๕๐๓. บทเรียน..จากการสอบการอ่านการเขียน..ป.๑ - ๔


”ต้องประเมินเด็กตามความแตกต่างของแต่ละบุคคล เรียนรู้ตามความถนัดและความสนใจ..เครื่องมือต้องคำนึงถึงความยากง่าย เพราะเด็กแต่ละพื้นที่ แต่ละบริบท มีความแตกต่างกัน..”

การสอบระดับชาติ ว่าด้วยการอ่านออกเสียง อ่านรู้เรื่อง(อ่านเอาเรื่อง) และการเขียน มีทั้งเขียนคำ เขียนประโยคและเขียนข้อความ(เขียนเรื่องจากภาพ) ชั้น ป.๑ – ๔ ในช่วง ๒ วันที่ผ่านมา..ผ่านไปด้วยความเรียบร้อย..

ผลการสอบเป็นที่น่าพอใจ..ทุกชั้นได้คะแนนเฉลี่ยมากกว่าร้อยละ ๘๐..เป็นภาพรวมที่ดูสวยหรู เมื่อเทียบกับข้อสอบมาตรฐานที่ส่งมาจากส่วนกลาง มีคณะกรรมการกลางที่ส่งมาจากโรงเรียนอื่นและสอบพร้อมกันทั่วประเทศ..

แต่พอมาดูผลการสอบในรายวิชา ก็พบปัญหาที่เกือบจะทำให้คุณภาพล้มเหลว กล่าวคือ..นักเรียนส่วนใหญ่อ่านได้ แต่พอถึงอ่านรู้เรื่องหรืออ่านจับใจความ อ่านแล้วตอบคำถาม นักเรียนหลายคนได้คะแนนต่ำ ทำให้ฉุดคะแนนคนเก่งที่ทำคะแนนสูง..ให้ค่าเฉลี่ยต่ำลงอย่างไม่ต้องสงสัย

ในส่วนของการเขียน..เขียนตามคำบอกและเขียนประโยค มีปัญหาไม่มาก แต่เขียนเรื่องจากภาพมีนักเรียนบางส่วนเขียนแบบไร้จินตนาการ ออกนอกกรอบจนแทบไม่มีคะแนน..

ผมเสียดายที่วางใจ ทำให้ฝึกทักษะและแก้ปัญหาเฉพาะกิจนี้น้อยเกินไป มัวแต่พอใจการอ่านจนเกิดช่องว่างขึ้นจนได้..ปีหน้า..ต้องมองการประเมินนี้ตลอดแนว จะได้ไม่พลาด

แต่มาคิดอีกที ที่ได้ร่ำเรียนมา มันก็ไม่เป็นแบบนี้ ที่บอกว่า..”ต้องประเมินเด็กตามความแตกต่างของแต่ละบุคคล เรียนรู้ตามความถนัดและความสนใจ..เครื่องมือต้องคำนึงถึงความยากง่าย เพราะเด็กแต่ละพื้นที่ แต่ละบริบท มีความแตกต่างกัน..”

แต่เวลาวัดและประเมินผลจริง ก็เอาข้อสอบมาจากส่วนกลาง..เหมือนตัดเสื้อโหล..ใส่เหมือนกันทั้งประเทศ..นี่คือการศึกษาของประเทศไทย..ที่ไม่มีอะไรใหม่ คิดแบบเดิมๆ ได้ผลเดิมๆ ทำแบบไม่ไว้ใจครูผู้สอน..ซะงั้น

ช่างเถอะ..พูดไปก็ไม่มีใครฟัง คงต้องกลับมาหาข้อมูลและแก้ไขที่ต้นเหตุ และปัจจัยบางอย่างก็ต้องปรับปรุง เช่น..ครูคุมสอบไม่สอบตามตาราง ที่กำหนดเวลาไว้ชัดเจน ควรมีเวลาให้นักเรียนได้พักผ่อนคลาย..แต่ที่เห็น..สอบต่อเนื่อง เพื่อให้เสร็จก่อนเที่ยง เพราะเห็นว่าเด็กน้อย..ทั้งที่ในความเป็นจริง เด็กก็คือเด็ก รีบเร่งนักก็ไม่ดี...

ครูคุมสอบ..ไม่เขียนวิชาและเวลาบนกระดาน ไม่อธิบายคำสั่งแบบซ้ำย้ำทวน หนักไปกว่านั้น เมื่อเด็กลงมือทำก็ไม่ได้เดินดูว่าเด็กเข้าใจคำสั่งหรือไม่ หรือมีความรอบคอบมากน้อยแค่ไหน..อันนี้สำคัญมาก..คงคิดว่าเป็นการสอบ..เลยต้องเคร่งกระนั้นหรือ..

อย่าลืมว่า..การสอบ คือการสอนแบบหนึ่ง.. สอบเพื่อให้โรงเรียนนำผลไปปรับปรุงการเรียนการสอน..วันนี้จึงถือเป็นบทเรียน แม้จะราคาไม่แพง แต่ก็ต้องแก้ไขการบริหารจัดการ..ในฐานะประธานสนามสอบ ที่มัวแต่สอนแทนครูที่ไปคุมสอบโรงเรียนอื่น และช่วยตระเตรียมอาหารคาวหวาน..

ปีหน้าคิดใหม่ทำใหม่..สอนมาทั้งปี เหนื่อยมาตลอด..มาเสียของในวันเดียว..มันไม่คุ้ม

ชยันต์ เพชรศรีจันทร์

๒๔ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๐





หมายเลขบันทึก: 624522เขียนเมื่อ 24 กุมภาพันธ์ 2017 20:32 น. ()แก้ไขเมื่อ 24 กุมภาพันธ์ 2017 20:32 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (1)

วันนี้คุณมะเดื่อไปเป็นกรรมการสอบ

การอ่าน การเขียน ป.๔ ก็พบกับ

ปัญหาดังที่ท่าน ผอ.คนเก่งว่า

" นักเรียนส่วนใหญ่อ่านได้

แต่พอถึงอ่านรู้เรื่องหรืออ่านจับใจความ

อ่านแล้วตอบคำถาม

นักเรียนหลายคนได้คะแนนต่ำ."

และ ที่ไหน ๆ ก็เจอปัญหาเดียวกันนี้แหละจ้าา

เหตุผลหนึ่งที่สำคัญคือ ... เด็กไม่รักการอ่าน...

นั่นแล ... ที่อ่านได้ ก็ด้วยความจำเป็น

ที่ต้องอ่านตามที่ครูบอก ครูสั่งน่ะละ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท