เมื่อสมัยเด็กๆ ผมได้ช่วยพ่อผมเลี้ยงวัวในช่วงวันหยุดและปิดเทอม ก็มีความสุขประสาเด็กเลี้ยงควายแหละครับ ผมหนีการเลี้ยงวัวควายมาเรียนหนังสือ จนแทบจะลืมว่าวัวควายเขาเลี้ยงกันอย่างไร
มาวันนี้ผมอยากเดินตามรอยพ่อผมที่มีวัวเกือบร้อยตัว เมือสมัยปี ๒๕๐๕ ที่ยังมีทีเลี้ยงสะดวก ไม่ต้องคอยระวังว่าวัวจะไปกินพืชผลของใคร ป่ายังเป็นป่า นายังเป็นนาปีอย่างเดียว
พอระบบเกษตรพัฒนามาจนแทบจะเลี้ยงวัวฝูงไม่ได้แล้ว คนส่วนใหญ่ก็ต้องเลิก และหันมาเลี้ยงวัวผูก วัวจูงแทน
ประชากรวัว-ควาย ลดลง ประชากรหญ้าเพิ่มขึ้นจนเป็นทางหากินของบริษัทขายยาฆ่าหญ้า
เห็นแล้วน่ากลัวมาก เพราะมีแต่สารพิษไปแทบทุกระบบ
ผมเลยมานั่งคิดว่าถ้าเราเลี้ยงวัว-ควาย จะลดปัญหานี้ได้ไหม
ผมได้รับความอนุเคราะห์จากเครือข่ายข้าวอินทรีย์และเครือข่ายปราชญ์ ที่ขายวัว ควายให้ในราคามิตรภาพ และยังเป็นสัตว์ที่คุณภาพดี ไม่เหมือนที่เขาย้อมแมว (เอ้ย วัว) ขายอยู่ในตลาดนัดโคกระบือ ที่ผมไม่กล้าไปเสี่ยงดวงกับตลาดนี้
ปรากฏว่าหลังจากเลี้ยงไปสักพัก ก็ลดประชากรหญ้าได้ในรัศมี ๑-๒ กม ของการแทะเล็ม และเกี่ยวให้กิน ชาวนาก็ไม่ต้องฉีดยาฆ่าหญ้า และการเก็บฟางมาไว้ในคอกก็ช่วยลดความจำเป็นในการเผาฟางในนาหลังการเก็บเกี่ยว ในรายที่จะไถปลูกพืชต่อในฤดูแล้ง
นอกจากนี้การเลี้ยงวัวไม่กี่วัน ก็ทำให้ได้ปุ๋ยคอกเป็นตัน ซึ่งคาดว่าจะพอกับการใช้ในการทำนา จึงเป็นการประหยัดค่าปุ๋ยไปได้อีกหลายหมื่นบาท มูลค่าวัวก็เพิ่มขึ้นทุกวัน ไม่ไช่แค่วิน-วิน นะครับ แต่เป็น วิน ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ฯลฯครับ
ลองดูนะครับ ได้ผลแน่นอน