ลักษณะที่ ๑ : เด็กทุกคนมาโรงเรียนมีความพร้อมที่จะเรียน ถ้ามีกรณีปัญหารัฐมีระบบช่วยให้เด็ก ทุกคนได้เรียนรู้ถึงระดับสูงสุด
ประเทศที่มีผลสัมฤทธิ์ทางการศึกษาสูง จะมีบริการช่วยเหลือครอบครัวที่มีลูก และมีสวัสดิการส่งเสริมสุขภาพให้เด็ก ให้เด็กพร้อมที่จะเรียนรู้เมื่อเข้าโรงเรียน เด็กที่มีปัญหาการเรียนรู้จะได้รับความช่วยเหลือ
ลักษณะที่ ๒ : ประเทศที่มีผลสัมฤทธิ์ทางการศึกษาสูง จะมีระดับคุณภาพของวิชาชีพครูระดับสูง มีวิธีการสอนที่มี ประสิทธิภาพสูง นักเรียนทุกคนได้มีโอกาสเรียนกับครูเก่งๆ และมีประสิทธิภาพ ซึ่งช่วยให้เด็กทุกคนประสบ ความสำเร็จ
ประเทศที่มีผลสัมฤทธิ์ทางการศึกษาสูงตั้งความมุ่งมั่นว่าเด็กทุกคนจะได้เรียนรู้กับครูดี เก่ง มีคุณภาพ ประเทศเหล่านี้จึง ให้ความสาคัญกับทุกขั้นตอนของวิชาชีพครู ดังนี้
ประเทศที่มีผลสัมฤทธิ์ทางการศึกษาสูง จะให้ความสาคัญในการทดสอบความสามารถของนักเรียนเมื่อผ่านการเรียน แต่ละระดับ เช่น ระดับจบประถมศึกษา ระดับจบมัธยมศึกษา ครูชั้นนำ ของประเทศจะร่วมกันทำแบบทดสอบ ที่วัดความสามารถในการคิดระดับสูง เพราะฉะนั้น แบบทดสอบจะเป็นแบบเขียนตอบ (Essay-based) ซึ่งต้องมี ผู้อ่านตรวจข้อสอบ ไม่ใช้คอมพิวเตอร์ตรวจเพราะฉะนั้นการทดสอบของประเทศเหล่านี้ จะใช้เวลานาน
ลักษณะที่ ๓ : ประเทศที่มีผลสัมฤทธิ์ทางการศึกษาสูง มีระบบการศึกษาสู่อาชีพ (อาชีวศึกษา) และ เทคโนโลยี (Career and Technical Education: CTE) ที่มีประสิทธิภาพ
ประเทศที่มีผลสัมฤทธิ์ทางการศึกษาสูง เริ่มใช้ยุทธวิธีที่จะส่งเสริมเศรษฐกิจของประเทศ และยกระดับมาตรฐานความเป็นอยู่ของประชาชนด้วยอาชีพใหม่ๆ สิงคโปร์ และสวิตเซอร์แลนด์ สร้างระบบอาชีวะ และ เทคโนโลยีศึกษา ให้สัมพันธ์กับอุตสาหกรรมในประเทศ สิงคโปร์ใช้โรงเรียนเป็นฐาน แต่สวิตเซอร์แลนด์ใช้โรงงาน อุตสาหกรรมเป็นฐาน และในประเทศที่มีผลสัมฤทธิ์ทางการศึกษาสูงเหล่านี้ทำให้นักเรียนมีความเข้าใจว่า การเรียนอาชีวะและเทคโนโลยีนั้น เป็นแนวทางสู่อาชีพ มิใช่เป็นแนวทางเลือกของนักเรียนที่อ่อนทางวิชาการ
โรงเรียนอาชีวะและเทคโนโลยีศึกษาในประเทศที่มีผลสัมฤทธิ์ทางการศึกษาสูงเหล่านี้ ได้ร้บการพัฒนาส่งเสริมให้มี ประสิทธิภาพ และสัมพันธ์กับบริษัทโรงงานที่นักเรียนจะออกไปมีอาชีพ โรงเรียนอาชีวะและเทคโนโลยีการศึกษา มีวิธีสอนที้เป็นการปฏิบัติจริง อุปกรณ์เครื่องมือครบครัน และการเรียนด้านนี้ไม่ “ตัน” เพราะถ้าทำงานในอาชีพนาน ก็มีโอกาสเรียนต่อระดับอุดมศึกษา (มหาวิทยาลัย) เพื่อฝึกระดับผู้จัดการ ผู้บริหาร
ลักษณะที่ ๔ : การปฏิรูปการศึกษาของแต่ละประเทศจะมีลักษณะเป็นกลุ่มก้อนเดียว ซึ่งสัมพันธ์ต่อเนื่องกัน
กลุ่มประเทศที่มีผลสัมฤทธิ์ทางการศึกษาสูง จัดระบบปฏิรูปการศึกษาเพื่อไปสู่มาตรฐานโลก ด้วยกลุ่มก้อนเดียว เพราะประเทศเหล่านี้เข้าใจดีว่าการใช้นโยบายยุทธวิธี “กระสุนทองคำ” (Silver Bullet) ที่พัฒนาเรื่องการศึกษาแบบชิ้น เล็กชิ้นน้อย โดยใช้เงินมากแต่ไม่คุ้มค่า ประเทศเหล่านี้คิดสร้างระบบการศึกษาใหม่ และให้ทั้งระบบมีความสัมพันธ์ ต่อเนื่องกัน เช่นการปรับปรุงคุณภาพการเลี้ยงดูเด็กปฐมวัยแรกเกิดถึง 5 ขวบ แต่ถ้าไม่ลงทุนพัฒนาการศึกษา ในโรงเรียนระดับประถม และมัธยม ก็เป็นความสูญเปล่าและถ้าไม่ปฏิรูปการฝึกหัดครูและการพัฒนาครู มีครูที่ไม่มี ประสิทธิภาพ ก็สูญเปล่า ดังนั้น การปฏิรูปการศึกษาจึงจะต้องจัดทำเป็นกลุ่มก้อนเดียว ครอบคลุมทุกระดับ
หมายเหตุ
คัดลอก (และปรับปรุงเล็กน้อย) จากเอกสาร การปฏิรูปการศึกษาของอเมริกา (ค.ศ. 2013 – 2017) แปลและเรียบเรียงโดย ศ. ดร. อารี สัณหฉวี ซึ่งอ่านฉบับเต็มได้ที่ https://drive.google.com/file/d/0B42ywfrOYZKhQkhldDh5ZEZMZ2ZYUW05WldPOXV3RjJDMDZR/view
วิจารณ์ พานิช
๕ ก.ย. ๕๙
ไม่มีความเห็น