ผมกับทีมงานขุดลอกผักตบชวาออกจากสระน้ำโรงเรียนเป็นที่เรียบร้อยแล้ว..วันนี้เห็นปลาน้อยใหญ่แหวกว่ายเริงร่าอยู่บนผิวน้ำ เหมือนออกมาจากโลกใต้ผักตบที่มืดทึบ คับแคบและอึดอัด ชีวิตในปีใหม่ของปลาได้ออกมาสัมผัสแสงสว่างและสูดอากาศที่บริสุทธิ์...
ผมใช้เวลาเกือบครึ่งปี ที่จะทำให้สระน้ำโรงเรียนสดใส ตั้งใจไม่รบกวนชุมชนผู้ปกครอง ไม่เบียดเบียนวันเวลาที่พวกเขาต้องทำมาหากินเลี้ยงปากเลี้ยงท้อง ผมจึงไม่ขอร้อง แต่ใช้การพึ่งพาตนเอง ที่ต้องอาศัยความอดทนและรอคอย..
ฝึกฝนชีวิตให้อดทน ที่จะค่อยๆทำแบบไม่ท้อ..โดยแบ่งพื้นที่สระน้ำออกเป็น ๓ ส่วน นำผักตบชวาออกทีละส่วน ขุดลอกแบบพอประมาณแบบนี้ ไม่สิ้นเปลืองแรงงานและแรงเงิน...
เงินค่าตอบแทนจากมนุษย์เงินเดือนมีค่าและยิ่งใหญ่เสมอ ถ้าเรารู้จักใช้ หากใช้ครั้งละมากๆในคราวเดียว จะไม่เหลือเงินให้ทำเรื่องอื่นๆ หรือไม่พอแบ่งปันให้ใครต่อใคร..
ผมรอคอยคณะผู้รับจ้างขุดลอกสระ ครั้งละ ๒,๐๐๐ บาท แต่ละครั้งใช้คนงาน ๓ – ๔ คน ใช้เวลาครั้งละ ๒ วัน ในช่วง ๕ เดือนเศษ ทำ ๓ ครั้ง ใช้เงิน ๖,๐๐๐ บาท....คุ้มค่ากับสระน้ำที่ได้คืนมา และคุ้มค่ากับน้ำเงินที่ลงทุนไปเพื่อการนี้
ขณะที่ปฏิบัติการขุดลอกสระ..ก็มีผู้ออกมาแสดงความคิดเห็น แบบประสงค์ออกนามแต่ไม่ประสงค์ออกเงิน..ประมาณว่า...
“ทำไม ผอ.ไม่ใช้รถตัก ชั่วโมงเดียวก็ได้เกือบครึ่งสระแล้ว”
นั่นสิ..ทำไมผมจึงไม่ใช้รถขุดลอก..ทำไมผมคิดไม่ออกนะ พึ่งพาเครื่องจักรกล..ก็หมดเรื่อง
ณ เวลาหนึ่งนั้น เหตุผลแห่งความพอเพียง..ก็จะตอบได้ทุกโจทย์ เช่นเดียวกันกับเรื่องนี้ ที่ช่วยให้ผมตอบได้..ไม่ยาก
“รถขุดลอกผักตบชวา ไม่ได้หาง่ายๆเหมือนรถขุดสระ ต้องรอนาน และถ้าหาได้ ค่าใช้จ่ายในคราวเดียวก็สูงมาก คนที่ได้อานิสงส์คือคนขับรถกับผู้รับเหมา...แต่ถ้าใช้คนขุดลอก แต่ละครั้ง..เงินของ ผอ.เขานำไปเลี้ยงลูกเลี้ยงเมีย เลี้ยงคนในครอบครัวได้หลายคน..”
ผมพูดไปแค่นั้นจริงๆ..อยากจะพูดต่อด้วยว่า..เงินผมใหญ่ ทำอะไรก็ต้องทำให้เกิดคุณค่า..ต่อชีวิต
ใกล้ค่ำแล้ว..ฝนตกพรำๆ พรมซ้ำให้น้ำในสระสดใสมากขึ้น ธรรมชาติเหมือนจะหยั่งรู้ว่า..หลากหลายชีวิต ทั้งคน สัตว์และต้นไม้..รอคอยวันนี้..วันที่สระน้ำกลับมาเหมือนเดิม
ชยันต์ เพชรศรีจันทร์
๔ มกราคม ๒๕๖๐