สำหรับเศรษฐกิจในปี 2560 นี้ ธนาคารแห่งประเทศไทยคาดว่าการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยจะมีลักษณะที่กระจายตัวดีขึ้น ด้วยเหตุผล 3 ประการ คือ หนึ่ง ระดับน้ำในเขื่อนเพื่อการเกษตรถือว่าอยู่ในเกณฑ์ดีเมื่อเทียบกับระยะเดียวกันของปีก่อน ถ้าเกิดเหตุการณ์ฝนทิ้งช่วงขึ้นอีก ภาคเกษตรจะมีน้ำสำรองสามารถรับมือได้ดีกว่าปีที่แล้ว ประกอบกับมาตรการช่วยเหลือเกษตรกร จะส่งผลต่อเนื่อง และราคาสินค้าเกษตรบางประเภทในตลาดโลกเริ่มขยับสูงขึ้น เหตุผลข้อที่สอง งบประมาณภาครัฐมีเป้าหมายที่กระจายไปสู่ต่างจังหวัดมากขึ้นทั้งในส่วนของงบกลางปีและการจัดทำงบประมาณประจำปี 2561 ที่ให้ความสำคัญต่อกลุ่มจังหวัดมากขึ้น และเหตุผลข้อที่สาม การส่งออกฟื้นตัวในลักษณะที่กระจายตัวเพิ่มขึ้นในหลายอุตสาหกรรม อย่างไรก็ดี เราจะชะล่าใจไม่ได้เพราะในโลกปัจจุบันสภาพอากาศและทิศทางการค้าระหว่างประเทศมีโอกาสแปรปรวนได้สูง
เศรษฐกิจในปี 2560 น่าจะยังคงเติบโตใกล้เคียงกับปีนี้ โดยในปี2560-2562 คาดว่าจะขยายตัวแบบค่อยเป็นค่อยไป ในช่วง 2.5-4.0%** โดยมีแรงหนุนจากการฟื้นตัวของการใช้จ่ายในประเทศและภาคการท่องเที่ยวที่เติบโตต่อเนื่อง ประกอบกับแรงหนุนจากภาครัฐที่ใช้นโยบายงบประมาณขาดดุลร้อยละ 2.6 ของ GDP เข้ามากระตุ้นเศรษฐกิจรวมทั้งการผลักดันโครงการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานให้เกิดขึ้น เป็นรูปธรรมมากขึ้น ขณะที่คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.)น่าจะคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายจนถึงสิ้นปีหน้า จากเศรษฐกิจไทยที่ขยายตัวอย่างช้าๆ
สำหรับมุมมองการลงทุนในปี 2560 แน่นอนว่าความผันผวนจากประเด็นต่างๆจะทำให้การหาโอกาสจากการลงทุนในสินทรัพย์ที่ให้ผลตอบแทนดีๆทำได้ยากขึ้น ดังนั้นการกระจายการลงทุน(Diversify) และคัดเลือกการลงทุนที่เหมาะสม (Selective) จึงเป็นกุญแจสำคัญในการบริหารพอร์ตการลงทุน เรามีมุมมองที่เป็นบวกต่อหุ้นกลุ่มอาเซียนและอินเดีย ที่มีการเติบโตของเศรษฐกิจสูงเมื่อเทียบกับภูมิภาคอื่น
โดยมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐหนุนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจและผลกำไรบริษัทจดทะเบียนแต่ประเด็นความเสี่ยงจากเงินทุนไหลออกหากดอลลาร์สหรัฐฯ แข็งค่ารวดเร็วยังคงต้องจับตาอย่างใกล้ชิด นอกจากนี้ หุ้นกลุ่มโครงสร้างพื้นฐานทั่วโลกที่มีความสำคัญต่อระบบเศรษฐกิจ หุ้นมีรายได้และกระแสเงินสดสม่ำเสมอ รวมถึงมีความผันผวนต่อวัฎจักรเศรษฐกิจต่ำ ก็ช่วยลดความผันผวนของพอร์ตการลงทุนได้
รูปภาพ ที่มา :http://www.ebooks.in.th/5203/Thailand_Economic___B...
ไม่มีความเห็น