๑๐.แต่งชุดนักเรียนไปงานวัด


เช้าวันต่อมา ผมตื่นเมื่อหลวงปู่กลับขึ้นกุฏิหลังจากทำวัตรเช้าเพื่อสรงน้ำเตรียมไปบิณฑบาตเหมือนเช่นทุกวัน

หลังจากสรงน้ำท่านบอกผมว่า

"วันนี้ ฉันเสร็จพระทุกรูปรวมทั้งปู่จะไปวัดบ้านหนองยาวนะ เจ้าก็ไปกับปู่ด้วย"

ฉันเสร็จ หมายถึง พระฉันภัตตาหารเช้าเรียบร้อยแล้ว คำว่า "เจ้า" เป็นภาษาอีสาน แปลว่า คุณ คือผู้ที่เราพูดด้วย ซึ่งหลวงปู่หมายถึงผมนั่นเอง

ราวเก้าโมงหลังจากภัตตาหาร หลวงปู่ก็เดินนำผมจากศาลาวัดกลับมายังกุฏิ

"ยกท่อนไม้และแผ่นไม้ออกให้หมด"

หลวงปู่บอกหลังจากเราขึ้นมาบนกุฏิแล้ว

ผมยกออกไปวางไว้มุมห้องตามคำสั่ง ท่อนไม้และแผ่นไม้นั้นใช้ทับชุดนักเรียนของผม ซึ่งทับไว้เมื่อหลายวันก่อน

"ดีขึ้นนิดหน่อย เอาละพอได้"

หลวงปู่พูดขึ้นหลังจากหยิบชุดนักเรียนมาคลี่ดู แล้วยื่นชุดนักเรียนให้ผม

"ใส่ชุดนักเรียนนี่แหละไป"

ผมมองหน้าหลวงปู่แบบไม่มั่นใจ ก็ชุดนักเรียนต้องใส่ไปโรงเรียน แต่นี่ท่านให้ใส่ไปงานวัด

"จะเป็นไรไป"

หลวงปู่พูดทำหน้าดุ

"เด็กแถวนี้อย่างเก่งก็เรียนมัธยมระดับอำเภอ แต่เจ้าเรียนมัธยมระดับจังหวัด โรงเรียนอันดับหนึ่งของจังหวัดอุบลราชธานี เจ้ามีดีเจ้าต้องอวดความดีความเก่ง"

ผมแต่งเครื่องแบบนักเรียน เดินสะพายย่ามตามหลังหลวงปู่ไปรวมกันที่ศาลาวัดก่อนที่จะไปวัดบ้านหนองยาวพร้อมกัน

"เรียนหนังสือชั้นไหนหรือ"

สนกระซิบถามผม เมื่อถึงร่มไม้ข้างศาลาวัด ซึ่งเขายืนรออยู่ก่อนแล้ว

"ม.๒" ผมบอกเบาๆ

"เราเรียนแค่ ป.๔ เอง"

สนกระซิบ สำเนียงเหมือนจะน้อยใจในชะตาตัวเอง

เมื่อพระสงฆ์สามเณรมาครบและหลวงพ่อมาถึง หลวงพ่อก็พาคณะเดินเป็นแถวยาวออกจากวัดป่าหนองยาวมุ่งหน้าไปวัดบ้านหนองยาว โดยมีผมเดินสะพายย่ามหลวงปู่รั้งท้าย

วัดบ้านหนองยาว ปี ๒๕๐๔ เท่าที่ผมจำได้มีศาลาวัดกว้างใหญ่ ตั้งอยู่กลางพื้นที่วัด มีต้นมะม่วงใหญ่ใบหนาหลายต้นอยู่ใกล้ๆ ศาลา ทำให้ทั่วบริเวณร่มเย็นดีมาก แม้ว่าใกล้เที่ยงแล้ว

หลวงพ่อพาพระสงฆ์สามเณรขึ้นไปบนศาลา หลวงปู่เดินมารับย่ามจากผมแล้วบอกให้ผมไปเล่นกันเด็กๆ ที่กำลังวิ่งเล่นอยู่ใต้ต้นมะม่วงข้างศาลาวัด

ผมหันไปมองสน แต่เขาขึ้นไปบนศาลาวัดแล้ว


“สนต้องขึ้นศาลาไปประเคนของพระ เจ้าไปเถอะไปเล่นกับเด็กพวกนั้น”

หลวงปู่กำชับผมอีกครั้ง

ผมจำใจต้องเดินไปหากลุ่มเด็ก ๔-๕ คน ที่กำลังวิ่งเล่นใต้ร่มมะม่วง พอใกล้จะถึงก็มีเด็กท่าทางเป็นหัวโจกหันมาชวนเสียงค่อนข้างดัง


“เล่นด้วยกันไหม”

ผมส่ายหน้าตอบเบาๆ “ไม่” แล้วยืนดูใกล้ๆ

พวกเขาเล่น “ตี่จับ” แต่ละคนเหงื่อไหลไคลย้อย เสียงตี่เสียงไล่จับกันสอดแทรกเสียงหัวเราะอย่างสนุกสนาน ผมพลอยสนุกไปด้วย อยากเล่นกับพวกเขาแต่กลัวชุดนักเรียนจะเปื้อน จึงได้แต่ยืนดูและโห่ร้องยินดีกับฝ่ายชนะ ซึ่งเป็นฝ่ายเด็กที่ชวนผมเล่นนั่นเอง

“หยุดก่อนโว้ย พักก่อน”


เด็กหัวโจกพูดเสียงดัง เด็กๆ หลายคนนั่งลงบนพื้นทราย ส่วนคนพูดเดินมาหาผมแล้วพูดว่า

“เป็นนักเรียนที่ไหน”

ผมยังไม่ทันตอบ เขาก็อ่านที่หน้าอกเสื้อของผม

“อ.บ.๑ โรงเรียนอะไร”

“โรงเรียนเบญจมมหาราช” ผมตอบ

เขาพยักหน้าเหมือนจะรู้ แต่ถามกลับมาว่า

“อยู่ที่ไหนล่ะ”

“เมืองอุบล” ผมตอบสั้นๆ

เราคุยอะไรกันอีกผมก็จำไม่ได้ แต่ผมจำแม่นว่า ได้ยินเสียงเด็กๆ ในกลุ่มที่นั่งบนพื้นทราย พูดกันเบาๆ ว่า

“โรงเรียนมอในเมืองตอนนี้ยังไม่ปิดเทอมหรือ”

“ปิดนะ ปิดเหมือนกันครูบอก”

“อ้าว..แล้วคนนี้ทำไมยังใส่ชุดนักเรียน”

ผมรีบเดินจากกลุ่มเด็กขึ้นไปบนศาลาวัด หนีความสงสัยของเด็กพวกนั้น

<p “=””>หมายเหตุ โรงเรียนมอ หมายถึงโรงเรียนมัธยม
</p> <p “=””> (ขอบคุณภาพจากกูเกิ้ล)
</p>

หมายเลขบันทึก: 627875เขียนเมื่อ 24 เมษายน 2017 15:28 น. ()แก้ไขเมื่อ 5 พฤษภาคม 2017 16:03 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (2)

ขอบคุณสำหรับบันทึกที่น่าอ่านจ้ะ

สวัสดีครับ คุณมะเดื่อ

ไม่ได้เข้ามาเขียนนานมาก ขอบคุณที่ให้กำลังใจนะครับ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท