17-20 พฤศจิกายน 2559. เที่ยวปีนัง ล่องเรือสตาร์ครูซ.และ เก็บบรรยากาศแสนสุขที่คาเมรอน ไฮแลนด์
วันที่ 17 พฤศจิกายน 2559 เวลา 13.00 น. ออกเดินทางโดยรถตู้เดินทางสู้หาดใหญ่ รถแวะรับคณะทัวร์ ตั้งแต่ทุ่งคา สุดท้ายที่หลังสวน รวมทั้งหมด 10 คน ถึงหาดใหญ่ ประมาณ 19.30 น. ไปทานอาหารที่สวนชื่นสุข อิ่มแล้วทุกคนเข้าพักที่หอพักหน้ามหาวิทลัยสงขลานครินทร์
วันที่ 18 พฤศจิกายน 2559 ตื่นเมื่อเวลา 04.00 น. อาบน้ำแต่งตัว ขึ้นรถเมื่อเวลา 05.00 น. ออกเดินทางไปบริเวณหน้าแมคโดนัลตามนัดหมายของบริษัททัวร์ เพื่อเปลี่ยนรถเป็นรถตู้ที่สามารถเข้าไปเที่ยวในมาเลเซียได้ และสมทบกับสมาชิกที่มาถึงเช้า 05.00 น. อีก 1 คัน 10 คน รวมเป็นทัวร์ครั้งนี้ 20 คน 2 รถตู้ รถตู้มุ่งหน้าสู่ด่านสะเดา แวะซื้อของกินมื้อเช้าที่เซเว่น ใกล้กับที่แลกเงิน เราทุกคนและเงินไทยเป็นเงินริงกิต (RM) วันที่ 18 พฤศจิกายน 1 บาท เท่ากับ 8 (RM) จากนั้นเข้าสู่กระบวนการที่ด่านตรวจคนเข้าเมืองทั้งไทยและมาเลเซีย เสร็จเรียบร้อยเมื่อ 07.30 น.
07.30 น. กลับขึ้นรถ เดินทางมุ่งหน้าสู่ Butterworth ซึงเป็นเมืองที่อยู่ตรงข้ามกับเกาะปีนัง ในอดีต เกาะปีนังเคยเป็นของประเทศไทยมาก่อน จึงมีการเปิดเดินขบวนรถด่วนกรุงเทพฯ (ธนบุรี) - ปีนัง แต่ด้วยความที่รถไฟไม่สามารถจะว่ายน้ำเข้ามทะเลไปถึงเกาะปีนังได้ จะเอาลง เฟอร์รี่ ก็ไม่สามารคหาเรือที่ยาวพอได้ จึงต้องสุดสายอยู่ที่ เมืองท่า Butterworth .ผุู้โดยสารก็ลงตรงนี้แล้วข้ามเรือต่อไปยังเกาะหมาก หรือ เกาะปีนัง ปัจจุบันข้ามสะพานแล้ว...รถแล่นไปประมาณ 08.30 น. แวะพักรถที่เมืองGurun, Kedah ที่นี่จะมีรูปสุลต่านติดอยู่ตรงบริเวณทางเข้า ดูตามภาพค่ะ เก็บภาพสวย ๆ มาฝากค่ะ
มาเลเซียปกครองด้วยระบอบประชาธิปไตยแบบสหพันธรัฐ มีสมเด็จพระราชาธิบดีเป็นประมุขของประเทศ และมีนายกรัฐมนตรีเป็นผู้นำรัฐบาล รัฐที่มีสุลต่านปกครอง 9 รัฐ จะร่วมกันเลือกประมุขขึ้นมา โดยมีวาระการปกครองคราวละ 5 ปี ตำแหน่งพระราชาธิบดีนี้เรียกว่า “ยังดีเปอร์ตวน อากง” พระราชาธิบดีองค์ปัจจุบันคือ สมเด็จพระราชาธิบดี อับดุล ฮาลีม มูอัดซัม ซาห์ พระชนมพรรษา 84 พรรษา มาเลเซียแบ่งเขตการปกครองเป็น 13 รัฐ และ สหพันธ์ มี 4 รัฐ ที่ปกครองโดยผู้ว่าการรัฐ ได้แก่ มะละกา ปีนัง ซาราวัก และซาบาห์ ส่วนที่เหลือ 9 รัฐ ถูกปกครองโดยสุลต่าน
เดินทางสู่เกาะปีนังต้องข้ามสะพาน สะพานปีนัง (Penang Bridge) เป็นสะพานข้ามเกาะปีนังแห่งแรก ในประเทศมาเลเซีย นักท่องเที่ยวต่างรู้จักสะพานแห่งนี้กันเป็นอย่างดี นับเป็นสะพานสวยงามอีกแห่งหนึ่งของเอเชีย สะพานปีนังมีความยาว 13.5 กิโลเมตร ความยาวเหนือระดับน้ำทะเล 8.4 กิโลเมตร จำกัดความเร็วอยู่ที่ 80 กิโลเมตรต่อชั่วโมง สะพานปีนังถูกใช้เชื่อมต่อระหว่างเกาะปีนังและเมือง Butterworth ซึ่งอยู่บนแผ่นดินใหญ่ เป็นหนึ่งในสะพานที่ติดอันดับห้าของสะพานที่ยาวที่สุดในโลก โดยมีสถาปนิกผู้ออกแบบชาวมาเลเซีย Chin Fung Kee งบประมาณก่อสร้างทั้งสิ้น 800 ล้านริงกิตมาเลเซีย ถูกเปิดให้ใช้งานครั้งแรกเมื่อวันที่ 14 กันยายน ปี 1985 ข้ามสะพานเหยียบแผ่นดินปีนังแล้ว มุ่งหน้าไปชมวัด "เขาเต่า" Kek Lok Si Temple เป็นวัดจีนและวัดนี้เป็นวัดพุทธในปีนัง ตั้งอยู่ที่ Air Itam ปีนังฮิลล์ค่ะ วัดนี้ดังมากเพราะขึ้นชื่อว่าเป็นวัดพุทธที่ใหญ่ที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ถึงวัดเมื่อเวลา 10.45 น. ชมสิ่งสวยงามในวัด ไหว้พระ ถ่ายรูปกับเจ้าแม่กวนอิม
ดอกไม้สวย ๆ ดดยเ้ฉพาะ ดอกชบา ดอกไม้ประจำชาติของมาเลเซีย
11.45 น. ออกจากวัด เพื่อทานอาหารกลางวัน ร้านอาหารที่ทัวร์จองเต็มไปด้วยคนจีน คณะเราจึงเปลี่ยนแผนทานตามอัธยาศัย ที่ Gurney Plaza เป็นช๊อปปิ้งมอลล์ขนาดใหญ่ อยู่ริมทะเล มีร้านหรูแบรนด์เนมอยู่หลายร้าน คนมาเดินไม่เยอะมาก อาจเป็นเพราะเป็นวันธรรมดา แต่ก็ดี ทำให้เดินดูของได้สบายๆ มีบางร้านติดป้ายลดราคาสินค้าด้วย ส่วนชั้นล่างมีร้านอาหาร คาเฟ่ และฟูดคอร์ทเล็กๆ ดูสะอาดน่าทาน เลือกร้าน Penang Road Famous TeoChew Chendul ร้านนี้มีคนพูดไทยได้ด้วย เราเลือกทาน Nasi Lemak + Lime Juice ราคา ชามละ RM 13.90 หน้าตาเหมือนราเม็งของญี่ปุ่น รสชาติก็คล้าย ๆ กัน รวม ๆ แล้ว อร่อยค่ะ แล้วตามด้วยขนมหวานหน้าตาคล้ายลอดช่องบ้านเรา TeoChew Chendul Original ราคา RM 4.90
อิ่มแล้วระหว่างรอทุกคนพร้อม เก็บภาพสวย ๆ ซึ่งเขาจัดไว้ต้อนรับวันคริสมสต์ที่ใกล้จะมาถึงแล้ว เขาจัดไว้สวยค่ะ
14.30 น. ออกจากบริเวณ Gurney Plaza ไปชมวัดไทยวัดไชยมังคลาราม วัดไชยมังคลาราม เป็นวัดไทย ตั้งอยู่เลขที่ ๑๗ ถนนพม่า เขตปูเลาติกุส รัฐปีนัง ประเทศมาเลเซียโดยตัววัดตั้งอยู่ตรงกันข้ามกับ วัดพม่าธรรมิการาม ซึ่งเป็นวัดพม่าที่มีชื่อเสียงของรัฐปีนัง วัดไชยมังคลารามเป็นวัดไทยที่มีชื่อเสียงมานานบนเกาะปีนัง เป็นวัดเก่าแก่สร้างในปี พ.ศ. ๒๓๘๘ สร้างโดยบริษัทอินเดียตะวันออก (East India Company) ซึ่งเป็นบริษัทการค้าของอังกฤษในนามของสมเด็จพระราชินีนาถวิกตอเรีย ศิลปะของวัดไชยมังคลารามนั้นเป็นการผสมผสานระหว่างศิลปะไทย พม่า และจีนเข้าด้วยกัน ซึ่งทำให้วัดแห่งนี้มีสีสันสะดุดตา ดูแปลกไปจากวัดในประเทศไทย ที่เน้นศิลปะที่อ่อนช้อย แต่ศิลปะของวัดแห่งนี้จะเป็นแบบเรียบ ไม่มีการแกะสลัก ทำลวดลายให้ดูวิจิตรมากนัก ทุกวันนี้บนเกาะปีนังก็มีคนไทยที่สืบเชื้อสายจากคนรุ่นก่อนอาศัยอยู่เป็นจำนวนมากมาก และประชากรส่วนใหญ่ในปีนังเป็นคนเชื้อสายจีนที่เข้ามาทำมาค้าขายและนับถือศาสนาพุทธ ทำให้เกาะปีนังมีวัดไทยที่เป็นศูนย์รวมของชาวพุทธมีกิจกรรมทางศาสนาในวันสำคัญ ที่วัดนี้มีห้องสมุด ป. พิบูลสงครามอยู่ด้วย
ชมวัดไทยเรียบร้อยแล้ว จากนั้นก็ข้ามถนนมาชมวัดพม่า แต่ก่อนข้ามถนนก็ลองอุดหนุนไอติมรถเข็นแบบบ้านเรา ว่าจะรสชาติเหมือนกันหรือเปล่า ปรากฏว่าคนขายพูดไทยปร๋อเลย ใครไปเที่ยวน่าจะลองอุดหนุน แต่ทานแล้วบ้านเราอร่อยกว่าเยอะ...เมื่อเข้าไปภายในวัดพม่าก็อดทึ่งในความวิจิตรงดงามไม่ได้ว่า มีความปราณีตสวยงามมาก พระพุทธรูปยืนเป็นรูปสลักจากหยก สีขาว โดดเด่นอยู่กลางวิหาร แม้พระพักตร์อาจดูไม่ขลังและสง่าเหมือนพระไทย แต่ก็วิจิตรงดงาม น่าทึ่งมาก และยิ่งมีฉากด้านหลังเป็นไม้สักทาสีทองด้วย ก็ยิ่งเพิ่มความงดงามมากขึ้น พระพม่านี้ ้ดูแล้วอาจไม่เหมือนกับที่เห็นจากภาพถ่ายหรือจากภาพยนต์สารคดี น่าจะออกไปทางศิลปะแบบจีนผสมผสาน.... แต่ไม่ว่าจะเป็นศิลปะแบบใด ก็ทำให้วัดพม่าแห่งนี้เป็นที่ดึงดูดชาวพุทธจากทุกชาติ
15.00 น. ออกจากวัดพม่า รถขับพาไปชมเมืองตามทางผ่าน ชมกำแพงเมือง ชมป้อมปืน แต่ไม่ได้แวะลงไป มีแต่มัคคุเทศก์อธิบายถึงความสำคัญให้พวกเราได้รู้ ไปชมเมือง“จอร์จทาวน์” เป็นเมืองหลวงของ “รัฐปีนัง” 1 ใน 13 รัฐของมาเลเซีย คำว่า “ปีนัง” แปลว่า “ต้นหมาก” เพราะสมัยก่อนบนเกาะปีนังนั้นเต็มไปด้วยต้นหมากที่ขึ้นอยู่มากมาย “จอร์จทาวน์” ยังได้รับยกย่องให้เป็นเมืองมรดกโลกคู่กันกับเมืองมะละกา เมื่อเดือนกรกฎาคม ปี 2551 เนื่องด้วยมีภูมิสถาปัตยกรรมและวัฒนธรรมที่งดงามและมีคุณค่า โดยภายในเมืองจอร์จทาวน์นั้นมีการอนุรักษ์อาคารบ้านเรือนโดยเฉพาะอาคารโคโลเนียลสไตล์ชิโน-โปรตุกีส ไว้ได้เป็นอย่างดี โดยทั่วทั้งเมืองจะเห็นอาคารบ้านเรือนสวยๆ แบบนี้ที่มีสีสันสดใสแตกต่างกันไป ได้บรรยากาศความเป็นเมืองเก่าที่มีเสน่ห์ยิ่งนัก
มาชมภาพส่วนภาพวาดสตรีตอาร์ตที่ตั้งใจมาตามหากันบ้างดีกว่า รูปภาพยอดนิยมก็คือภาพชุดแรกๆ ที่เออร์เนสต์มาวาดไว้ ได้แก่ ภาพเด็กผู้หญิงปั่นจักรยานคันใหญ่ มีน้องชายตัวเล็กนั่งซ้อนท้าย ภาพของเด็กหญิงและเด็กชายเป็นภาพที่วาดบนกำแพง ส่วนจักรยานนั้นเป็นของจริงที่นำมาวางพิงไว้ ยิ่งเพิ่มความสมจริงของภาพได้มากขึ้นอีก หรือจะเป็นภาพขนาดใหญ่บนผนังตึกสองชั้น เป็นรูปชายชาวจีนนั่งเอนหลังด้วยท่าทางผ่อนคลายอยู่บนรถ Trishaw หรือรถสามล้อถีบรับจ้างที่มีให้บริการมากมายในเมืองปีนัง นอกจากนั้นก็ยังมีภาพเด็กชายขี่มอเตอร์ไซค์คันโตอยู่ตรงประตูสีแดง ภาพเด็กหญิงใส่ชุดสีฟ้ากำลังทำท่าคล้ายจะปีนลงมาจากตึก ภาพชายชาวอินเดียกำลังถือไม้พายเตรียมคัดท้ายอยู่บนเรือลำใหญ่ ซึ่งบางภาพที่ตากแดดตากฝนมานานก็มีหลุดลอกไปบ้างตามกาลเวลา แต่ยังมีภาพอีกหลากหลายที่วาดขึ้นในช่วงหลัง เช่นภาพชุดรูปแมวอีกนับสิบภาพทั้งเล็กทั้งใหญ่ เช่น ภาพแมวส้มตัวโตนอนมองผู้คนอยู่บนกำแพง ภาพแมวน้อยสองตัวที่ถูกจับอาบน้ำในอ่าง ภาพเหล่านี้เป็นส่วนหนึ่งของโครงการช่วยเหลือสัตว์จรจัดของเหล่าศิลปิน (ซึ่งมีศิลปินชาวไทยร่วมอยู่ด้วย) โดยจะกระตุ้นเตือนให้ชาวเมืองช่วยกันหาบ้านหรือเมตตาสงสารรับเลี้ยงสัตว์จรจัดเหล่านี้ โดยเฉพาะแมวจรที่มีอยู่ในเมืองเยอะมาก
นี่คือ....หอนาฬิกาควีนวิคตอเรีย (Queen Victoria Clock Tower)
หอนาฬิกาควีนวิคตอเรีย (Queen Victoria Clock Tower) สร้างขึ้นเนื่องในโอกาสเฉลิมฉลองพระชนม์มายุ60 พรรษาของพระราชินีวิคตอเรีย แห่งอังกฤษ ในปี ค.ศ.1897 โดยมหาเศรษฐีชาวปีนัง ชื่อเซียะห์ เช็น อ็ก หอนาฬิกาแห่งนี้สูง 60 ฟุต
ที่เห็นในภาพด้านหลังคือสัญลักษณ์ของเมืองปีนัง คือ ลูกหมาก หมายถึงเกาะหมาก ชื่อเดิมของ ปีนัง
17.00 น. ได้เวลาลงเรือ สตาร์ครูซ แล้วพบกันบนเรือค่ะ
ไม่มีความเห็น