วันนี้..บ้านกบ..เสร็จแล้ว เรียบร้อยและมิดชิดดีพอสมควร หลังคาเป็นสะแลน แสงเข้าได้พอประมาณ ด้านข้างสี่ด้าน ส่วนบนเป็นสะแลนรอบด้าน ส่วนด้านล่างติดทั้งสะแลนและตาข่าย ทำเป็นสองชั้นค่อนข้างทึบ ป้องกันกบไปเดินเล่นนอกบ้าน..และไม่ให้สัตว์แปลกหน้าเข้าไปเยี่ยมกบถึงในบ้าน....
ภายในบ้านกบ..สังเกตเห็นส่วนล่างของตาข่ายที่กองอยู่กับพื้น..ตั้งใจจะนำดินมากลบทับถมกันไว้ เพื่อให้ต้นหญ้าขึ้น เป็นที่หลบมุมและพักร้อนให้กบด้วย แต่บางคนบอกว่า กบจะมุดดินออกไปนอกบ้านได้ ก็เลยสงสัย..จะเป็นไปได้หรือ บ้างก็ว่ากบเลี้ยงแบบนี้ จะไม่ยอมออกไปไหนง่ายๆ
อย่างไรก็ตาม..เป็นช่วงค้นคว้าทดลอง จะไม่เลี้ยงมากมาย เริ่มต้นกันที่ ๑๐๐ ตัว..เป็นจำนวนที่เหมาะสมกับการเรียนรู้และขนาดพื้นที่มากที่สุด..คิดว่า..ต่อไปนักเรียนคงไม่ต้องศึกษาวงจรชีวิตของกบ..แค่ดูหนังสือ..แต่จะสังเกตได้ในบ้านกบ ได้สัมผัสประสบการณ์ตรงอย่างชัดเจน
วางแผนรอบๆบ้านกบ คิดว่าจะสร้างสภาพแวดล้อมที่ดูแลง่ายและได้ประโยชน์ แบบผักสวนครัวรั้วกินได้ ตอนนี้มีต้นกระถิน อาจต้องมีต้นอัญชัน ข่า และตะไคร้มากขึ้น
วันนี้ นำถุงต้นเผือกมาจัดวางดู ก็เห็นว่าเข้าท่า ต้นเผือกชอบแดด มีใบสวยคล้ายไม้ประดับ เป็นไม้โตเร็ว หัวเผือกเมื่อเข้าไปอยู่ในครัวแล้ว ทำอะไรได้หลายอย่าง
ผมทดลองปลูกในถุงข้าวสาร ก่อนจะนำมาใส่ถุง จะเพาะเลี้ยงก่อน เพาะในกาละมังถังถาดเก่าๆ จากนั้นก็แยกต้นกล้าของเผือกออกมา ถุงข้าวสารที่ใช้หมดแล้ว ผมเก็บไว้มากมาย คงปลูกต้นเผือกวางเรียงรายข้างบ้านกบได้หลายต้น เป็นการทดลองด้วยว่า เผือกปลูกในถุง..จะมีหัวได้หรือไม่......
อีกใจหนึ่งก็อยากซื้อรองที่เป็นปูนขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง ๖๐ ซม. วางไว้หลังบ้านกบ เพื่อปลูกกระเพรา โหระพา พริก และมะเขือ...ครบสูตรเครื่องแกงและต้มยำ..แต่ขอคิดดูก่อน เกรงใจ..เดี๋ยวกบจะน้อยใจ....
จุดประสงค์หลักจริงๆของการสร้างบ้านให้กบ ก็เพื่อสร้างระบบนิเวศน์เพื่อการเรียนรู้ สร้างสิ่งแวดล้อมในโรงเรียนเพื่อการศึกษา ไม่คาดหวังเรื่องผลกำไร แต่นักเรียนต้องได้รับความสุขและเพลิดเพลิน ซึ่งต่อไปเขาอาจต่อยอดไปสู่อาชีพได้..
ชยันต์ เพชรศรีจันทร์
๒๓ มกราคม ๒๕๖๐
น่าสนใจมาก
ทางใต้มีต้นไม้คล้ายเผือกเรียกว่า คูน หรือ อ้อ ดิบ กินได้ เอามาแกงแบบบอนบ้านเราเลย
ลองหามาปลูกบ้างดีกว่าครับ