต

เมื่อพลังงาน (rajas) มีกำลัง กิเลสตัณหาจะก่อตัวขึ้น

เมื่อมีความสว่าง (sattva) แรงกระตุ้นเบื้องหลังความต้องการคือ ความปรารถนาดี ความเห็นอกเห็นใจ ความต้องการทำให้ผู้อื่นมีความสุขมากกว่าตนเองมีความสุข

แต่ธรรมชาติสูงสุดอยู่เหนือสิ่งเหล่านี้ทั้งหมด แต่เพราะความสามารถในการซึมผ่านที่เป็นอนันต์ของมัน ความต้องการที่ตรงจุดทั้งมวลจึงเป็นจริงได้

 

ถาม  ความต้องการใดที่ตรงจุด?

ตอบ  ความต้องการที่ทำลายผู้รู้หรือสิ่งถูกรู้ หรือไม่ยอมลงให้กับความพอใจ ล้วยขัดแย้งกับตัวมันเอง และไม่สามารถเติมเต็มได้

มีเพียงความต้องการที่ถูกกระตุ้นด้วยความรัก ความปรารถนาดี และความเมตตากรุณา เท่านั้นที่จะเป็นประโยชน์แก่ผู้ให้และผู้รับ และสามารถเติมเต็มได้โดยสมบูรณ์

 

ถาม  ความต้องการทุกชนิดล้วนเต็มไปด้วยความเจ็บปวด ไม่ว่าจะศักดิ์สิทธิ์หรือไม่

ตอบ  มันไม่เหมือนกัน และความเจ็บปวดก็ไม่เหมือนกัน

ความหลงใหลนั้นเจ็บปวด แต่ความกรุณาไม่เจ็บปวด

จักรวาลทั้งหมดมุ่งมั่นเพื่อเติมเต็มความต้องการที่มาจากความกรุณา

 

ถาม  ธรรมชาติสูงสุกรู้จักตัวมันเองหรือไม่?

ธรรมชาติที่ไร้อัตตาตัวตนมีความรู้ตัวหรือไม่?

ตอบ  แหล่งกกำเนิดของทุกสิ่งมีทุกสิ่ง

อะไรก็ตามที่หลั่งไหลออกมาจากมันต้องมีอยู่ที่นั่นแล้ว ในรูปแบบของเมล็ดพันธุ์

และในฐานะของเมล็ดพันธุ์คือเมล็ดพันธุ์สุดท้ายของเมล็ดพันธุ์จำนวนนับไม่ถ้วน และบรรจุประสบการณ์และคำสัญญาของป่าไม่จำนวนมากมาย ธรรมชาติที่เหนือการรู้ โอบล้อมทุกสิ่งซึ่งมีได้เป็นได้

สนามทั้งหมดแห่งการเป็น เปิดอยู่และเข้าถึงได้ อดีตและอนาคตอยู่ร่วมกันภายในปัจจุบันขณะที่เป็นนิรันดร์

 

ถาม  ท่านมีชีวิตอยู่ในธรรมชาติสูงสุดที่เหนือการรู้นี้หรือเปล่า?

ตอบ  จะมีที่ไหนอีกเล่า?

 

ถาม  อะไรทำให้ท่านพูดเช่นนั้น?

ตอบ  ไม่มีความต้องการใดๆก่อตัวขึ้นในใจของฉัน

 

ถาม  ถ้าอย่างนั้นท่านก็ไม่มีความรู้ตัวน่ะลิ?

ตอบ  ไม่เลย

ฉันรู้ตัวอย่างยิ่ง แต่เนื่องจากไม่มีความต้องการหรือความกลัวใดๆเข้ามาในใจของฉัน มันจึงเงียบสนิท

 

ถาม  ใครรู้ความเงียบนี้?

ตอบ  ความเงียบรู้ตัวมันเอง

มันคือความเงียบของใจที่เงียบ เงียบจากความหลงใหลและความต้องการ

 

ถาม  บางครั้งท่านมีความต้องการบ้างไหม?

ตอบ  ความต้องการเป็นแค่คลื่นในใจ

เธอรู้จักคลื่นเมื่อเธอได้เคยเห็นมัน

ความต้องการก็เป็นแค่หนึ่งในจำนวนคลื่นมากมาย

ฉันไม่มีแรงกระตุ้นที่ต้องทำตามมัน ไม่จำเป็นต้องกระทำสิ่งใดต่อมัน

การเป็นอิสระจากความต้องการหมายถึง การปราศจากการถูกบังคับให้สร้างความพอใจแก่มัน

 

ถาม  ทำไมความต้องการจึงก่อตัวขึ้น?

ตอบ  เพราะเธอจินตนาการว่าเธอเกิดขึ้นมา และเธอจะตายถ้าเธอไม่ดูแลร่างกาย

ความต้องการสำหรับการมีอยู่อย่างเป็นตัวเป็นตน คือสาเหตุของปัญหาทั้งปวง

 

ถาม  แม้เช่นนั้น jivas จำนวนมากมายก็เข้าไปภายในร่างกาย

นี่มันคงไม่ใช่การตัดสินใจที่ผิดพลาด

มันต้องมีวัตถุประสงค์บางอย่าง

มันคืออะไร?

ตอบ  การที่ธรรมชาติเดิมจะรู้ตัวเอง มันต้องเผชิญหน้ากับสิ่งตรงข้าม – สิ่งซึ่งไม่ใช่ธรรมชาติเดิม

ความต้องการนำไปสู่ประสบการณ์

ประสบการณ์นำไปสู่การแบ่งแยก การปล่อยวาง ความรู้เกี่ยวกับตนเอง – การปลดปล่อย

และการปลดปล่อยคืออะไรหรือ?

การรู้ว่าเธออยู่เหนือการเกิดและการตาย

โดยการลืมว่าเธอคือใคร และจินตนาการว่าเธอเป็นแค่สิ่งมีชีวิตที่เกิดตาย เธอได้สร้างปัญหามากมายให้กับตัวเองจนเธอต้องตื่นขึ้น เหมือนการตื่นจากฝันร้าย

การตั้งคำถามให้แก่ตัวเองช่วยทำให้เธอตื่นขึ้น

เธอไม่จำเป็นต้องรอให้มีความทุกข์ การตั้งคำถามตอนที่เธอกำลังมีความสุขยิ่งดี เพราะใจกำลังอยู่ในความกลมกลืนกับธรรมชาติและความสงบ

 

ถาม  ใครคือผู้มีประสบการณ์สูงสุด – ธรรมชาติเดิม หรือธรรมชาติที่อยู่เหรือการรู้เห็น?

ตอบ  ธรรมชาติเดิม

 

ถาม  ถ้าอย่างนั้นทำไมท่านจึงพูดถึงธรรมชาติสูงสุดที่อยู่เหนือการรับรู้?

ตอบ  เพื่ออธิบายธรรมชาติเดิม

 

ถาม  ล้วมีอะไรที่อยู่เหนือธรรมชาติเดิมหรือเปล่า?

ตอบ  นอกเหนือจากธรรมชาติเดิม ไม่มีสิ่งใดๆ

ทุกอย่างล้วนเป็นหนึ่ง และทุกอย่างล้วนอยู่ภายใน “ฉันเป็น”

ในสภาวะตื่นและสภาวะฝัน มันคือบุคคล

ในสภาวะหลับลึก และใน turiya  มันคือธรรมชาติเดิม

เหนือเจตนาที่ตื่นตัวของ turiya  จะพบความสงบเงียบที่ยิ่งใหญ่ของธรรมชาติสูงสุด

แต่อันที่จริง ทุกสิ่งล้วนเป็นหนึ่งในแก่นแท้ และสัมพันธ์กันในลักษณะปรากฏ

ในความโง่เขลา ผู้รู้ผู้เห็นคือสิ่งถูกรู้ และในความมีปัญญา ผู้รู้ผู้เห็นคือการเห็น

แต่เธอจะสนใจกับธรรมชาติสูงสุดไปทำไม?

แค่รู้จักผู้รู้ผู้เห็น เธอก็จะรู้ทุกอย่าง

 

ศรี นิสาร์กะทัตตะ มหาราช

“I AM THAT”

หมายเลขบันทึก: 632558เขียนเมื่อ 4 สิงหาคม 2017 22:41 น. ()แก้ไขเมื่อ 4 สิงหาคม 2017 22:41 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท