"วุฒิธรรม ๔ เพื่อความเจริญแห่งปัญญา"
ขอนอบน้อมด้วยเศียรเกล้าแด่ พระผู้มีพระภาค อรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
ธรรมะรับอรุณ ณ บ้านเย็นยิ้ม
วันพระขึ้น 8 ค่ำ เดือน 1 ประจำวันพุธที่ 7 ธันวาคม 2559
- - - - - - - - - - - - - - -
จตฺตาโรเม ภิกฺขเว ธมฺมา ปญฺาวุฑฺฒิยา สํวตฺตนฺติ กตเม จตฺตาโร
สปฺปุริสสํเสโว สทฺธมฺมสฺสวนํ โยนิโสมนสิกาโร ธมฺมานุธมฺมปฏิปตฺติ
อิเม โข ภิกฺขเว จตฺตาโร ธมฺมา ปญฺาวุฑฺฒิยา สํวตฺตนฺตีติ ฯ
"ดูกรภิกษุทั้งหลาย ธรรม ๔ ประการ ย่อมเป็นไปเพื่อความเจริญแห่งปัญญา ธรรม ๔ ประการเป็นไฉน คือ สัปปุริสสังเสวะ การคบสัปบุรุษ ๑ สัทธรรมสวนะ ฟังคำสั่งสอนของท่าน ๑ โยนิโสมนสิการ ทำไว้ในใจโดยแยบคาย ๑ ธรรมานุธรรมปฏิปัตติ ปฏิบัติธรรมสมควรแก่ธรรม ๑ ดูกรภิกษุทั้งหลาย ธรรม ๔ ประการนี้แล ย่อมเป็นไปเพื่อความเจริญแห่งปัญญา ฯ"
- - - - - - - - - - - - - - -
"วุฒิธรรม ๔" เพื่อความเจริญแห่งปัญญา
วุฒิ หรือ วุฑฒิธรรม แปลว่าธรรมเป็นเครื่องเจริญ, คุณธรรมที่ก่อให้เกิดความเจริญงอกงาม ประกอบด้วย ๔ ประการ
๑. สัปปุริสังเสวะ คือ การคบหาสัตบุรุษ, เสวนาท่านผู้รู้ผู้ทรงคุณ
๒. สัทธัมมัสสวนะ คือ การฟังสัทธรรม, เอาใจใส่เล่าเรียน หาความรู้จริง
๓. โยนิโสมนสิการ คือ การทำในใจโดยแยบคาย, คิดหาเหตุผลโดยถูกวิธี
๔. ธัมมานุธัมมปฏิบัติ คือ การปฏิบัติธรรมสมควรแก่ธรรม, ปฏิบัติธรรมให้ถูกต้องตามหลัก คือ ให้สอดคล้องพอดีตามขอบเขต ความหมาย และวัตถุประสงค์ที่สัมพันธ์กับธรรมข้ออื่นๆ, นำสิ่งที่ได้เล่าเรียนและตริตรองเห็นแล้วไปใช้ปฏิบัติให้ถูกต้องตามหลัก ตามความมุ่งหมายของสิ่งนั้นๆ
ธรรมหมวดนี้ ในบาลีที่มา เรียกว่า ธรรมที่เป็นไปเพื่อ ปัญญาวุฒิ คือ เพื่อความเจริญงอกงามแห่งปัญญา
- - - - - - - - - - - - - - -
"ปัญญา ๓"
ปัญญา แปลว่า ความรอบรู้, รู้ทั่ว, เข้าใจ, รู้ซึ้ง
๑. จินตามยปัญญา คือ ปัญญาเกิดแต่การคิดการพิจารณาหาเหตุผล
๒. สุตมยปัญญา คือ ปัญญาเกิดแต่การสดับการเล่าเรียน
๓. ภาวนามยปัญญา คือ ปัญญาเกิดแต่การฝึกอบรมลงมือปฏิบัติ
(ที.ปา. ๑๑/๒๒๘/๒๓๑.)
- - - - - - - - - - - - - - -
"ติกนิเทศ"
ในญาณวัตถุหมวดละ ๓ นั้น จินตามยปัญญา เป็นไฉน ?
ในการงานทั้งหลายที่ต้องน้อมนำไปด้วยปัญญาก็ดี ในศิลปะทั้งหลายที่ต้องน้อมนำไปด้วยปัญญาก็ดี ในวิชาทั้งหลายที่ต้องน้อมนำไปด้วยปัญญาก็ดี บุคคลมิได้ฟังจากผู้อื่น ย่อมได้กัมมัสสกตาญาณ หรือย่อมได้สัจจานุโลมิกญาณ ว่ารูปไม่เที่ยง ดังนี้บ้าง ว่าเวทนาไม่เที่ยง ดังนี้บ้าง ว่าสัญญาไม่เที่ยง ดังนี้บ้าง ว่าสังขารทั้งหลายไม่เที่ยง ดังนี้บ้าง ว่าวิญญาณไม่เที่ยง ดังนี้บ้าง ย่อมได้อนุโลมิกญาณ ขันติญาณ ทิฏฐิญาณ รุจิญาณ มุติญาณ เปกขญาณ ธัมมนิชฌานขันติญาณอันใด ซึ่งมีลักษณะอย่างนั้น นี้เรียกว่า จินตามยปัญญา
สุตมยปัญญา เป็นไฉน ?
ในการงานทั้งหลายที่ต้องน้อมนำไปด้วยปัญญาก็ดี ในศิลปะทั้งหลายที่ต้องน้อมนำไปด้วยปัญญาก็ดี ในวิชาทั้งหลายที่ต้องน้อมนำไปด้วยปัญญาก็ดี บุคคลได้ฟังจากผู้อื่นแล้ว จึงได้กัมมัสสกตาญาณ หรือได้สัจจานุโลมิกญาณ ว่ารูปไม่เที่ยง ดังนี้บ้าง ว่าเวทนาไม่เที่ยง ดังนี้บ้าง ว่าสัญญาไม่เที่ยง ดังนี้บ้าง ว่าสังขารทั้งหลายไม่เที่ยง ดังนี้บ้าง ว่าวิญญาณไม่เที่ยง ดังนี้บ้าง ได้อนุโลมิกญาณ ขันติญาณ ทิฏฐิญาณ รุจิญาณ มุติญาณ เปกขญาณ ธัมมนิชฌานขันติญาณ อันใด ซึ่งมีลักษณะอย่างนั้น นี้เรียกว่า สุตมยปัญญา
ภาวนามยปัญญา เป็นไฉน ?
ปัญญาของผู้เข้าสมาบัติแม้ทั้งหมด เรียกว่า ภาวนามยปัญญา
(อภิ.วิ. ๓๕/๘๐๔/๔๓๘.)
- - - - - - - - - - - - - - -
องฺ.จตุกฺก. ๒๑/๒๔๘/๓๓๒; พจนานุกรมพุทธศาสตร์ ฉบับประมวลธรรม.
Cr. รูปภาพจากอินเทอร์เน็ต
...
ธรรมะรักษา วิปัสสนาคุ้มครองค่ะ
อจ.พิณจ์ทอง แมนสุมิตร์ชัย (ฉัตรนะรัชต์)
ขอน้อมอุทิศถวายบุญกุศล เป็นพระราชกุศลแด่ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อมขอเดชะ
ไม่มีความเห็น