วันที่ ๔ ก.ย. ๒๕๕๙ ผมรับเชิญจากอาจารย์ ศน.เทวา ตั้งวานิชกพงษ์ ศึกษานิเทศก์ หัวหน้ากลุ่มงานนิเทศฯ ของ สำนักการศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม ขององค์การบริหารส่วนจังหวัดของแก่น ความเป็นมาคือ รศ.ดร.เชาวลิต ชูกำแพง (นักวิจัย IRES, กรรมการ กศจ.) แนะนำท่านว่า หากเป็นเรื่องการแก้ปัญหาการอ่านไม่ออก-เขียนไม่ได้ ให้เรียนเชิญ ครูตุ๋ม ศิริลักษณ์ ชมภูคำ เป็นวิทยากร ครูตุ๋มจึงแนะนำผมให้ได้มีโอกาสมาร่วมด้วยอีกทีหนึ่ง ซึ่งผมเองก็รู้จักท่าน ศน.เทว รู้จักกันดีกับ ดร.นงเยาว์ ศึกษานิเทศก์มือดีของ อบจ.มหาสารคาม ... โดยสรุป เครือข่าย PLC มีอยู่แล้วทุกที่ทุกระดับ เพียงแต่ใครจะเป็นกลไกขับเคลื่อนให้มีพลังจนเกิดการเปลี่ยนแปลงในตัวนักเรียนได้จริง
กระบวนการเรียนรู้ใน "วง PLC" ครั้งนี้ แบ่งเป็น ๓ ตอน ๔ ช่วง คือ BAR ก่อนเบรคเช้า -> Share BP ก่อนและหลังข้าวเที่ยง -> และ AAR ตกลงกันว่าจะนำมาปฏิบัติอย่างไร ในช่วงท้าย โดยผมทำหน้าที่เป็นกระบวนกรนำคุย ระดมปัญหา กำหนดเป้าหมาย BAR และเชื่อมโยงให้เห็นวิธีการและความสำเร็จของ BP ครูตุ๋ม
ผมสังเกตว่า ครูภาษาไทยที่มาร่วมในวันนี้ทั้ง ๑๙ ท่าน มีความสนิทสนมกันดี มีเป้าหมายและวิสัยทัศน์ร่วม (shared vision) ที่จะแก้ปัญหาเรื่องการอ่านออกเขียนได้ อ่านคล่องเขียนคล่อง อยู่แล้ว และน่าจะเกิดขึ้นเพราะมีโครงการแก้ปัญหานี้ที่ทำมาอย่างต่อเนื่อง ครูหลายคนพูดถึง "ค่าย" สะท้อนว่า ค่ายพัฒนาหรือค่ายแก้ปัญหานี้ ซึ่งจัดขึ้นในปีที่แล้วได้ผลดี และมีการส่งเสริมต่อเนื่องให้ทำ "ค่าย" ต่อในปีนี้อีก และกลุ่มเป้าหมายเป็นครูท่านเดิม (อันนี้สำคัญมาก... ความต่อเนื่องเป็นเรื่องสำคัญ ที่ทำให้ BP ของครูตุ๋ม สำเร็จสัมฤทธิ์ผล)
ผลการระดมปัญหา (แทนการแนะนำตัว) สะท้อนว่า การออกไปประเมินคัดกรองนักเรียนด้วยตนเองของทีม ศน.อบจ. ได้ผลชัดเจน ครูทุกโรงเรียนสามารถระบุจำนวนนักเรียนเป้าหมายและลักษณะของปัญหาได้อย่างมั่นใจ ที่น่าสนใจคือ คุณครูหลายท่านบอกความสำเร็จของตนเองอย่างภูมิใจ ผมมั่นใจว่า BP ของแต่ละครูแต่ละท่าน หากนำมาแบ่งปันกันในวง PLC จะมีประโยชน์ยิ่ง เช่น ท่านหนึ่งเริ่มแก้ปัญหาจากกิจกรรมสิ่งที่เด็กชอบทำ ท่านหนึ่งบอกว่าที่โรงเรียนแบ่งนักเรียนเป้าหมายให้ครูทุกคนรับผิดชอบ ท่านหนึ่งบอกว่านำเอา "ครูอัตราจ้างและนิสิตฝึกสอน" มาช่วยเป็นต้น
การสอนคิดวิเคราะห์ในกระบวนการ ๖ ขั้น
ผมเคยถอดบทเรียน กระบวนการ ๖ ขั้นเพื่อแก้พัฒนาให้นักเรียนอ่านออกเขียนได้ของครูตุ๋ม ไว้ที่นี่ และวาดรูปเป็นผังดังภาพด้านล่าง
และต่อมา อ.หมิม ได้นำมาสร้างสรรค์ไว้ในผลงานอัน "งาม" ดังภาพ
ปัจจัยของความสำเร็จของโมเดลนี้คือ ความง่าย เรียงจากง่ายไปยาก เริ่มจากเรื่องใกล้ตัวของเด็ก จากสิ่งจำเป็นไปสู่จินตนาการ แต่การนำไปใช้ให้ได้ผลคงไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะต้องมีเงื่อนไขที่ต้องใช้ "ครูเพื่อศิษย์" และ "ความต่อเนื่อง" "ยาวนาน"
จากเวที PLC ครั้งนี้ ผมได้มีโอกาสร่วมสังเกตการอบรมเชิงปฏิบัติ ในขั้นตอนการ “พาเรียน” โดยครูตุ๋มสมมติครูทุกท่านเป็นนักเรียน ให้ทดลองลงมือเขียนเรียนจากใบงาน ทีละเล่มๆ ทั้ง ๖ เล่ม เริ่มจาก อักษรไทย -> สระแท้ -> สระประสม -> สระเกิน -> อ่านนิทาน -> อ่านหนังสือในบทเรียน โดยประยุกต์ใช้กระบวนการ ๖ ขั้นไว้ในแต่ละเล่ม ซึ่งจะเน้นเติมเต็มแต่ละสิ่งให้นักเรียน ด้วยการดูแลแบบตัวต่อตัวจากพี่จิตอาสา … ผมสังเกตว่า กระบวนการแต่ละขั้นได้สอดแทรกให้นักเรียนได้ “ฝึกคิด” ไว้อย่างแยบยล เป็นการปูความคิดวิเคราะห์และคิดสร้างสรรค์ไว้ในนั้นอยู่แล้ว….
ต่อไปนี้เป็นตัวอย่างคู่มือนักเรียนจิตอาสา ที่ครูตุ๋มพัฒนาขึ้น นักเรียนจิตอาสาจะค่อยๆ พาน้องนักเรียน ทำกิจกรรมตามขั้นตอนลงในสมุดไปตามลำดับ …
ความจริงแล้วเราตีความอย่างไรก็ได้ เพราะการเรียนรู้นั้นมาจากเพียง ๓ ทาง ดังคำสอนพระพุทธเจ้า ว่า เราเรียนจากการฟัง (จดจำ จากคนอื่น) เรียนจากการคิด และเรียนจากการลงมือทำเอง ....
อยากได้เอกสารในการอบรมมากเลยครับ อ่านแล้วได้รับความรรู้ด้านการจัดการเรียนการสอนมาก
ติดต่อคุณครูตุ๋ม ศิริลักษณ์ ชมภูคำ ได้เลยครับ