ปี ๒๕๕๙ ต่อเนื่องมาจนถึงปัจจุบัน ผู้อ่านและนักการศึกษาโดยทั่วไป คงได้เคยอ่านข้อคิดข้อเขียน วาทการทั้งร้อยแก้วและร้อยกรอง..ที่วิพากษ์วิจารณ์ โครงสร้างทางการศึกษา ที่เกิดจากการใช้ ม.๔๔ ของรัฐบาล คสช. อันเป็นส่วนหนึ่งของภารกิจ..การปฏิรูปการศึกษาครั้งยิ่งใหญ่..
อาจจะเป็นครั้งสำคัญที่สุด..ในประวัติศาสตร์..การศึกษาไทย..ก็อาจเป็นได้..
เมื่ออำนาจการบริหารจัดการในส่วนภูมิภาค อยู่ภายใต้การกำกับดูแลของผู้ว่าราชการจังหวัด..เป็นประธานใหญ่ มีศึกษาธิการจังหวัดเป็นเลขานุการ..มีคณะกรรมการหลายคณะที่ทำหน้าที่บริหารงานบุคคล สังกัดสำนักงานศึกษาธิการจังหวัด....
พูดได้ว่า..กลับไปเป็นอย่างเก่า เหมือนเมื่อหลายสิบปีที่ผ่านมา แต่เขตพื้นที่..ก็ยังคงอยู่ ทำหน้าที่นิเทศ กำกับติดตาม การเรียนการสอนของโรงเรียน
ผมรู้เท่านี้จริงๆ..จึงไม่ได้วิตกกังวลถึงผลพวงของ..การจัดโครงสร้างใหม่..ที่หลายสำนักเปิดประเด็นว่า.มีแต่เน้นการกำหนดตำแหน่ง..”เจ้านาย” และการตั้ง “สำนักงาน” และคำถามสุดท้าย “ครู”ได้อะไร..”เด็ก” ได้อะไร..กับภารกิจนี้..?
ผมเป็นผู้บริหารและครูในโรงเรียนขนาดเล็ก..ยังมองไม่เห็นว่าจะได้อะไร? จะเกิดประโยชน์กับโรงเรียนมากน้อยแค่ไหน.?.มีศึกษาธิการจังหวัดแล้ว..การศึกษาจะไปในทิศทางใด..?
เมื่อมองไม่เห็นทางเดิน ไม่เห็นประโยชน์ของการจะได้รับ..ผมก็ไม่ต้องคิดอะไรและไม่ต้องรอว่าจะได้อะไร..กับโครงสร้างใหม่ทางการศึกษา..
คิดอย่างเดียว...ทุกรัฐบาลก็มีเหตุผลของตน..การกำหนดตำแหน่ง..ผู้บริหารระดับสูง..ก็เพื่อใช้คนให้มีอำนาจสั่งการ..ให้งานทุกงานเดินไปได้ตามแผน..อันนี้ถือว่าถูกต้อง..
ส่วนการบริหารจัดการ “คุณภาพ” ทางการศึกษา..คงมีกระบวนการขั้นตอนที่บรรจุในแผนแล้ว แต่คงต้องทำแบบค่อยเป็นค่อยไป..อันนี้ผมคิดเอง..
และคิดบวกต่อไปอีกว่า..รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ฉบับปัจจุบัน ระบุไว้ชัดที่จะให้โอกาสเด็กไทย ขยายโอกาสทางการศึกษา ..ซึ่งจะเป็นที่มาของแผนงาน/โครงการและการจัดสรรงบประมาณ..
จริงๆ..ไม่น่าห่วงเลย..ว่าเด็กจะได้อะไร..รัฐอุดหนุนเงินรายหัวให้เด็กทุกคน และสนับสนุนค่าใช้จ่ายให้”เรียนฟรี” มีเสื้อผ้า หนังสือเรียน อุปกรณ์และกิจกรรมพัฒนาผู้เรียน(ทัศนศึกษา) ที่ภาครัฐ..ไม่เคยคิดที่จะตัดรอน..
ส่วนผู้บริหารคิดอย่างไรผมไม่รู้ แต่ครู..ไม่มีความเคลื่อนไหวใดๆ เพราะเข้าใจแล้วว่า..ปัจจัยบางอย่างก็อยู่เหนือการควบคุม..”รับทราบ”และปล่อยให้เป็นไปตามครรลอง ตลอดจนทำหน้าที่เพื่อหน้าที่..ในวิชาชีพครู…ให้ดีที่สุด..
มีเรื่องใกล้ตัวที่สำคัญนัก ทั้งหลักสูตรและเทคนิควิธีสอน..Bbl พัฒนาไปถึงจุดไหน? ทำกิจกรรมอะไรในช่วง “ลดเวลาเรียน เพิ่มเวลารู้” และบูรณาการอย่างไร..ให้ PLC..เกิดประโยชน์ต่อครูและการเรียนการสอน มีความสอดคล้องกับ “ปัญหาและความต้องการ”มากน้อยแค่ไหน..
โรงเรียนขนาดเล็ก..ยังคงต้องเดินหน้า..ใช้ DLTV ให้คุ้มค่าและเกิดประโยชน์สูงสุด อย่างเป็นระบบ..ผู้บริหารต้องพร้อมเป็น “ผู้นำ”การเปลี่ยนแปลง บริหารจัดการองค์กรแบบมืออาชีพ มิใช่รอแต่คำสั่ง..หรือทำงานแบบ “เตี้ยอุ้มค่อม”อยู่ร่ำไป..
ผมเพียงให้มุมมองใหม่..ภาพลักษณ์โครงสร้างการศึกษา อาจไม่สวยหรูสำหรับคนบางคน..แต่สำหรับครูและนักเรียน..ยังไม่ได้อะไร..แต่ก็ไม่เสียอะไร..มิใช่หรือ..?
ผมยังเห็น สพฐ.และเขตพื้นที่ฯมอบหมายงานดีๆให้โรงเรียนทำอย่างมากมาย..ครูแทบจะไม่มีเวลาหายใจ..ทั้งอบรมสัมมนา งานข้อมูลสารสนเทศ..งานประเมินผลการอ่าน คิด วิเคราะห์และการเตรียมการไปสู่การทดสอบระดับชาติ..(โอเน็ต)
ในระดับรากหญ้า..โรงเรียนยังมีความสำคัญและต้องเข้มแข็ง..อย่านำครูไปอ้าง..อย่าได้เป็นห่วงเด็ก..เพราะครูยังมีงานทำ และยังต้องพัฒนาตนเอง.ตามกฎเกณฑ์และแรงบันดาลใจของแต่ละคน นักเรียนยังต้องเรียนรู้คู่คุณธรรม นำทักษะชีวิตไปใช้แก้ปัญหาในชีวิตประจำวัน..
เพราะปัญหาทางสังคมไทย นับวันจะมีมากขึ้น จึงขอให้เข้าใจตรงกันว่า..“อนาคตเด็ก อนาคตชาติ” อยู่ที่โรงเรียน..อยู่ที่ครู..ผู้มีอุดมการณ์และมีความสำคัญสูงสุด ที่จะสร้างสรรค์ปั้นแต่งเด็กให้เป็นคนดีและคนเก่ง..โดยที่ไม่ต้องใส่ใจโครงสร้างใหม่..ไม่ต้องสนใจว่าใครจะมีอำนาจ..จงทำวันนี้ให้ดีที่สุด..ก็พอ...ครับ
ชยันต์ เพชรศรีจันทร์
๗ มิถุนายน ๒๕๖๐
ตามมาเชียร์ ผอ รร ขนาดเล็ก ที่ยิ่งใหญ๋ในการสร้างอนาคตของชาติ
คิดดี ทำดี ทีทิศทาง
มองไกล ไปข้างหน้า
มีจุดยืนของตนเอง
เพื่อศิษย์อย่างแท้จริง