สวัสดีวันจันทร์ สัปดาห์สุดท้ายของเดือนแล้วนะ อีกหนึ่งเดือนผ่านไปไวเหมือนโกหก แต่ฝากเรื่องราวและประสบการณ์ไว้มากมายให้ได้เรียนรู้ เพราะทุกสิ่งที่ผ่านเข้ามาจะดีบ้าง ร้ายบ้างทุกอย่างก็ทำให้ได้เรียนรู้ทั้งสิ้น แต่มันอาจจะกระทบกับความรู้ของเราไปบ้างก็เท่านั้นเอง
วันนี้ระหว่างที่ยืนคุมนักเรียนเข้าแถวทำกิจกรรมหน้าเสาธง เด็กผู้ชายคนหนึ่งเกิดหน้ามืดจะเป็นลม ครูท่านหนึ่งและนักเรียนพยายามพยุงอยู่เป็นช่วงที่หันไปเห็นเหตุการณ์พอดีจึงเข้าไปช่วย และเด็กคนนี้ก็เป็นเด็กที่เรารู้จักด้วย ดูอาการจะไม่ค่อยไหวจึงช่วยกันกับครูพยุงไปปฐมพยาบาล ถามหาสาเหตุปรากฏว่าเด็กไม่สบายและไม่ได้ทานข้าวเช้ามา จึงมีอาการจะเป็นลมครูจึงสั่งข้าวมาให้เด็กทาน สีหน้าเด็กไม่ค่อยดีเลยจะร้องไห้ บอกเด็กไม่เป็นไรกินข้าวแล้วกินยา แล้วให้ผู้ปกครองมารับไปพักผ่อนที่บ้าน เด็กไม่ได้กินข้าวเช้ามาโรงเรียนแล้วไม่สบายเป็นปัญหาที่เจอบ่อยมากช่วงนี้ ไม่รู้ว่าเป็นเพราะตัวเด็กหรือเป็นเพราะขาดการดูแลเอาใจใส่จากผู้ปกครอง เห็นแล้วก็สงสารเด็กต่อไปนี้เวลาเจอเด็กตอนเช้าคำถามแรกที่จะถามเด็กคือ ทานข้าวเช้ามาหรือยังคะ ถ้าคนไหนที่ยังไม่ได้ทานต้องรีบให้ไปทานข้าวก่อนเดี๋ยวไม่สบายกันไปอีก เห็นแล้วว่าการเป็นครูต้องใส่ใจในรายละเอียดทุกอย่างของเด็กยิ่งเด็กเล็ก ๆ ยิ่งต้องใส่ใจ ครูเปรียบเสมือนเป็นผู้ปกครองคนที่สองรองจากพ่อแม่ของเด็ก ในบางทีผู้ปกครองคนที่สองเป็นผู้ปกครองมากกว่าผู้ปกครองคนแรกเสียอีก ขึ้นชื่อว่าเด็กยังไงเข้าก็ต้องการความเอาใจใส่จากผู้ปกครอง
ไม่มีความเห็น