ประวัติผู้ของ นายวิวัฒน์ ศัลยกำธร ผู้ขับเคลื่อนปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง
นายวิวัฒน์ ศัลยกำธร เกิดวันที่ 17 มีนาคม พ.ศ. 2497 เป็นหนึ่งในบุคคลที่มีบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวลงสู่การปฏิบัติโดยมีเป้าหมายเพื่อการพัฒนามนุษย์ ในขณะเดียวกันภารกิจสำคัญอีกประการได้แก่การขับเคลื่อน “หลักกสิกรรมธรรมชาติ” ผ่านการบ่มเพาะหลักคิดและหลักปฏิบัติผ่าน “ศูนย์กสิกรรมธรรมชาติ มาบเอื้อง” จังหวัดชลบุรี ศูนย์การเรียนรู้ตลอดชีวิตที่แสดงผลสัมฤทธิ์ของการนำศาสตร์พระราชาด้านการจัดการดิน น้ำ ป่า มาฟื้นฟูระบบนิเวศจนสามารถพลิกฟื้นดินดานสร้างระบบนิเวศที่สมดุลต่อระบบการผลิตภาคการเกษตร พัฒนาสู่ชุมชนที่ดำเนินวิถีชีวิตตามปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ขยายผลสู่การสร้างแบบอย่างใหม่ของการศึกษาวิถีไทยในอนาคตด้วยการนำ “บวร-บ้าน วัด โรงเรียน” กลับสู่การบ่มเพาะเด็กและเยาวชนให้มีคุณธรรมนำความรู้ ในนาม “ปูทะเลย์มหาวิชชาลัย” ต้นแบบศูนย์การเรียนรู้ตามกฎกระทรวงว่าด้วยสิทธิของบุคคลในการจัดการศึกษาขั้นพื้นฐาน
นายวิวัฒน์ จบการศึกษาระดับประถมศึกษาจาก โรงเรียนวัดสนามจันทร์ จังหวัดฉะเชิงเทรา, มัธยมศึกษาจากโรงเรียนวัดนวลนรดิศ กรุงเทพฯ, ปริญญาตรี ศิลปศาสตรบัณฑิต (รัฐศาสตร์) มหาวิทยาลัยรามคำแหง, ปริญญาโท พัฒนบริหารศาสตรมหาบัณฑิต (พัฒนาสังคม) สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ และได้รับปริญญาดุษฎีกิตติมศักดิ์ จากมหาวิทยาลัยราชภัฏพิบูลสงคราม และมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน
นายวิวัฒน์ ดำรงตำแหน่งสุดท้ายก่อนลาออกจากราชการ คือ ผู้อำนวยการกองประเมินผลงาน สำนักงานคณะกรรมการพิเศษเพื่อประสานงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ สำนักนายกรัฐมนตรี ลาออกมาเพื่อขับเคลื่อนปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวให้เป็นจริง
ปัจจุบันดำรงตำแหน่งเป็น ประธานสถาบันเศรษฐกิจพอเพียง ประธานมูลนิธิกสิกรรมธรรมชาติ ประธานกรรมาธิการขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศด้านการศึกษา สภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ ผู้ทรงคุณวุฒิ คณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ (คทช.) ในขณะเดียวกับได้รับตำแหน่งที่ปรึกษาให้กับหลายหน่วยงาน/องค์กร เพื่อขับเคลื่อนปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงในภาคส่วนต่างๆ ของสังคมนอกเหนือจากด้านการเกษตร อาทิ ด้านการศึกษา ด้านอุตสาหกรรม ด้านธุรกิจการบริการ ฯลฯ
ในปี พ.ศ. 2543 นายวิวัฒน์เคยลงสมัครรับเลือกตั้งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ในนาม "กลุ่มกรุงเทพสามัคคี" แต่ไม่ได้รับเลือกตั้ง
ประวัติความเป็นมาของศูนย์กสิกรรมธรรมชาติมาบเอื้อง จังหวัดชลบุรี
พระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช ที่ว่า “เศรษฐกิจของเราขึ้นอยู่กับการเกษตรมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว รายได้ของประเทศได้มาใช้สร้างความเจริญด้านต่าง ๆ เป็นรายได้จากการเกษตรเป็นส่วนใหญ่ จึงอาจกล่าวได้ว่าความเจริญของประเทศต้องอาศัยความเจริญของการเกษตรเป็นสำคัญและงานทุก ๆ ฝ่ายจะดำเนินก้าวหน้าไปได้ ก็เพราะการเกษตรของเราเจริญ”
ประกอบกับ อาจารย์วิวัฒน์ ศัลยกำธร ผู้รับใช้ใต้เบื้องพระยุคลบาท โดยรับราชการใกล้ชิดกับพระองค์ท่านฯ ในหน่วยงานสำนักงานคณะกรรมการพิเศษเพื่อประสานงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ (กปร.) สำนักนายกรัฐมนตรีกว่า ๑๖ ปี ได้สัมผัสกับชีวิตของเกษตรกรในทั่วภูมิภาคของประเทศ ซึ่งได้พบกับปัญหาต่าง ๆของเกษตรกรไม่ว่าจะเป็นเรื่องที่ดินทำกิน ความยากจน ความรู้ในเรื่องการเกษตร ตลอดจนปัญหาสุขภาพ การศึกษา และอื่น ๆ ประกอบกับที่ได้ถวายการรับใช้พระองค์ท่าน ได้เห็นพระองค์ท่านทุ่มเทพระวรกาย กำลังทุนทรัพย์ อีกทั้งเวลาโดยส่วนใหญ่กับการพัฒนาค้นคว้าและทดลองในสิ่งต่าง ๆ ภายใต้โครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ ซึ่งจะเกี่ยวข้องกับเกษตรเป็นส่วนใหญ่ ทั้งการเลี้ยงสัตว์ การปลูกพืช การทำนาข้าว การปรับปรุงดิน และน้ำ การศึกษาการปลูกป่า และพืชสมุนไพร การปลูกแฝก โรงสี และเทคโนโลยีชีวภาพ การวิจัยเรื่องพลังงาน และโครงการ อื่น ๆ อีกมากมาย ซึ่งทรงลงมือปฏิบัติการด้วยพระองค์เอง
พระองค์ท่านทรงเน้นให้ประชาชน และเกษตรกรรู้จักพึ่งตนเอง จึงได้พระราชทานแนวคิดเรื่อง “ทฤษฎีใหม่เศรษฐกิจพอเพียง” เพื่อเป็นหลักคิดให้กับทุก ๆ คน ด้วยสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ อาจารย์วิวัฒน์ ศัลยกำธร จึงได้รวบรวมกลุ่มคนในหลาย ๆ อาชีพ ที่มีแนวคิด แนวอุดมการณ์ ในการที่จะฟื้นฟูประเทศ โดยการนำแนวคิดเรื่องทฤษฎีใหม่ เศรษฐกิจพอเพียงมาประยุกต์ ให้ใช้กับการทำการเกษตร และการดำรงชีวิตให้อยู่รอดได้อย่างยั่งยืน รวมทั้งการรณรงค์ให้เกษตรกรเลิกใช้สารเคมี หยุดการพึ่งพาชาติตะวันตกและหันกลับมาพึ่งพาตนเอง โดยใช้เทคโนโลยีและภูมิปัญญาชาวบ้าน ที่เคยสืบทอดกันมาเพื่อเน้นการทำเกษตรที่ยั่งยืนบนผืนแผ่นดินไทย
การรณรงค์ให้เกษตรกรหันมาทำการเกษตรแบบพึ่งพาตนเอง ตามแนวพระราชดำริฯนั้น จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องปฏิบัติให้เกษตรกรได้เห็นจริงจึงจะเข้าใจแนวคิดในการจัดตั้งศูนย์ฝึกอบรมกสิกรรมธรรมชาติมาบเอื้องจึงเกิดขึ้น ซึ่งจะเป็นปัจจัยสำคัญอย่างยิ่งในการเผยแพร่แนวความคิดและดำเนินการให้เป็นไปตามเป้าหมายและวัตถุประสงค์ต่อไป
วัตถุประสงค์
1. เพื่อเป็นศูนย์ค้นคว้าวิจัยพัฒนาเทคโนโลยีชีวภาพเพื่อการกสิกรรม การเพาะเลี้ยงสัตว์ การปศุสัตว์ การพลังงาน การแพทย์เภสัชกรรมการจัดการสิ่งแวดล้อม โดยใช้ภูมิปัญญาตะวันออก
2. เพื่อเป็นศูนย์ฝึกอบรม ถ่ายทอด และเผยแพร่ความรู้ที่เกี่ยวกับเทคโนโลยีชีวภาพ ให้กับเกษตรกร นักเรียนนักศึกษา ข้าราชการและประชาชน
3. เพื่อเป็นศูนย์ถ่ายทอดเทคโนโลยีประจำตำบลภายใต้โครงการของกระทรวงเกษตร และสหกรณ์
4. เพื่อเป็นสถานที่จัดทำแปลงสาธิต ในเรื่องของการนำเทคโนโลยีชีวภาพมาใช้กับสมุนไพร ไม้ดอกไม้ประดับพืชผักสวนครัวและนาข้าวเพื่อให้ความรู้ และเป็นแปลงตัวอย่างให้กับกลุ่มเกษตรกรในท้องถิ่นและเกษตรกรอื่นๆ ที่สนใจ
5. เพื่อเป็นแหล่งรวบรวมอุปกณ์ และเครื่องมือที่ใช้ในการเกษตรในอดีต โดยจะตั้งเป็นพิพิธภัณฑ์ชาวนาต่อไป
6. เพื่อเป็นสถานที่ท่องเที่ยวให้กับผู้ที่สนใจทางด้านการเกษตรแบบธรรมชาติเข้าแวะชม และแสวงหาความรู้
7. เพื่อเป็นศูนย์ฝึกอบรมที่เปิดให้กับหน่วยงานองค์กรภาครัฐ และภาคเอกชนต่างๆ ที่สนใจใช้เป็นสถานที่จัดอบรมในเรื่องที่เกี่ยวข้องกับการเกษตรทุกประเภท
ศึกษาดูงานที่ศูนย์กสิกรรมธรรมชาติมาบเอื้อง จังหวัดชลบุรี
สวัสดีครับ/ค่ะ!! ในวันที่ 17 มีนาคม พ.ศ.2560 มหาวิทยาลัยราชภัฏนครปฐมได้พานักศึกษาสาขาวิชาการพัฒนาชุมชนไปศึกษาดูงานนอกสถานที่ โดยพาไปที่ศูนย์กสิกรรมธรรมชาติมาบเอื้อง จังหวัดชลบุรี รถออกเวลา 05:30น. พวกเราพร้อมเละตื่นเต้นกับการดูงานในครั้งนี้มาก...
หลังจากที่ออกเดินทางจากมหาวิทยาลัยราชภัฏนครปฐมเวลา 05:30น. ก็มาถึงศูนย์กสิกรรมธรรมชาติมาบเอื้อง จังหวัดชลบุรี ในเวลา 10:30น.
ระหว่างทางที่เดินเข้ามาทั้งสองฝั่งทาง ก็มีอาหารให้รับประทานฟรีตลอดทั้งงาน พวกเราเดินถ่ายรูปกิจกรรมภายในงาน ระหว่างนั้นก็หันไปเห็นดาราคนหนึ่ง และดาราคนนั้นก็คือ พี่แพนเค้ก เขมนิจ จามิกรณ์ ซึ่งเป็นศิลปินที่เดินตามรอยศาสตร์ของพระราชาในชีวิตจริง
หลังจากถ่ายรูปเสร็จพวกเราก็เดินมาลงทะเบียนที่หน้างาน ก่อนที่จะเดินดูงานทั้งหมดที่ศูนย์จัดขึ้น เมื่อลงทะเบียนเสร็จก็จะได้แผนที่ของศูนย์มาคนละ 1 ใบ โดยในแผนที่จะบอกถึงที่ตั้งของกิจกรรมต่างๆ
เมื่อลงทะเบียนเสร็จ พวกเราก็เดินเข้ามาภายในงานมาดูการแสดงประกอบพิธีเปิดที่หน้าเวที มีศิลปินมาร้องเพลงเพื่อถวายให้พ่อหลวงรัชกาลที่ 9
ซุ้มกิจกรรมต่างๆภายในงาน
หลังจากเสร็จพิธีเปิด พวกเราก็เริ่มเดินดูกิจกรรมภายในงาน ก็มาเจอกับซุ้มแรกที่แจกเมล็ดพันธุ์ผักพื้นบ้านให้นำกลับมาปลูกกันที่บ้านแบบฟรีๆกันอีกด้วย
ซุ้ม ไร่สุขพ่วง ความสุขพร้อมแบ่งปัน
เป็นการปลูกพืชผักในภาชนะ คือ ตะกร้าสานจากสายรัดพลาสติก สร้างขึ้นเพื่อแก้ไขปัญหาผู้ที่มีพื้นที่เพราะปลูกแบบจำกัด หรือมีดินที่มีสภาพเสื่อมโทรม ขาดแคลนน้ำ ให้สามารถปลูกพืชในครัวเรือนได้แบบง่าย
ซุ้ม earth safe อินทรีย์วิถีไทย น้ำตาลอ้อย
เป็นการแปรรูปจากทุนของชุมชนที่มีอยู่ในตำบลจอมบึง จังหวัดราชบุรี ในกระบวนการแบบอินทรีย์วิถีไทย คือ การปลูกโดยไม่ใช้สารเคมีทุกชนิด และนำน้ำอ้อยที่ได้มาแปรรูปเป็นน้ำตาลอ้อยโดยใช้ภูมิปัญญาพื้นบ้าน
ซุ้ม ถ่านไม้ไผ่แปรรูปเพื่อสุขภาพ จากศูนย์กสิกรรมธรรมชาติสองสลึง อำเภอแกลง จังหวัดระยอง
เป็นผลพลอยได้มาจาก การปลูกป่า 3 อย่าง เพื่อประโยชน์ 4 อย่าง เป็นถ่านบริสุทธิ์ที่ผ่านกระบวนการเผาไหม้ด้วยความร้อน มีผลช่วยให้การทำงานในร่างกายดีขึ้น และมีการเพิ่มมูลค่าโดยการทำเป็นเครื่องประดับและของฝากหลากหลายรูปแบบอีกด้วย
ซุ้ม วิสาหกิจชุมชนปฏิรูปการเกษตรสอยดาว จังหวัดจันทบุรี
เป็นการรวมกลุ่มกันของชาวบ้านในตำบลทุ่งขนาน อำเภอสอยดาว จังหวัดจันทบุรี โดยทำการแปรรูปผักผลไม้ของกลุ่มเกษตรอำเภอสอยดาว
ซุ้ม อนุรักษ์พันธุ์สัตว์ทะเล
ภายในซุ้มมีพันธุ์สัตว์ทะเลอายุหลายร้อยปีให้เราได้ศึกษาหาความรู้ และยังมีแมงกะพรุนกับชนิดของพิษแมงกะพรุนให้ได้ศึกษาอีกมากมาย
หลังจากที่พวกเราได้เดินดูซุ้มต่างๆภายใน ก็มรพี่เมฆผู้ที่เป็นวิทยากรมาสรุปและให้ความรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับ ศูนย์กสิกรรมธรรมชาติมาบเอื้องก่อนที่พวกเราจะเดินทางกลับ
และสุดท้ายก่อนที่พวกเราจะเดินทางกลับก็ได้ถ่ายรูปกลุ่มเป็นที่ระลึก เพราะบรรยากาศที่นี่ดีมากๆเลยขอบอกๆ...
ไม่มีความเห็น