๓๐. ทำหน้าที่ให้ดีที่สุด...


ในต่างประเทศ..ถ้าเขาจะทำอะไร เพื่อพัฒนาตนเอง เขาจะไม่อาย ที่จะพูดออกมาดังๆ ให้เป็นที่ประจักษ์โดยทั่วกัน..เรื่องนี้ก็เหมือนกัน นักกีฬาได้ยินเสียงตนเอง และได้รับทราบเป้าหมายที่ตรงกัน การปฏิบัติหน้าที่ในสนาม ก็เป็นอันหนึ่งอันหนึ่งเดียวกันแบบตรงไปตรงมา...อย่างมีวัตถุประสงค์...

การพูดจาด้วยถ้อยคำใหญ่ๆ มันก็แลดูดี มีความหมายในวงกว้าง สร้างแรงจูงใจให้คนฟัง ซึ่งมีอยู่หลายระดับ..แต่ก็มีบางกลุ่ม ที่ฟังแล้ว ก็บอกว่าไม่ใช่ทั้งหมดหรอกที่พูดมา เป็นการโฆษณาชวนให้เชื่อว่าอย่างนั้น ซึ่งสื่อมวลชนถนัดมากในการใช้ถ้อยคำ และก็ทำกันมาอย่างต่อเนื่อง...

เราไม่ค่อยพบเจอคำพูดที่เป็นความจริง แบบตรงไปตรงมา ในโฆษณา..ความจริง..เป็นสิ่งไม่ตาย แต่บางครั้ง...พูดแล้วอาจกลับกลาย เป็นเรื่องตลก ที่ใครเขาไม่ทำกัน คนจึงหันไปสนใจในสิ่งที่อ้อมค้อม..ไม่ตรงเป้าหมายแห่งความเป็นจริง..

อย่างเช่น..ในช่วงที่เราเห็นและเป็นอยู่เสมอในช่วงมหกรรมการแข่งขันกีฬาระดับโลก อย่างกีฬา โอลิมปิค นักกีฬาสมัครเล่น หลายประเภทกีฬา ถูกหยิบยกมาออกหน้าจอทีวี เพื่อโฆษณาให้ติดตามรับชมการถ่ายทอดสด..และ..ขอให้ช่วยส่งแรงใจแรงเชียร์ไปให้นักกีฬากันด้วย ตั้งแต่วันไหนถึงวันไหน....

แล้วก็ไม่พลาด..จะมีนักกีฬาคนใดคนหนึ่ง หรือ หลายคน พูดว่า”...จะนำเหรียญ...กลับมา เพื่อสร้างชื่อเสียงให้แก่ประเทศไทย..” และเสียงที่ใช้ประกอบสปอร์ตโฆษณาก็จะบอกว่า “ให้กำลังใจกองทัพนักกีฬา..ที่จะไปสร้างชื่อให้ประเทศชาติ...”อะไรประมาณนี้

ฟังดูดี มีเหตุผล..ที่จะต้องทำเพื่อประเทศชาติ เพราะการส่งนักกีฬาหลายคนหลายประเภทในแต่ละครั้ง ใช้เงินมากมายหลายร้อยล้านบาท....

เป็นแบบนี้ เห็นแบบนี้ และพูดแบบนี้มาทุกครั้ง...เป็นเวลาหลายปีมาแล้ว..ผลลัพธ์ที่ออกมา ก็ไม่ได้แตกต่างกัน..ในแต่ละปี คือ มีเหรียญกลับบ้านไม่มากนัก ไม่ได้เป็นกอบเป็นกำ บ้างก็บอกว่าสมน้ำสมเนื้อแล้ว ...ไม่ได้เหรียญก็ถือว่าได้ประสบการณ์

ประสบการณ์ที่แลกมาด้วยราคาที่แพงอยู่เสมอ...ผมไม่บังอาจกล่าวโทษนักกีฬา หรือสมาคมกีฬา หรือแม้กระทั่ง ผู้มีหน้าที่ประชาสัมพันธ์การแข่งขัน..ที่ทำอะไรแบบเดิมๆ..ผมแค่อยากให้ปรับปรุงวิธีคิด..คิดใหม่..พูดใหม่.พูดแบบไม่ต้องกดดันตัวเอง พูดเล็กๆ แต่ทำให้ยิ่งใหญ่ พูดแล้วได้ใจตัวเอง ได้ใจคนฟัง...แบบ เอาความจริงมาพูดกัน...อาจได้เหรียญเพิ่มขึ้นก็ได้ ใครจะไปรู้... แต่ไม่ลองก็ไม่รู้

จุดเริ่มต้นของความคิด..ถ้าคุณเปลี่ยนความคิด ชีวิตคุณก็เปลี่ยน จุดนี้แหละ น่าลองไปใช้ดู แบบว่า ถ้าเราทำประโยชน์เพื่อส่วนตน แต่ส่วนรวมก็ได้ด้วย ทำประโยชน์เพื่อส่วนรวม แต่ส่วนตนก็ได้ด้วย..ดังนั้น เราก็ต้องทำหน้าที่เพื่อหน้าที่ ..และทำให้ดีที่สุด...

การกล่าวแบบที่ยกเอาประเทศชาติเป็นตัวตั้ง มันเป็นโจทย์ข้อใหญ่เกินไป หรือเปล่า..ฟังดูดีก็จริง..แต่มันไม่ใช่ชีวิตจริง ที่ต้องทำหน้าที่เพื่อหน้าที่และเพื่อตนเองก่อน.....

เหมือนกับที่เรามีความปรารถนา มีความตั้งใจที่จะดูแลใครต่อใคร ทั้งที่เราเอง ก็ยังไม่รู้จักดูแลตัวเอง และไม่แข็งแรงพอ...ดังนั้น จะทำอะไร เพื่อใคร เพื่อตัวเองก่อนดีไหม

ลองนึกถึง นักมวยสักคน ที่ทำเพื่อตนเองมาตั้งแต่ต้น...หมั่นฝึกซ้อมเพื่อให้ผ่านการคัดตัวติดทีมชาติ ...พอติดทีมชาติแล้วก็ต้องเก็บตัว ไม่เป็นตัวของตัวเอง ต้องทิ้งครอบครัวไปอยู่ค่ายซ้อมหลายเดือน ทำน้ำหนักให้ได้ตามพิกัด บางคน..ถึงขนาดต้องตระเวนแข่งในประเทศต่างๆอีกหลายรอบ เพื่อให้ได้โควตาไปโอลิมปิค

ชีวิตนักมวย จึงหนักหนาสาหัส บอบช้ำกว่านักกีฬาประเภทอื่น เจ็บตัว แต่ก็คุ้มค่า..ความคุ้มค่าจากการฝึกซ้อมด้วยความอดทน อดกลั้น มีระเบียบวินัย ช่างหอมหวานเสียนี่กระไร ฝันหวานในทุกยามที่หลับตาก็ว่าได้...

ผมไม่รู้หรอกว่า นักมวยส่วนใหญ่เขาคิดอย่างไร..รู้แต่ว่า..เป็นอาชีพของเขา เป็นงานของเขา ที่ต้องทำหน้าที่ชกมวยอยู่บนเวที.ในสถานการณ์ที่ยากลำบาก ..เป็นงานที่ยาก ที่ต้องอาศัยแรงจูงใจกว่า..จะได้เหรียญ....สักเหรียญ

ดังนั้น เราต้องหันมาพูดกันใหม่ ในโฆษณาที่นำสู่การแข่งขันกีฬาโอลิมปิค..ควรฉายให้เห็นภาพนักมวยกำลังซ้อม..และฉายให้เห็นภาพครอบครัวของนักมวย ลูกและภรรยา...ที่ต่อสู้และลำบากมาด้วยกัน..จนถึงวันนี้ วันที่ติดทีมชาติ..

ให้นักมวยเขาได้พูดออกมาจากใจ” ผมจะทำหน้าที่ให้ดีที่สุด ชกอย่างสุดความสามารถ ผมอยากสร้างบ้านให้ครอบครัว ให้พ่อกับแม่ผม ผมอยากมีที่ดินทำกินเป็นของตัวเอง...”

นักมวยคนไหนที่สังกัดอยู่ในกองทัพ ก็ให้นักมวยพูดออกมา “ ผมอยากได้เลื่อนยศ เลื่อนตำแหน่ง..ถ้าผมได้เหรียญใดเหรียญหนึ่งกลับมา ผมจะได้เป็นนายร้อยกับเขาเสียที”

แล้วในทีวี ก็ไม่ลืมที่จะทำเป็นข้อความเป็นตัววิ่งใต้ภาพไว้ด้วย ประมาณว่า..” ถ้าได้เหรียญทอง จะได้เงินรางวัล..กี่สิบล้าน ได้บ้าน ได้ รถ ได้ยศ ได้ตำแหน่ง...อะไรก็ว่าไป...”

ในต่างประเทศ..ถ้าเขาจะทำอะไร เพื่อพัฒนาตนเอง เขาจะไม่อาย ที่จะพูดออกมาดังๆ ให้เป็นที่ประจักษ์โดยทั่วกัน..เรื่องนี้ก็เหมือนกัน นักกีฬาได้ยินเสียงตนเอง และได้รับทราบเป้าหมายที่ตรงกัน การปฏิบัติหน้าที่ในสนาม ก็เป็นอันหนึ่งอันหนึ่งเดียวกันแบบตรงไปตรงมา...อย่างมีวัตถุประสงค์...

คนดูที่เป็นรุ่นน้องก็อยากเจริญรอยตาม ..คนดูที่เป็นกองเชียร์ ก็เข้าใจได้ ท้ายที่สุด ก็ชื่นชมในความตั้งใจ หรืออภัยได้เมื่อเกิดการเพลี่ยงพล้ำกลับมา....ก็ถือว่านักกีฬาท่านนั้น ได้ทำหน้าที่ดีที่สุดของเขาแล้ว แต่ถ้าประสบความสำเร็จสูงสุด ประเทศชาติก็ได้รับเกียรติยศชื่อเสียงไปด้วยเต็ม ๆ ผมจึงอยากจะบอกว่า..จะทำอะไรก็ตาม อย่าพูดให้เป็นเงื่อนไข เป็นการกดดันตัวเอง..คิดใหญ่น่ะดี แต่ผมกลับคิดว่า จงทำหน้าที่ให้ดีที่สุด...เพื่อตัวเองก่อน...น่าจะดีกว่า...

ชยันต์ เพชรศรีจันทร์

๒๐ กรกฎาคม ๒๕๕๙

(วันเข้าพรรษา)







หมายเลขบันทึก: 610951เขียนเมื่อ 20 กรกฎาคม 2016 21:02 น. ()แก้ไขเมื่อ 20 กรกฎาคม 2016 21:02 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (1)

ถ้าทุกคน ทุกอาชีพ สำนึกในภารกิจ

สำนึกในหน้าที่ของตนเอง

แล้วทำอย่างเต็มที่ เต็มกำลัง เต็มสติปัญญา

เต็มความสามารถ แม้ผลลัพธ์จะไม่ประสบ

ความสำเร็จดังตั้งใจไว้ แต่ก็ได้ชื่อว่า

เป็นผลงานที่สวยงามที่สุด

เป็นกำลังใจกับทุก ๆ คน

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท