จากแนวความคิดเดิมที่มีการหวงกันสิทธิการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว สู่แนวความคิดในการส่งเสริมให้คนต่างด้าวเข้ามาประกอบธุรกิจในประเทศไทยเพิ่มมากขึ้น โดยการให้คนต่างด้าวที่ได้รับการส่งเสริมการลงทุนที่สามารถที่จะประกอบธุรกิจในประเทศไทยได้แม้เป็นธุรกิจที่ต้องห้ามตามบัญชีท้าย พ.ร.บ.การประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว พ.ศ. 2542 ได้โดยไม่ต้องขออนุญาต เพียงแต่ขอแจ้งขอหนังสือรับรองการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าวต่ออธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า รวมทั้งคนต่างด้าวที่ได้รับการส่งเสริมการลงทุนนี้ก็จะตกอยู่ภายใต้กฎหมายการประกอบของคนต่างด้าวเพียงบางมาตราเท่านั้น แม้จะเป็นการอำนวยความสะดวกรวดเร็วให้กับนักลงทุนต่างชาติที่ได้รับการส่งเสริมการลงทุนก็ตาม แต่การกำหนดเช่นนี้อาจส่งผลกระทบต่อประเทศและนักลงทุนไทย จากการที่คนต่างด้าวเข้ามาประกอบธุรกิจ อธิบดีกรมการค้าไม่อาจพิจารณาได้เลยว่าธุรกิจของคนต่างด้าวที่ได้รับการส่งเสริมการลงทุนจะส่งผลกระทบในทางใดบ้าง เพราะกฎหมายที่ได้ให้อำนาจแก่อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้าเป็นเพียงแค่การตรวจสอบความถูกต้องของบัตรส่งเสริมการลงทุนท่านั้น รวมทั้งในการติดตามประเมินผลและการตรวจสอบความถูกต้องแม้จะกำหนดให้เป็นอำนาจของนายทะเบียนและพนักงานตามกฎหมายการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าวที่สามารถจะสอบถาม หรือเรียกนักลงทุนต่างชาติที่ได้รับการส่งเสริมการลงทุนมาชี้แจงได้ก็ตาม แต่ในทางปฏิบัติยังมิได้มีการตรวจสอบนักลงทุนต่างด้าวที่ได้รับการส่งเสริมการลงทุนอย่างจริงจังแต่อย่างใด
เกณฑ์การจำกัดสิทธิการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าวตาม ประกาศคณะปฏิวัติฉบับที่ 281
แม้ว่าโดยหลักการตามประกาศคณะปฏิวัติยังคงมีแนวความคิดในการจำกัดสิทธิของคนต่างด้าวในการประกอบธุรกิจในประเทศไทยก็ตาม แต่ก็เป็นช่วงที่การส่งเสริมการลงทุนในประเทศไทยเริ่มมีบทบาทมากขึ้น จากอดีตที่เน้นการควบคุมการเข้ามาประกอบธุรกิจมาเป็นการส่งเสริมให้เกิดการลงทุนไม่ว่าจากในประเทศ หรือต่างประเทศโดยมีสิทธิประโยชน์ตามประเภทของกิจการ การกำหนดสิทธิประโยชน์สำหรับเขตการส่งเสริมการส่งออกและกิจการเพื่อการส่งออก และปรับระยะเวลาการยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคล เพื่อส่งเสริมให้มีการลงทุนจากนักลงทุนต่างด้าว (อโนชา รอดชมพู , มาตรการทางกฎหมายของประเทศผู้รับการลงทุนในการควบคุมบรรษัทข้ามชาติ , ( วิทยานิพนธ์นิติศาสตร์มหาบัณฑิต มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ , 2529 ) น. 16-17)แนวความคิดใน พ.ร.บ. การประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว พ.ศ. 2542
ในปี พ.ศ. 2540 ไทยประสบภาวะวิกฤตเศรษฐกิจอย่างรุนแรง ซึ่งทำให้ประเทศไทยต้องพึ่งพาเงินกู้จากกองทุนการเงินระหว่างประเทศ ( IMF ) โดยมีหนังสือแสดงเจตจำนงกับกองทุนการเงินระหว่างประเทศ และแก้ไขกฎหมายที่เป็นอุปสรรคต่อการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว ประกอบกับประกาศคณะปฏิวัติฉบับที่ 281 ที่ใช้อยู่ในขณะนั้นมีหลักการบางประการที่ไม่สอดคล้องกับภาวะทางเศรษฐกิจ การลงทุน และการค้าระหว่างประเทศในขณะนั้นได้ ในการที่จะส่งเสริมให้มีการแข่งขันในการประกอบธุรกิจทั้งในและต่างประเทศ ทั้งยังเป็นการดำเนินการให้สอดคล้องกับพันธกรณีระหว่างประเทศไทยจึงยกเลิกประกาศคณะปฏิวัติที่ 281 และประกาศใช้พระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว พ.ศ. 2542 โดยกำหนดประเภทธุรกิจที่ห้ามคนต่างด้าวประกอบธุรกิจการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว คือบัญชีที่ 1 ซึ่งห้ามคนต่างด้าวประกอบธุรกิจไว้โดยเด็ดขาด เนื่องจากต้องการสงวนไว้เป็นธุรกิจสำหรับคนไทย บัญชีที่ 2 เป็นธุรกิจที่เกี่ยวกับความปลอดภัยหรือความมั่นคงของประเทศหรือมีผลต่อศิลปวัฒนธรรม จารีตประเพณี หัตถกรรมพื้นบ้าน ทรัพยากรธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อมคนต่างด้าวจะประกอบธุรกิจเหล่านี้ไม่ได้ เว้นแต่จะได้รับความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรี และบัญชีที่ 3 เป็นธุรกิจที่คนไทยยังไม่มีความพร้อมที่จะแข่งขันในการประกอบกอบธุรกิจกับคนต่างด้าว คนต่างด้าวนี้จะต้องขออนุญาตต่ออธิบดีกระทรวงพาณิชย์ก่อนเริ่มประกอบธุรกิจ
--------------------------------------------------------------------------------------------------------------
ชลิดา โตสิตระกูล , สิทธิในการทำงานของคนต่างด้าวในประเทศไทย , ศึกษากระบวนการในการเข้าสู่สิทธิในการทำงานในประเทศไทย , ( วิทยาศาสตร์มหาบัณฑิต คณะนิติศาสตร์ มหาวิยาลัยธรรมศาสตร์ , 2548 ) น. 7ดร.ชุมพร ปัจจุสานนท์และคณะ , กฎหมายเปรียบเทียบการควบคุมการทำงานของคนต่างด้าวในประเทศไทยกับนานาประเทศ และแนวทางการพัฒนาในอนาคต , วารสารจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ปีที่ 21 , 2545
ไม่มีความเห็น