ดราม่าเรื่องคลิปทดสอบภาษาอังกฤษเด็กไทยของนายเนท บาร์ทลิ้ง


ไม่แต่เฉพาะภาษาอังกฤษที่เด็กไทยอ่อน ภาษาไทยเด็กไทยก็อ่อน การอ่อนทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษ บวกกับการเรียนแบบท่องจำเพื่อสอบเกือบหมดทุกวิชา ซึ่งไม่ถูกวิธี เป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้คุณภาพการศึกษาไทย เกือบจะเป็นบ๊วยในอาเซียน ซึ่งต่อไปอาจจะเป็นบ๊วยก็ได้ ดังนั้น ไม่ว่าจะปฏิรูปการศึกษาไทยอย่างไร แต่ถ้าไม่แก้ไขในเรื่องนี้ ผมเชื่อว่าการปฏิรูปการศึษาไทย จะล้มเหลวอีกเหมือนเมื่อ 20 ปีที่ผ่านมา

ผมไม่เคยรู้จักนายเนท บาร์ทลิ้ง ผู้ทำคลิปทดสอบภาษาอังกฤษเด็กไทยมาก่อน ซึ่งตอนนี้เขาได้ทำคลิปออกมาขอโทษคนไทยที่รู้สึกไม่พอใจกับการกระทำของเขาแล้ว

ในเมื่อขณะนี้ นายเนท บาร์ทลิ้ง ก็ได้ออกมาขอโทษคนไทยแล้ว ใครจะยอมรับคำขอโทษของนายเนท บาร์ทลิ้ง ก็ยอมรับไป ผมก็เป็นคนไทยคนหนึ่ง ผมไม่ยอมรับคำขอโทษของเขา ผมไม่ได้มองข้ามการนำเสนอที่ดูจะก้าวร้าวไปหน่อยของเขา การนำเสนอข้อเท็จจริงที่ไม่ครบถ้วน เนื่องจากตัดในส่วนที่มีคนตอบคำถามได้ออกไปสามคน และมีการโฆษณาเว็บไซต์เรียนภาษาอังกฤษแทรกเข้ามาในตอนท้ายของคลิปนั้นด้วย

แต่ผมเห็นว่าข้อเท็จจริงที่นายเนท บาร์ทลิ้ง นำเสนอและชี้ให้คนไทยเห็น คือ การเรียนภาษาอังกฤษที่ผิดวิธีและไม่ได้ผล เป็นเรื่องที่สำคัญ มีประโยชน์และมีสาระที่คนไทย สังคมไทย นักการศึกษา ครูบาอาจารย์ กระทรวงศึกษาธิการ และผู้บริหารประเทศ ควรจะต้องรับฟัง โดยให้ความสำคัญอย่างจริงจังและรีบเร่งที่จะดำเนินการแก้ไข

การเรียนภาษาอังกฤษที่ผิดธรรมชาติของเด็กไทย คือ แทนที่จะเรียนจาก 'การฟัง' ไปหา 'การพูด' 'การอ่าน' และ 'การเขียน' เด็กไทยกลับเรียนแบบย้อนศร จาก 'การเขียน' ไปหา 'การอ่าน' 'การพูด' และ 'การฟัง' นอกจากนี้ เด็กไทยยังถูกสอนให้ท่องจำภาษาอังกฤษ (ไวยากรณ์ คำศัพท์ ฯลฯ) เพื่อสอบ เหมือนกับวิชาอื่นทุกๆ วิชา ซึ่งเป็นการเรียนที่ได้ผลน้อย แต่มีผลเสียมากกว่าผลดี

การเรียนที่ผิดธรรมชาติและผิดวิธีเช่นนี้ ทำให้เด็กไทยใช้ภาษาอังกฤษไม่ได้ดีสักอย่าง ไม่ว่าจะเป็นการฟัง การพูด การอ่าน และการเขียน ผมอยู่ในวงการศึกษามามากว่า 30 ปี เห็นว่าเด็กไทยใช้เวลากับการเรียนภาษาอังกฤษอย่างมากมาย แต่ก็ไม่สามารถจะสื่อสารและใช้ได้ดีสักอย่าง ทั้งเด็กมัธยมและนักศึกษามหาวิทยาลัยส่วนใหญ่ ทั้งในระดับปริญญาตรี หรือแม้แต่ระดับปริญญาโทและเอก

การเรียนภาษาอังกฤษที่ผิดธรรมชาติและผิดวิธี ซึ่งไม่ได้ผลหรือได้ผลน้อยนี้ เป็นการสูญเสียทั้งเวลา แรงงานของเด็กและครูบาอาจารย์ และทรัพยากรอย่างมหาศาล ซึ่งเป็นเช่นนี้ตลอดมา หลายทศวรรษหรือเป็นศตวรรษ ผมคิดว่านักเศรษฐศาสตร์หลายๆ สำนักในเมืองไทย น่าจะลองคิดคำนวนดูว่า การเรียนภาษาอังกฤษแบบผิดวิธีและใช้ภาษาอังกฤษสื่อสารไม่ได้อย่างที่ผ่านมา เป็นระยะเวลายาวนาน เกิดความสูญเสียทางเศรษฐกิจ คิดเป็นมูลค่าหรือจำนวนเงินสักเท่าไหร่ ผมคิดว่า น่าจะเป็นจำนวนมหาศาล อาจจะหลายแสนล้านหรือหลายล้านล้านบาททีเดียว

หากแก้ไขเรื่องนี้ได้ นอกจากจะทำให้ประเทศไทยประหยัดเงินหรือใช้เงินอย่างคุ้มค่าแล้ว จะทำให้คนไทยและสังคมไทยได้ประโยชน์ อีกมากมายมหาศาลทีเดียว

ไม่แต่เฉพาะภาษาอังกฤษที่เด็กไทยอ่อน ภาษาไทยเด็กไทยก็อ่อน การอ่อนทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษ บวกกับการเรียนแบบท่องจำเพื่อสอบเกือบหมดทุกวิชา ซึ่งไม่ถูกวิธี เป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้คุณภาพการศึกษาไทย เกือบจะเป็นบ๊วยในอาเซียน ซึ่งต่อไปอาจจะเป็นบ๊วยก็ได้ ดังนั้น ไม่ว่าจะปฏิรูปการศึกษาไทยอย่างไร แต่ถ้าไม่แก้ไขในเรื่องนี้ ผมเชื่อว่าการปฏิรูปการศึษาไทย จะล้มเหลวอีกเหมือนเมื่อ 20 ปีที่ผ่านมา

สำหรับผมแล้ว นอกจากนายเนท บาร์ทลิ้ง ไม่ต้องมาขอโทษผมแล้ว ผมเห็นว่านายเนท บาร์ทลิ้ง มีความกล้าหาญ และทำคุณประโยชน์แก่ประเทศและสังคมไทย ผมจึงรับการกระทำของเขาได้ และขอขอบคุณเขาด้วย (ส่วนเรื่องเก่าที่เอาเหรียญจำนวนมากไปซื้อของในร้านสะดวกซื้อ ผมไม่ทราบเหตุผลข้อเท็จของเขา ซึ่งดูจะเป็นการกระทำที่แผลงๆ ไปหน่อย) หากการนำเสนอของเขาไม่แข็งหรือแหลมเกินไป ทำให้น่าเชื่อถือมากขึ้น นำเสนอข้อเท็จทั้งหมด และไม่มีโฆษณาสอดแทรก ผมคิดว่านายเนท บาร์ทลิ้ง น่าจะได้รางวัลหรือดอกไม้ จากคนไทยและสังคมไทย มากกว่าจะได้รับการด่าประณามหรือก้อนอิฐ อย่างที่ได้รับ จนต้องออกมาขอโทษคนไทย ไปแล้วนั้น

http://www.prachachat.net/news_detail.php?newsid=1...

หมายเลขบันทึก: 619500เขียนเมื่อ 1 ธันวาคม 2016 09:49 น. ()แก้ไขเมื่อ 1 ธันวาคม 2016 10:20 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท