(คุยกับตนเอง ตอนที่ 12) หน้าที่
ตื่นเช้าวันนี้พิจารณาความเกี่ยวเนื่องสัมพันธ์กันระหว่าง ประชาชน โรงพยาบาล (สถานบริการสุขภาพ) และ สปสช. เมื่อลองแยกเขียนบทบาทคร่าวๆ ที่แต่ละส่วนพึงทำ (ยังไม่ลงรายละเอียด) จะเห็นว่า ต่างมีบทบาทแตกต่างกันชัดเจน และถ้าเราต่างทำหน้าที่โดยยึดผู้ป่วยเป็นศูนย์กลางจริงๆ ปัญหาและความขัดแย้งระหว่างกันก็จะน้อยลง
เมื่อมีเงินก้อนหนึ่งถูกกำหนดลงมาเพื่อใช้สำหรับการดูแลการเจ็บป่วยของประชาชน การถ่วงกันเพื่อให้มีความสมดุลอย่างนี้ที่เมื่อพิจารณาแล้วน่าจะดีที่สุด(แม้ว่าดีในความหมายนี้ยังมีความไม่สมบูรณ์แบบ และช่องว่าง)
"แต่สิ่งหนึ่งที่ดีงามที่เกิดขึ้นในระบบของเราอาจารย์ปุ๋มสังเกตมั้ยครับ เวลาคนไข้มาโรงพยาบาลเราไม่เคยกังวลเลยว่าเขาใช้สิทธิอะไร เราจะดูที่ว่าเขาเจ็บป่วยด้วยโรคอะไร รักษาอย่างไรถึงจะหาย บางครั้งผู้ป่วยบัตรทองเรายิ่งสบายใจในการรักษา เรากล้าให้การรักษาได้เต็มที่เพราะไม่ต้องกังวลว่าผู้ป่วยจะเดือดร้อนจากการเจ็บป่วยครั้งนี้ ผมเชื่อว่าแพทย์พยาบาลเราส่วนใหญ่มากกว่า 90%คิดเช่นนี้ ซึ่งมันเป็นสิ่งที่ดีงามครับ"---อีกมุมมองของผู้บริหารระดับสูง ใน สธ.
"ตั้งแต่อาจารย์เกาะติดเรื่อง UC มาคนเข้าไปตาม แล้วก็พูดเป็นเสียงเดียวกันว่า ที่ต้องทำงานคุณภาพโน่นนี่นั่นให้เยอะแยะไปหมดนี่ เราไม่ได้ทำให้กระทรวงหรอกนะ แต่เราทำเพื่อประชาชนกว่าห้าสิบล้านคนต่างหากเล่า"--คนทำงานตัวเล็กๆ แต่ใจใหญ่
"เรามีหน้าที่ดูแลเงินให้ประชาชนและให้เขาได้รับความเป็นธรรมในการรักษา"---น้ำเสียงอันหนักแน่นของผู้นำใน สปสช.
จากประโยคสนทนาข้างต้นและการลงพื้นที่ต่างๆ สัมผัสและสัมพันธ์กันกับคนทำงานต่างๆ เกือบทั่วประเทศ พบว่า ความคิดความรู้สึกคงไม่แตกต่างกันกับข้อความข้างตน
เมื่อสองสามวันก่อน ผู้นำทางการพยาบาลสนทนากันเกี่ยวกับปรากฏการณ์เรื่องร้องเรียน "นั่นแสดงว่าเรายังมีโอกาสพัฒนาต่อได้อีก เปลี่ยนวิกฤตเป็นโอกาสย้อนกลับมาทบทวนตนเอง"
ถ้าเราทุกคนต่างนำแนวทางการสะท้อนคิด กลับมาใคร่ครวญและทบทวนตนเองและทำหน้าที่ตามบทบาทของตนเอง ประโยชน์สูงสุดก็จะเกิดขึ้นตามพระราชดำริขององค์ในหลวงรัชกาลที่9 ที่พระองค์ท่านทรงงานและนำพาพวกเรามาตลอด
#KMUC
25-07-60
ไม่มีความเห็น