กิจกรรมค่ายสืบศิลป์ครั้งที่ 5 จัดขึ้น ณ โรงเรียนแวงน้อยศึกษา อำเภอแวงน้อย จังหวัดขอนแก่น ระหว่างวันที่ 19 – 23 ธันวาคม 2559 ซึ่งมีนักเรียนระดับมัธยมศึกษาเข้าร่วมโครงการกว่า 100 คน และค่ายในครั้งนี้มีนักเรียนทั้งจากโรงเรียนแวงน้อยศึกษาและโรงเรียนท่านางแนววิทยายน
โครงการนี้ผมได้รับหน้าที่ จากรุ่นพี่ของชมรมให้เป็นวิทยากรถ่ายทอดองค์ความรู้ด้านการเป่าแคน และพื้นฐานการตีโปงลาง ผมได้วางแผนการสอนตลอดทั้ง ๕ วัน โดยเริ่มต้นที่การสอนลายพื้นฐานให้น้อง ๆ เมื่อเเม่นลายพื้นฐานเเล้วจึงยกระดับเป็นลายที่ยากขึ้น โดยดูจากพัฒนาการเเละฝีมือในการเล่นดนตรี
ทั้งนี้ผมยังฝึกลำกลอนให้น้อง ๆ เสริมไปอีกด้วย เพื่อที่จะเป็นพื้นฐานในการขับร้องในชุดการแสดงต่าง ๆ โดยใช้แคนเป็นเครื่องดนตรีประกอบจังหวะ ทำให้น้อง ๆ ที่มาฝึกได้รู้ระดับเสียงและจังหวะของดนตรี
ค่ายสืบศิลป์ครั้งที่ 5 เป็นครั้งแรกของการออกค่ายต่างจังหวัดของผมทำให้ได้เรียนรู้การอยู่ร่วมกันและทักษะการถ่ายทอดศิลปวัฒนธรรมอีสาน ทั้งทางด้านดนตรีและกลอนลำ
ถึงแม้ตัวผมเองจะไม่ใช่คนเก่ง แต่การออกค่ายในครั้งนี้ก็ทำให้ได้แนวคิดในการพัฒนาทักษะทางด้านดนตรีและหมอลำ เพื่อที่จะรักษาวัฒนธรรมดั้งเดิมของบรรพบุรุษ
กิจกรรมเเรกที่ได้รับความสนใจจากน้อง ๆ เป็นอย่างมาก คือด้านดนตรี ซึ่งมีความสำคัญในการถ่ายทอดอารมณ์ความรู้สึกทั้งความสนุก ความเศร้า ทั้งนี้ยังเป็นเครื่องประกอบจังหวะช่วยในการแสดงนาฏศิลป์อีกด้วย
กิจกรรมของเราในครั้งนี้ได้เริ่มต้น โดยการเเบ่งน้องออกเป็น 2 กลุ่ม คือ กลุ่มที่มีพื้นฐานทางด้านดนตรีและ กลุ่มที่ยังไม่มีพื้นฐานทางด้านดนตรี
กลุ่มที่มีพื้นฐานทางด้านดนตรี จะได้รับการฝึกซ้อมจากรุ่นพี่ของชมรม ซึ่งเป็นนักดนตรีที่เคยผ่านการประกวดมาเเล้ว โดยจะสอนลายที่สามารถใช้ในการเเสดงจริง เช่น ลายเปิดวง ลายสาวสารคามลำเพลิน ลายฟ้อนเเคน โดยอิงการฝึกรำของฝ่ายนาฏศิลป์เพื่อที่จะสามารถเล่นรวมวงกันได้
กลุ่มที่ยังไม่มีพื้นฐานทางด้านดนตรี จะเริ่มฝึกทักษะขั้นพื้นฐานของเครื่องดนตรีอีสาน จากนิสิตชั้นปีที่ 1 ของชมรม โดยจะใช้ลายพื้นฐานของวงโปงลางเป็นแบบในการฝึก เช่น ลายโปงลาง ลายนกไซบินข้ามทุ่ง ลายไล่วัวขึ้นภู ทั้งนี้ก็เพื่อจะเป็นพื้นฐานที่จะใช้ต่อยอดสำหรับน้อง ๆ ในการฝึกฝนต่อไป
อีกฝ่ายหนึ่งที่มาเเรงเช่นเดียวกันคือ ฝ่ายนาฏศิลป์ ซึ่งได้รับความนิยมทั้งจากบรรดานายรำเเละนางรำ โดยฝ่ายนาฏศิลป์เริ่มฝึกการรำแบ่งชุดของนักแสดงออกเป็นกลุ่มๆ เพื่อให้ง่ายต่อการฝึกซ้อม โดยมีพี่ ๆ เป็นคนต่อท่าให้โดยฝึกตัวต่อตัวเพื่อความเเม่นยำของท่า
นอกจากดนตรีและนาฏศิลป์เเล้ว กลุ่มหัตถกรรมก็ได้รับความสนใจเช่นเดียวกัน การฝึกทักษะทางด้านหัตถกรรมมีหลายประเภทด้วยกัน เช่น การวาดภาพ งานใบตอง งานเเกะสลักผลไม้และร้อยมาลัย ซึ่งผลงานที่น้อง ๆ ทำออกมาต้องยอมรับว่าสวยงามเป็นอย่างมาก
ดังนั้นเเล้วค่ายสืบศิลป์จึงเป็นอีกค่ายหนึ่ง ที่ช่วยปลุกระดมความคิดการวางแผน การแก้ปัญหา การเขียนโครงการและยังช่วยปลุกพลังแห่งวัฒนธรรมความเป็นอีสานให้งอกงามยั่งยืน จากรุ่นต่อรุ่นไม่มีที่สิ้นสุด
ภาณุพงศ์ ธงศรี
21 / มีนาคม / 2560
ไม่มีความเห็น