การลงทุนของผู้ลงทุนในวัยสูงอายุหรือวัยเกษียณควรคำนึงถึงการกระจายความเสี่ยงที่เพียงพอ, ผลตอบแทนถัวเฉลี่ยที่สูงกว่าอัตราเงินเฟ้อและการจัดสัดส่วนการลงที่เหมาะสมกับตนเองซึ่งหากผู้ลงทุนสามารถควบคุมทั้งหมดนี้ได้ ก็จะทำให้การลงทุนมีประสิทธิภาพมากขึ้น
การกระจายความเสี่ยงสำหรับผู้ลงทุนในวัยสูงอายุควรจะต้องกระจายความเสี่ยงในสินทรัพย์หลายประเภทและในขณะเดียวกันก็จำเป็นที่จะต้องปิดโอกาสในการลงทุนที่ผิดพลาดน้อยที่สุดโดยควรจะลงทุนในกองทุนประเภทตราสารหนี้โดยสามารถลงทุนได้ทั้งกองทุนระยะสั้น กองทุนระยะกลาง และกองทุนระยะยาว
การลงทุนควรแบ่งเงินทั้งหมดที่มีเป็น 3 ส่วนคื
ส่วนที่1 ลงทุนในรูปแบบของเงินออมหรือก็คือการฝากเงิน เพื่อหวังผลตอบแทนจากอัตราดอกเบี้ย เป็นรูปแบบการลงทุนที่มีความเสี่ยงต่ำ และมีความปลอดภัยสูง จากเสถียรภาพความแข็งแกร่งของสถาบันการเงิน และจากการที่รัฐเป็นผู้ค้ำประกันเงินต้น รวมทั้งดอกเบี้ยเต็มจำนวน แต่มีข้อจำกัดคืออัตราดอกเบี้ยที่ค่อนข้างต่ำ
ส่วนที่2 นำไปลงทุนซื้อหน่วยลงทุนใน "กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ " หรือเลือกลงทุนใน กองทุนรวมหุ้นระยะยาว หรือ LTF (Long Term Equity Fund ) ซึ่งเป็นกองทุนรวมแบบพิเศษที่ให้สิทธิ์ผู้ลงทุนนำเงินลงทุนในแต่ละปีมาใช้ลดหย่อนภาษีได้ซึ่งการลงทุนในกองทุนรวมอสังหาฯ และการลงทุนใน LTF จะมีความเสี่ยงน้อยกว่าการลงทุนในตลาดหุ้นโดยตรง ได้ผลตอบแทนสูงกว่า และนักลงทุนสามารถนำเงินที่ลงทุนในใน LTF ไปหักลดหย่อนภาษีได้สูงสุด 15% ของรายได้ในแต่ละปี แต่ต้องไม่เกิน 500,000 บาท ยิ่งผู้ลงทุนมีฐานภาษีสูงก็ยิ่งประหยัดได้มากขึ้น
ส่วนที่3 นำไปลงทุนทำธุรกิจอย่างการค้าขายที่สามารถทำกำไรได้ถึงไม่มากมายแต่ก็ทำให้มีเงินหมุนเวียนใช้ในชีวิตประจำวันได้
บรรณานุกรม
http://www.thairath.co.th/content/373142
https://happyaged.wordpress.com/2014/04/04/การลงทุนในวัยเกษียณ
ไม่มีความเห็น