เพราะลูกชายไปซื้อที่ผืนเล็กๆ และปลูกบ้านที่ริมฝั่งแม่ปิงที่กำแพงเพชรและชวนเราไปเที่ยวไว้นานแล้ว สาวน้อยกำหนดวันหยุดยาวช่วงเข้าพรรษา วันที่ ๑๖ - ๒๐ กรกฎาคม ๒๕๕๙ แต่ลูกสาวคนหนึ่งติดงานวันที่ ๑๖ และลูกชายก็ติดธุระวันที่ ๑๖ ด้วยเราจึงไปเที่ยวระหว่างวันที่ ๑๗ - ๒๐
ก่อนไปสัปดาห์เศษ ผมค้นหาโรงแรมที่จะไปพักเล็งโรงแรมแพรพิมพาลัย แล้วโทรศัพท์ไปถามลูกชาย ก็บอกว่าโรงแรมนี้แหละเหมาะที่สุดเราจองสองห้องพร้อมเตียงเสริม ๑ เตียงสามคืนเป็นเงิน ๖,๘๐๐ บาทต้องโอนเงินไปมัดจำครึ่งหนึ่ง เพราะเป็นช่วงฤดูกาลท่องเที่ยว
สาวน้อยเตรียมหาข้อมูลแหล่งท่องเที่ยว ได้มาเพียบวางแผนว่าต้องไปเที่ยว พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติกำแพงเพชร ในวันแรกที่ไปถึง เพราะวันรุ่งขึ้นเป็นวันจันทร์ พิพิธภัณฑ์ปิดทำการนอกจากนั้น ยังมี พิพิธภัณฑสถานจังหวัดกำแพงเพชร เฉลิมพระเกียรติ ซึ่งอยู่ใกล้ๆ กัน อีกแห่งหนึ่งด้วยพิพิธภัณฑ์นี้เปิดทุกวันอาคารลักษณะเป็นเรือนไทย โดยที่ความพิเศษของจังหวัดนี้คือ อุทยานประวัติศาสตร์กำแพงเพชร ที่ได้รับยกย่องเป็นมรดกโลกตั้งแต่ปี ๒๕๓๔
เช้าวันอาทิตย์ที่ ๑๗ กรกฎาคม ๒๕๕๙ เราออกเดินทาง ๖.๓๐ น. ขึ้นเหนือไปทางถนนติวานนท์ (๓๐๖)ไปต่อถนน ๓๔๗ และ ๓๒ ตามลำดับระหว่างทางสาวน้อยออกความเห็นว่าไปเที่ยวสถานที่เที่ยวในจังหวัดอ่างทองก่อน และสมาชิกโหวดให้ไป เที่ยววัดป่าโมก
การเดินทางโดยรถยนต์สมัยนี้สะดวกทั้งถนนดีและระบบนำทางด้วยจีพีเอสของ Google Map ดี“เลขา” ผู้ทำหน้าที่ เป็นเนวิเกเตอร์ ตั้งเป้าหมายแล้วกูเกิ้ลช่วยบอกทางอย่างดี เราไปถึงวัดเวลา ๗.๔๐น. แดดจ้าแล้วบริเวณวัดกว้างขวาง เป็นวัดโบราณสร้างตั้งแต่สมัยกรุงสุโขทัย โดยมีพระพุทธไสยาสน์เป็นที่สักการะบูชามาตั้งแต่แรกสมัยสมเด็จพระนเรศวรบริเวณนี้ เป็นสมรภูมิกับพม่า แต่นั่นเป็นวัดป่าโมกเดิมที่โดนน้ำเซาะพังไปหมดวัดป่าโมกใหม่เดิมชื่อวัดท้ายตลาดในสมัยพระเจ้าท้ายสระ พ.ศ. ๒๒๖๙ - ๒๒๗๐ โปรดให้ชลอพระพุทธไสยาสน์มาประดิษฐานที่วัดท้ายตลาด แล้วรวมวัดชีปะขาวที่อยู่ติดกันเป็นวัดเดียวกัน ให้ชื่อว่าวัดป่าโมก จะเห็นว่าตัววัดไม่สำคัญเท่าพระพุทธไสยาสย์ ที่มีอายุหลายร้อยปีสร้างตั้งแต่สมัยกรุงสุโขทัย
เราไปกราบและถ่ายรูปกับพระพุทธไสยาสน์ ไวยาวัจกรเล่าว่าองค์พระเดิมเป็นไม้ และลอยน้ำมาท่านบอกว่าพระมีชื่อเสียงหลายองค์ลอยน้ำไปที่นั่นที่นี่เพราะองค์เดิมเป็นไม้เพิ่งมาโบกปูนหรือหุ้มโลหะทีหลังพระพุทธไสยาสน์หรือหลวงพ่อโต ความยาว ๒๒.๕๘ เมตรวิหารที่ครอบองค์พระเป็นสถาปัตยกรรมโบราณ
แล้วเดินทางต่อ เป้าหมายคือไปกินอาหารเที่ยงเวลาก่อน ๑๑ น. ที่นครสวรรค์ตกลงเลือกร้านหน้าผา ตามคำแนะนำ ในเน็ตGoogle GPS ก็นำทางไปอีกตามเคยเราสั่งอาหาร ๕ อย่างคือ ทอดมันปลากรายเชิงปลากรายทอดกระเทียมปลาเนื้ออ่อนฉู่ฉี่ปลาคังต้มยำและผัดผักรวมโดยรวมแล้วอาหารไม่อร่อยเท่าคำเล่าลือโดยเฉพาะเชิงปลากรายทอดกระเทียม กลิ่นคาวจัดคงจะเป็นเพราะปลาไม่สดตอนสั่งเราเข้าใจว่าจะเป็นครีบปลาทอดกรอบแต่เอาเข้าจริงเป็นชิ้นใหญ่และทอด ไม่กรอบสาวน้อยบ่นว่าอาหารรสเผ็ดเกินไปสำหรับเธอผมคิดว่า ทอดมัน ฉู่ฉี่ และปลาต้มยำรสชาติใช้ได้อย่างไรก็ตาม อาหารที่นี่ราคาไม่แพงค่าอาหารเพียงหนึ่งพันบาทเท่านั้น
เวลาเที่ยงเราเดินทางต่อ ไปกำแพงเพชรโดยเถลไถลแวะเติมน้ำมันรถบ้างซื้อของบ้าง ไปถึงกำแพงเพชรเวลาประมาณ บ่ายสองโมงสาวน้อยกับผมไปชมพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติกำแพงเพชรโดยไม่ต้องเสียค่าเข้าชมเพราะเราอายุเกิน ๖๐ ปีและเราเป็นผู้เข้าชมเพียง ๒ คนในเวลาหนึ่งชั่วโมงที่เราเข้าชมและเจ้าหน้าที่ก็มีไมตรีให้คำแนะนำดีมากให้แผนที่ท่องเที่ยวจังหวัดกำแพงเพชรมาด้วย
จากการเข้าชมพิพิธภัณฑ์ ผมได้ความรู้ว่ามีหลักฐานเก่าที่สุดทางโบราณคดีว่ามีคนอยู่ที่กำแพงเพชรเมื่อหกพันปีมาแล้วโดยพบหลักฐานขวานหินขัด หินลับภาชนะดินเผาลูกปัดหิน เครื่องมือเหล็กเป็นต้นในหลายแหล่งในจังหวัดนี้
ผมได้เรียนรู้เรื่อง อาณาจักรทวาราวดีและศิลปะทวาราวดี ว่ามีอายุเมื่อราวๆ พันห้าร้อยปีก่อน ถึงพันปีก่อนและน่าจะเป็น อาณาจักรของเผ่าพันธุ์มอญ หรือจริงๆ แล้วน่าจะมีคนหลายเผ่าพันธุ์อยู่ด้วยกันอาณาจักรนี้กว้างขวางมากการเรียกว่าอาณาจักร น่าจะไม่ถูกต้องน่าจะเรียกว่ากลุ่มวัฒนธรรมมากกว่าเพราะไม่มีหลักฐานศูนย์กลางการปกครอง ท่านที่สนใจโปรดอ่านใน วิกิพีเดียที่ลิ้งค์ไว้ให้นะครับ น่าสนใจมาก
เนื่องจากคนในอาณาจักรทวาราวดีนับถือศาสนาพุทธ ศิลปวัตถุสำคัญอย่างหนึ่งจึงเป็นพระพุทธรูปแต่ก็ยังมีลักษณะ ของสถาปัตยกรรม และวิธีสร้างเมืองที่มีคูน้ำคันดินล้อมรอบ เป็นลักษณะสำคัญ
ผมได้เรียนรู้ว่า ดินแดนประเทศไทยปัจจุบันในอดีตมีหลายวัฒนธรรมซ้อนทับกัน เพราะราวๆ สองร้อยปีหลังการเริ่มต้นวัฒนธรรมทวาราวดีก็มีวัฒนธรรมขอมโบราณ (หรือเรียกอีกชื่อหนึ่งว่า วัฒนธรรมละโว้) ก็แพร่มาจากเมืองพระนครที่เวลานี้อยู่ในประเทศกัมพูชา
แล้วก็มาถึงยุคศิลปะสุโขทัย เริ่มต้นยุคประวัติศาสตร์ชาติไทย ในพิพิธภัณฑ์มีการจัดแสดงเรื่องรัชกาลที่ ๕ เสด็จประพาสต้นเมืองกำแพงเพชร ซึ่งอ่านเรื่องราวและชมภาพได้ที่ ๑, ๒มีการจัดแสดงความสำคัญของเมือง กำแพงเพชร หรือนครชากังราวในฐานะเมืองหน้าด่าน เป็นยุทธภูมิ เป็นเมืองศูนย์กลางการค้าของป่าและเป็นแหล่งศิลาแลงนอกจากนั้น ยังมีการจัดแสดงการแต่งกาย ของชนกลุ่มน้อยในจังหวัดกำแพงเพชรในปัจจุบันด้วย
เราเข้าพักที่โรงแรมแพรพิมพาลัยพบว่าผมเข้าใจผิดว่าโรงแรมอยู่ติดแม่น้ำปิงและขอห้องที่เป็นวิวแม่น้ำ ซึ่งไม่มี เพราะโรงแรมอยู่ติดถนนและมีบ้านคั่นระหว่างโรงแรมกับแม่น้ำ ผมได้อาบน้ำและนั่งเขียน บล็อก ชั่วโมงเศษลูกชายก็มาหาเพื่อพาไปเที่ยวบ้าน และกินอาหารเย็น
บ้านของลูกชายอยู่ที่ตำบลบ้านไร่ทรงธรรมอ. เมืองต้องขับรถไปทางถนนหมายเลข ๑ ขึ้นเหนือไปอีก ๑๔ ก.ม.แล้วเลี้ยวเข้าถนนเลียบริมปิงที่ดินอยู่ติดทั้งถนนและแม่น้ำเนื้อที่ ๓ ไร่เศษพอเข้าไปก็เป็นป่า มีต้นไม้อายุหลายสิบปีอยู่เต็ม ร่มครึ้มเงียบสงบน่าอยู่มาก แม่ปิงตรงบริเวณบ้านของลูกชายแยกออกเป็นสองสาย มีเกาะใหญ่อยุ่ตรงกลางบนเกาะมีคนไปจับจองและทำเกษตรกรรมด้วย
จากบ้านลูกชาย เขาพาขับรถขึ้นเหนือไปอีก และไปข้ามสะพานข้ามแม่ปิง ๒ สะพานเพราะแม่ปิงแยกเป็น ๒ สายดังกล่าวแล้ว ไปกินอาหารที่ร้านครัวริมปิง ตำบลลานดอกไม้ 091 616 3455 ซึ่งเป็นร้านใหญ่แต่ราคาชาวบ้านและเน้นอาหารที่เป็น ปลาสดจากแม่น้ำเราสั่งอาหาร ๕ อย่าง คือ ปลาเนื้ออ่อนทอดกระเทียมปลาคังต้มยำปลาคังผัดใบกระเพราไข่เจียวหมูสับและผัดผักรวมอาหารอร่อย ค่าอาหารเพียง ๗๔๐ บาท
กลับเข้าเมืองไปเที่ยวตลาดกลางคืนป้าอี๊ดกับหมอแต้วไปซื้อผลไม้ว่าจะไปกินน้ำแข็งไส แต่วันนี้หยุดกิจการ
วิจารณ์ พานิช
๑๘ ก.ค. ๒๕๕๙
ห้องแสนเสน่ห์โรงแรมแพรพิมพาลัยกำแพงเพชร
1 วัดป่าโมก ถ่ายจากด้านแม่น้ำเจ้าพระยา
2 พระวิหารพระพุทธไสยาสน์
5 พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติกำแพงเพชร
6 พระพุทธรูปปางลีลา ศิลปะสุโขทัย อายุ ๕๐๐ ปี พบที่กำแพงเพชร
7 เทวรูปพระอิศวร สร้างที่เมืองกำแพงเพชรในปี พ.ศ. ๒๐๕๓
8 เทวสตรีอายุ ๕๐๐ ปี พบที่เทวสถานกำแพงเพชร
9 พระพุทธรูปปางมารวิชัย ศิลปะอยุธยา อายุ ๕๐๐ ปี
10 คำอธิบายแหล่งโบราณคดีในกำแพงเพชร
12 หน้ากระท่อมในสวนป่าของลูกชาย
13 ลำน้ำปิงหลังบ้านลูกชาย ฝั่งตรงข้ามเป็นเกาะ
14 สาวน้อย ตั้ม และต้นมะค่า
16 ชักรูปหมู่ที่หน้าร้านอาหารริมปิง
17 ยามพลบที่ริมปิงหน้าร้านอาหารริมปิง
ไม่มีความเห็น