ปัญญาปฏิบัติ : กลยุทธ์การจัดการความรู้ แบบผสมผสาน (Hybrid Strategy)
Dipl.-Ing. Bawdin Wijarn ([email protected])
ในองค์การขนาดใหญ่มักมีการดำเนินการด้านการจัดการความรู้มุ่งเน้นกลยุทธ์ KM (Knowledge Management) ทั้งที่นำด้วย "IT" โดยการรวบรวม จัดทำฐานองค์ความรู้ (Codification and Repository) และใช้เทคโนโลยี IT สมัยใหม่มาเป็นกลไกสำคัญในการจัดเก็บ ถ่ายโอนข้อมูล ข่าวสาร ความรู้ได้อย่างเท่าเทียม ทั่วถึง ทันสมัย รวดเร็ว และมีประสิทธิภาพ
และกลยุทธ์ KM ที่นำด้วย "คน" หรือ "Personalisation" โดยโฟกัสการดำเนินการที่กลยุทธ์หลักด้านใดด้านหนึ่ง แล้วตามด้วยกลยุทธ์อีกด้านให้ส่งเสริมสอดคล้องกันอย่างใกล้ชิด
หากวิเคราะห์แนวทางการเลือกกลยุทธ์ในการดำเนินการจัดการความรู้ที่เกิดขึ้นในบ้านเรา ซึ่งส่วนมากอยู่ในช่วงเริ่มต้นของการดำเนินการ ไม่ว่าจะเป็นองค์การในภาคเอกชน ภาครัฐวิสาหกิจ ภาครัฐบาล และเครือข่ายชุมชน เราสามารถแบ่งได้เป็น 3 แนวทางปฏิบัติดังนี้
1.กลยุทธ์ Hybrid ที่นำด้วย "IT"
องค์การส่วนใหญ่ที่เริ่มด้วยการดำเนินการจัดการความรู้ในองค์การ มักจะเลือกใช้กลยุทธ์นี้เป็นจุดเริ่มต้นในการทำ KM ไม่ใช่เป็นแต่องค์การในบ้านเรา หากลองเทียบเคียงกับองค์การที่เป็น Best Practice อย่างกลุ่มองค์การที่ได้อยู่ใน Global MAKE Hall of Fame หรือ International Consortium Benchmarks on KM by the American Productivity and Quality Center (APQC) ก็จะพบว่าองค์การเหล่านั้นจะเริ่มต้นจากพื้นฐานทาง IT และ Collaboration Tool เป็นเครื่องมือที่ใช้ในการประสานการและทำงานร่วมกัน ในยุคแรก ๆ นี้มักจะมุ่งเน้น "Knowledge to Information" และเมื่อเราลองติดตามผลในระยะต่อมาจะพบเหตุการณ์หลัก ๆ คือ
- องค์การที่ล้มเหลว องค์การเหล่านี้มักจะพบได้ว่า Information (ซึ่งเรามักเข้าใจผิด ๆ ว่าทุก Information เป็น Knowledge) ที่ได้จัดเก็บขึ้นมานั้นขาดการ Update ให้ทันสมัยและการนำไปใช้งาน ถดถอยลงเป็นอย่างมาก และท้ายสุดการดำเนินการ KM จะล้มเหลว องค์การเหล่านี้มักขาดการเชื่อมโยงเสริมพลังด้วยกลยุทธ์ที่นำด้วย "คน"
องค์การในบ้านเราเริ่มเข้ามาสู่วงจรแห่งความล้มเหลวนี้เป็นส่วนใหญ่โดยเฉพาะในภาครัฐ เพราะความสำเร็จของการทำ KM จะถูกวัดโดยตัวชี้วัด ซึ่งส่วนมากกำหนดเป็น "จำนวน Information ที่ได้จัดเก็บขึ้นเป็น Knowledge Base" แต่ไม่มีการกระบวนการสร้างบรรยากาศ และการส่งเสริมให้ "คน" เข้ามาร่วมปันความรู้
- องค์การที่ประสบความสำเร็จ องค์การเหล่านี้เมื่อได้วางระบบ IT และจัดเก็บ Information ซึ่งเป็นฐานความรู้ที่ง่ายต่อการ สืบค้นและนำไปใช้งาน องค์การเหล่านี้จะมีการดำเนินการควบคู่กับการดำเนินการด้าน "คน" ส่งเสริมการปันความรู้ "Sharing"
องค์การในบ้านเรามีหลายองค์การที่อยู่ในช่วงต้นของการดำเนินการในลักษณะนี้ เช่น กลุ่มปูนซีเมนต์ไทย การไฟฟ้าฝ่ายผลิต สำนักงานเลขาคณะรัฐมนตรี เป็นต้น และเมื่อเราลองเทียบเคียงกับองค์การชั้นนำด้าน KM ซึ่งเป็นองค์การที่ปรึกษาชั้นนำแห่งหนึ่ง หลังจากที่ได้ดำเนินการ Capture องค์ความรู้ทั้งจากการสร้างขึ้นมา หรือจากผู้เชี่ยวชาญและดำเนินการจัดเก็บอย่างเป็นระบบในรูปแบบของ "Content หรือ eLibrary" ดังจะเห็นได้จากรูป Knowledge Management Model
องค์การนี้ได้พบว่าการ Capture องค์ความรู้เพียงอย่างเดียวความสำเร็จที่แท้จริงยังไม่เกิดขึ้น จึงเชื่อมโยงโดยการมุ่งเน้นที่ "คน" คือการ "Sharing" โดยประยุกต์ใช้เครื่องมือ Community of Practice (CoP) ครอบ Content และทำให้ Content มีชีวิตชีวาและมีการ Update และการใช้งานอย่างยั่งยืนในที่สุด เช่นเดียวกับบริษัท Siemens ได้มุ่งเน้น Community of Practice พัฒนาให้เป็น Knowledge Network และส่งผลให้การจัดการ KM ใน Siemens ประสบความสำเร็จอย่างสูง
โดยสรุปจะเห็นได้ว่าการใช้กลยุทธ์นำด้วย "IT" ต้องตามด้วยการส่งเสริมการ Sharing ด้วยกลยุทธ์ที่มุ่งเน้น "คน" ซึ่งเราจะเห็นและเรียนรู้ได้จากผู้นำทางด้าน KM ที่ได้เดินทางผ่านจุดเรียนรู้นี้มาแล้ว เป็นการ Hybrid ของกลยุทธ์ทั้งสองได้อย่างสมบูรณ์
2. กลยุทธ์ Hybrid ที่นำด้วย "คน"
แทบไม่มีองค์การใดที่เริ่มต้นการจัดการ KM โดยที่เริ่มต้นการดำเนินการในครั้งแรกโดยใช้กลยุทธ์ "คน" นำการจัดการ KM อย่างแท้จริง แต่องค์การที่ในปัจจุบันที่มุ่งเน้นคนนั้นมักมีจุดเริ่มต้นมาจากการจัดการความรู้นำด้วย IT มาก่อนทั้งสิ้นไม่ว่าจะเป็น IBM, Siemens, Microsoft, Accenture, และองค์การชั้นนำอื่น ๆ สำหรับองค์การในบ้านเราที่ทราบข้อมูล ได้แก่ กลุ่มปูนซีเมนต์ไทย ที่ได้หันมาโฟกัสเรื่องคน โดยหันมาเน้นเรื่องการเรียนรู้และการสร้างวัฒนธรรมองค์การที่ส่งเสริม การเรียนรู้ KM และ Innovation
จริง ๆ แล้วศาสตร์ทางด้าน KM เริ่มต้นอย่างจริงจังประมาณปี 1990 โดยมุ่งเน้น IT และเริ่มเห็นว่าการ Sharing จะเกิดขึ้นได้อย่างจริงจังเป็นเรื่องของ "คน" เราเริ่มรู้จักเครื่องมือที่ใช้ในการจัดการความรู้โดยมุ่งเน้น "คน" คือ Community of Practice ประมาณปี 1995 และเริ่มเป็นแนวทางหลักในปี 2000 เราจะเห็นได้ว่าการเรียนรู้ของผู้นำด้าน KM ระดับโลก ใช้ระยะเวลาในการเรียนรู้พอสมควรว่า ภาพท้ายสุดของการจัดการความรู้ "คน" มีสาระในความสำเร็จของ KM อย่างยั่งยืน
ดังนั้นองค์การใดที่เริ่มดำเนินการจัดการ KM ต้องมีความไวของการเซ็นเซอร์และเรียนรู้ว่าจะสร้าง KM ให้เกิดขึ้นอย่างยั่งยืนในองค์การได้อย่างไร เมื่อไรจะใช้กลยุทธ์อะไรนำ ดังตัวอย่างของวิวัฒนาการขององค์การชั้นนำที่ประสบความสำเร็จดังกล่าว
จากประสบการส่วนตัวที่ได้ดำเนินการจัดการ KM ใน AIS อย่างไม่เป็นทางการในสายงานวิศวกรรมมาตั้งแต่ปี 2000 โดยการรวบรวม Technical Document, Technical Standard, Operation and Maintenance Processes, New Technology, Innovation Conner, Forum, eLearning และอื่น ๆ พบว่าความไวการเรียนรู้และปันความรู้ยังช้าต่อการเปลี่ยนแปลงในปัจจุบัน จึงได้พัฒนาให้ผู้เชี่ยวชาญทางเทคนิค ซึ่งเป็นแหล่งความรู้ที่สำคัญในการดำเนินการ KM ให้เป็นจริงในองค์การ ให้สามารถถ่ายทอดได้ โดยการพัฒนาให้เป็น Mentor สอนงานให้เกิดทักษะในการลงมือปฏิบัติงานได้จริงที่หน้างาน
ในปี 2003 จึงได้เริ่มเปลี่ยนกลยุทธ์ที่นำด้วย IT มาเป็นนำด้วยคนอย่างจริงจัง โดยการนำเครื่องมือ Community of Practice (CoP) หรือชุมชนนักปฏิบัติมาประยุกต์ใช้งาน และโชคดีที่เริ่มต้นจากงาน Operation ที่ทุกคนต้องเจอปัญหาและต้องการคำตอบในการปฏิบัติ แก้ปัญหาให้สัมฤทธิ์ผลอย่างมีประสิทธิภาพ จึงประสบความสำเร็จเป็นอย่างดีในการสร้าง CoP ให้เป็น Knowledge Network จากความสำเร็จดังกล่าวจึงได้ขยายผลสร้าง CoP ให้กับสายงานบริการทั่วประเทศ ให้ก้าวสู่การเรียนรู้และปันความรู้กันอย่างเป็นธรรมชาติในที่สุด
ดังนั้น การจัดการ KM โดยใช้กลยุทธ์แบบ Hybrid เราจะเชื่อมโยง "Information หรือ Content" กับ "คน" ให้เกิดการสร้าง การจัดเก็บ การปันความรู้และการนำความรู้ไปใช้งาน ให้เกิดขึ้นจริงในองค์การได้อย่างไร กลยุทธ์ตัวใดและในจังหวะเวลาใดที่เหมาะสมกับองค์การในการขับเคลื่อน KM เป็นหน้าที่ของเราที่จะเลือกให้สอดคล้องกับความพร้อมและบริบทขององค์การ
ที่มา: http://www.manager.co.th/mgrWeekly/ViewNews.aspx?NewsID=9490000026174
ไม่มีความเห็น