วันที่ ๑๖ พฤษภาคม ผมปรับสวิตช์สมองสู่โหมดทำงาน สองวันต่อไปนี้เป็นการลงรายละเอียด ของการเตรียมการประชุมวิชาการรางวัลสมเด็จเจ้าฟ้ามหิดล ปี 2018 ซึ่งจะจัดในวันที่ ๑ - ๓ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๑
ชั่วโมงแรกของวันที่ ๑๖ ในการประชุม มีการนำเสนอโครงร่างของการประชุม ซึ่งมี 3 Subtheme
คำที่ฝังอยู่ในทุก คือ “การเตรียมพร้อมรับมือการระบาดใหญ่” (pandemic preparedness) ที่จะต้องมีการสร้างความรู้ สื่อสารความรู้ (และไม่รู้) สร้างเครื่องมือรวมทั้งระบบไอที สร้างพลังภาวะผู้นำ สร้างกำลังคนทางเทคนิค สร้างกลไกดำเนินการ จัดสรรทรัพยากร พัฒนาขีดความสามารถ
หลังจากนั้นตลอดวัน เป็นการประชุมกลุ่ม แบ่งเป็น ๓ กลุ่ม ผมอยู่ในกลุ่มที่สาม ซึ่งมองภาพใหญ่ ผมได้เรียนรู้ว่า การประชุม PMAC ต้องไม่หลงอยู่กับอดีตและการดำเนินการแบบตั้งรับ ต้องเน้นมองอนาคต และการดำเนินการเชิงรุก (proactive) รวมทั้งดำเนินการแบบบูรณาการ ไม่หลงอยู่กับการดำเนินการ ในปัจจุบันโดยหลายฝ่ายหลายองค์กรในโลก ที่มีตัวแทนมาร่วมกันประชุม coordinator ของแต่ละ parallel session ของการประชุม PMAC 2018
ผมได้ตระหนักว่า ผู้เข้าร่วมการประชุม PMAC แต่ละคน จะไม่ได้ภาพรวมของการประชุม แต่มีวิธีจัดการประชุม ที่มีข้อมูลให้ประธานของแต่ละ session กล่าวนำเชิงสรุปภาพรวมว่าในวันที่ผ่านมา และใน seesion ที่ผ่านมาแล้ว มีการแลกเปลี่ยนประเด็นสำคัญๆ ที่เชื่อมโยงกับสาระใน session นั้นอย่างไรบ้าง รวมทั้งอาจใช้ App ให้ข้อมูลภาพรวมของการแลกเปลี่ยนในการประชุมจนภึงขณะนั้น ซึ่งคณะ secretariat จะต้องมีวิธีทำงานแนวใหม่เพิ่มขึ้นในช่วงการประชุม
การประชุม Coordinator มี ๒ วัน วันที่ ๑๗ พฤษภาคม เป็นการนำเสนอแผนของแต่ละ session โดยผู้รับผิดชอบต่อที่ประชุม เพื่อให้ที่ประชุมช่วยกันให้ความเห็นและคำแนะนำ
แม้ผมจะฟังรู้เรื่องบ้างไม่รู้เรื่องบ้าง ผมก็จับได้ว่า การประชุมเอาจริงเอาจังมาก
แต่ละ subtheme มี 1 Plenary (PL) + 7 Parallel Session (PS) เมื่อเอามาดูรายละเอียดร่วมกัน ก็พบว่ามีสาระของบาง PS ซ้ำซ้อนกัน หรือมีจุดเน้นที่ไม่ตรงจุดสำคัญ หรือสมาชิกของที่ประชุมช่วยแนะ สาระเพิ่ม หรือแนะตัวคนที่เหมาะสำหรับเป็นวิทยากร รวมทั้งมีความเห็นที่ต่างหรือขัดแย้งกัน
การประชุมแบบ PMAC ที่มีหลายเจ้าของ (Co-host) ย่อมมีประเด็นที่ คนของ Co-host บางหน่วยงาน มี hidden agenda ของตน และไม่ฟังคนอื่น ซึ่งคราวนี้เราก็พบ ที่มี coordinator บางคนเอางานของตนมาเสนอ โดยจัดให้ทีมของตนมาพูดทั้งกลุ่ม เมื่อมีประเด็นนี้เข้ามาแทรกซ้อน ความเก๋า ของ Subtheme Coordinator ก็มีความสำคัญ
ตอนบ่ายวันที่ ๑๗ มีการเสนอว่าการประชุมแต่ละ session ไม่ได้อยู่โดดๆ แต่เชื่อมโยงไปยัง session อื่นๆ เป็นเรื่องราว
ประเด็นใน Subtheme 3 ที่เป็นปัจจัยขับเคลื่อน EID ได้แก่ ภาวะการเปลี่ยนแปลงของภูมิอากาศโลก, ประชากรมนุษย์เพิ่มและเคลื่อนที่มากขึ้น, การเปลี่ยนแปลงการใช้พื้นแผ่นดิน เช่นเปลี่ยนเป็นเมือง ใช้สร้างเขื่อน, การเลี้ยงสัตว์, ระบบอาหาร, การบำบัดโรคติดเชื้อ (รวมประเด็นคุณภาพของยา), และปัจจัยทางเศรษฐกิจ ที่จริงทุกระบบที่มนุษย์สร้างขึ้น สามารถมีส่วนเป็นสาเหตุหรือมีส่วนป้องกัน EID ได้ทั้งสิ้น ไม่ทางตรงก็ทางอ้อม รวมทั้งปัจจัยเหล่านี้ก็เป็นเหตุเป็นผลซึ่งกันและกันอย่างซับซ้อน และบางเรื่องเรายังไม่มีความรู้ความเข้าใจที่ชัดเจน เช่นความสัมพันธ์ระหว่าง AMR กับ zoonosis เรากำลังหาวิธีทำให้ระบบที่แสนจะซับซ้อน มีการปรับตัวไปในทางบวก ที่เกิด EID ระบาดใหญ่ได้ยากขึ้น
เรื่องมันยากและซับซ้อน จึงมีการเสนอให้ใช้ side meeting ในบางหัวข้อเสริมเข้าไป
ผู้แทนธนาคารโลก เสนอว่า สามารถปรับวิธีใช้เงินของโลก ให้ส่งเสริมความเข้มแข็งในเชิงระบบ เพื่อปกป้องมนุษย์จาก pandemics ได้ จึงมีคนอภิปรายว่า ต้องคิดถึงการใช้เงินระดับประเทศด้วย ที่สามารถใช้เงินให้เกิดผลในทางบวกต่อการสร้างความเข้มแข็งหลีกเลี่ยง EID คือมีทั้ง financial tool และ economic tool เพื่อการนี้ คำหลักที่ใช้คือ “ความปลอดภัยของโลก” (global security)
ผมได้เรียนรู้จากนักเศรษฐศาสตร์ ว่าการไม่ทำอะไรเลย ก็มีค่าใช้จ่าย และอาจต้องจ่ายมากกว่า มาตรการบางอย่างที่ต้องใช้เงินไม่น้อย เป็นเรื่องเส้นผมบังภูเขา และเป็นธรรมชาติของเรื่องที่ซับซ้อน
การถกเถียงเรื่อง financing และการสรุปของท่านประธานวิโรจน์ ช่วยให้ผมเข้าใจว่า เมื่อพูดเรื่อง financing มีทางเลือกใหญ่ๆ สองทาง คือแนวทางเน้นให้เงินแก่การป้องกัน EID แบบแยกส่วนกับแนวทางเน้นให้เงิน สนับสนุนระบบสุขภาพ (UHC - ระบบคุ้มครองสุขภาพถ้วนหน้า) ให้เข้มแข็ง
ในตอนท้าย มีการเสนอปรับโครงสร้างการประชุมใหม่ ให้ PL ทั้งสามมาก่อน ตามด้วย 4 PS พร้อมๆ กัน มีคนติงว่า ให้ระวังว่าการประชุมมีภารกิจด้าน networking ด้วย คือคนมาประชุมด้วยวัตถุประสงค์ หลายอย่าง อย่างหนึ่งคือมาพบคนที่อยากพบ เพื่อหารือหรือหาความร่วมมือ
ประธานย้ำเรื่องการเชิญผู้เข้าร่วมประชุม ขอให้ co-host เชิญมาเป็นทีม ๓ - ๔ คนจากแต่ละประเทศ มีคนที่รับผิดชอบเรื่องสุขภาพสัตว์ สุขภาพคน สุขภาพสิ่งแวดล้อม และเรื่องการจัดการ pandemics อย่าเชิญเน้นตัวบุคคล อย่าเชิญคนที่เคยมาแล้วไม่ค่อยสนใจการประชุม หรือประชุมแล้วไม่กลับไปทำอะไรแก่ประเทศของตน
วิจารณ์ พานิช
๑๗ พ.ค. ๖๐
ห้อง ๕๓๐, โรงแรม Royal Plaza, Montreux, Switzerland
ไม่มีความเห็น