AAR R2R Forum9 ; ห้องพลังบวกตอนที่ 2 "เรียนรู้ ใส่ใจ สู่ความปลอดภัย Happiness R2R"


ห้องพลังบวก

ห้อง "เรียนรู้ ใส่ใจ สู่ความปลอดภัย Happiness R2R"

วันที่ 7 กรกฎาคม 2559 เวลา 09.30-12.00 น. ห้อง Sapphire 204

ข้าพเจ้าจัดกระบวนการภายใต้ฐานคิด KM 3.0 มาใช้เพื่อให้เกิดการแลกเปลี่ยนเรียนรู้

คาดหวังอยากให้เกิดบรรยากาศการแลกเปลี่ยนเรียนรู้แบบสบายๆ ... ตื่นรู้และเบิกบาน


สำหรับผมแล้วการ TEDtalk จะดึงความสามารถในการกลั่นกรองสิ่งที่สำคัญที่สุดอยู่แล้วครับเพราะเวลาที่จำกัด คนทำตกผลึกตนเองได้ง่าย คนฟังก็รู้เรื่อง เขือกเข้าเรื่องตามที่สนใจได้จริงๆครับ
"


“



เมื่อแยกย้ายเข้ากลุ่ม การเป็นกลุ่มย่อยทำให้กระบวนการเรียนรู้ต่างๆมีความง่ายในการเจ้าถึง เกิดการสะท้อน และสังเคราะห์ได้ง่าย เพราะ break the ice ได้เร็วกว่าง่ายกว่าครับ
 รอบนี้มี FA ประจำกลุ่มยิ่งทำให้ช่วยกันจับประเด็นและสะท้อนประเด็นสำคัญได้ดีครับ เห็นชัดว่าเกลียวความรู้ตามวงจร SECI เกิดขึ้นและหมุนไปเรื่อยๆครับ"


"
อาจจะมีจุดค่างจากห้องอื่นเล็กน้อยครับ เพราะใน session นั้นคนจะไม่ได้มีโอกาสลองชิมเรื่องที่สนใจก่อน ทำให้อาจจะเป็น barrier ในการเข้าฟัง เกิดความลังเลในผู้ฟังได้ครับ









และเห็นได้ชัดว่าอัตราการ reflection บ่อยๆ ทำให้การหมุนของวงจรเกิดขึ้นเร็วกว่าจริงๆครับตามสไตล์ KM 3.0









 ที่สำคัญยิ่งทำให้เกิด compliance ของผู้เข้าร่วมได้มากครับ บรรยากาศเป็นการเองยิ่งเกิดพลัง"











"หรืออีกบาง session ผมรู้สึกว่าเป็นเวที Formally ที่พยายามลดโทนของความเป็นทางการลง สุดท้ายก็ยังคงความเป็นทางการอยู่ดีครับ แต่คงเหมาะกับสายวิจัยจ๋า เพียงแต่ว่าการ reflection จะไม่ค่อยเกิดคนับ เพราะคนมักหลัวไมค์ครับ ใครใจกล้าพอถึงจะได้มีโอกาสในการเข้าถึงการเรียนรู้ครับ แต่แน่นอนครับว่าวงจรจะหมุนช้าครับ
 เพราะบรรยากาศก็เหมือนการประชุมทั่วไป คนพูดก็พูดไป คนฟังก็ฟังไป ใครสนใจก็ได้ไป คนที่ยังงงๆก็อาจจะหลุดไป คนพูดเองก็อาจจะเครียดครับ อาจจะไม่เอื้อในการเรียนรู้นัก
"


“



แต่อาจจะต้องลองให้ท่านอื่นสะท้อนดูนะครับอาจารย์เพราะผมอาจจะมองไม่เห็นทุกด้านครับ จริตผมค่อนข้างมองว่าบรรยากาศสบายๆ เป็นกันเอง ทุกคนมีส่วนร่วมและเป็นวงเล็กๆ สร้างการเรียนรู้ได้มากกว่า




จากประสบการณ์ในการเป็น FA ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมกลุ่มเสี่ยงนะครับ
"

"อันนี้ดีจริงๆครับ ได้ทั้งผู้นำเสนอ และผู้ฟัง

FA นี่สุดยอดครับ inspire มาก









"



"คงเป็นความโชคดี เอ้ยความตั้งใจที่จะให้บรรยากาศต่างจากห้องอื่น เท่าที่ผมเห็น และไม่ได้เป็นห้อง Hi end คนเข้ามาเลยน่าจะ relax และไม่รู้สึก Threatening

กิจกรรมที่ค่อนข้างมีการเคลื่อนไหวตลอดเวลา น่าจะเป็นส่ิงที่ให้ไม่รู้สึกถูกจ้องมอง

คือ ผู้ร่วมงาน ต้องลากเก้าอี้ไปมาเอง 55 อิสระที่จะเดินไปไหนมาไหน

FA ที่มีระดับใกล้กัน ทำให้ไม่รู้สึกแตกต่าง เหมือนพูดภาษาเดียวกัน ผมคิดว่าช่วยอย่างมากครับ
"

ถ้าสามารถดำเนินตาม KM 3.0 ได้มากกว่านี้นะคะ Note taker แต่ละกลุ่มต้องสังเคราะห์ออกมาเหมือน อ.จำปี แล้วมารวมกัน ..ขึ้นโชว์ได้เลย




แต่ข้อจำกัด หลายอย่าง... พี่ก็เลยใช้การ Reflection ของ Fa แทน..




แต่ก็พอใจมากกับการทดลองของตนเอง




ที่สำคัญ Fa เก่ง..

”





"ผมคิดว่าความหลากหลายของFA คือจุดเด่น









 เผลอๆ ผลักดันให้คนอยากมายืนบ้าง
"


"
จากที่ไปคุยกับหลายๆ คน... เขามีพลัง มีความสุข และรู้สึกว่าเวลาผ่านไปเร็ว...




ที่สำคัญ Mod สองคนมีพลังคล้ายกัน ก็เลยค่อนข้างลงตัว




"


 "ในเวลาอันสั้น สามารถ เกริ่นนำ เรื่องราวดีดี สู่ผู้ฟัง น่าทึ่ง เป็นการ ออกแบบการเรียนรู้ ที่ยอดดยี่ยม ผู้นำเสนอ ถ่ายทอดผลงานแบบไม่มีกั๊ก จนต้องอยากต่อเวลา ผู้ฟังเองสามารถเลือกเรื่องที่ตนสนใจ ไปซึมซับ กล้าถาม ในสิ่งที่เขาสนใจ อย่างเป็นกันเอง เหมือนกัลยาณมิตรที่อยากบอกเล่าเรื่องราวดีดีต่อกัน ไม่แบ่งชั้น แบ่งขั้ว"


"เป็นช่วงเวลาที่เต็มสุข ลื่นไหลไปอย่างเป็นธรรมชาติ ที่ มีความสุข ในการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ ทั้ง ผู้นำเสนอ และผู้ฟัง
 ไม่ได้เป็นผู้ผูกขาดในการนำเสนอฝ่ายเดียว มีการสอบทวน สะท้อนผู้ฟังไปด้วย สามารถเน้นเรื่องราวที่ผู้ฟังสนใจพิเศษ



สองท่านคอย คุมขบวนการให้ราบรื่น และมีการสะท้อนสรุป รวมทั้ง notetaker สรุปรวมบรรยากาศอีกครั้ง.....


"
ความเห็นในรูปแบบการจัดการเรียนรู้ในแต่ละห้องไม่แตกต่างกับน้องปอนด์. ห้องที่น้องปอนด์นำเสนอ บรรยากาศคล้ายห้อง อ กระปุ๋ม แต่ไม่มีกระบวนการTed Talk อาจทำให้ผู้นำเสนอขาดความคุ้นเคยเวที. ผู้ฟังหาจุดที่ตัวเองอยากฟังไม่เจอ
 แต่ห้อง อ. กระปุ๋มสร้างบรรยากาศผ่อนคลายให้คนฟังตั้งแต่แรก. และมีการเสริมพลังให้ผู้นำเสนอ. ทำให้ผู้คนสนใจเรื่องไหนจะตามไปเกาะติดในเรื่องนั้นๆ. มันตรงใจเป็นอันดับแรก




แต่ สิ่งที่อยากเสนอเพิ่มเติมคือ. เวลา ที่ควรมีให้ทุกคนสามารถหมุนเข้าไปฟังทุกตำแหน่ง. จะยิ่งทำให้ผู้เข้าร่วมประชุมได้ประโยชน์และได้รับพลังจากผู้นำเสนอทุกกลุ่ม
"


“



ที่สำคัญเรายังไม่ได้มีโอกาสได้สะท้อนความรู้สึกของผู้นำเสนอแต่ละกลุ่มเลยว่ารู้สึกอย่างไร. แต่ได้ยินจากพี่โอแล้ว. ปอนด์ว่ามั๊ย"

“


ในความรู้สึกของพี่เวลามันน้อยไป. ควรให้ทุกกลุ่มได้มีโอกาสเข้าเยี่ยมชมในกลุ่มของผู้นำเสนอทุกกลุ่ม. เพราะทุกคนล้วนอยากมีสิ่งที่ภาคภูมิใจบอกเล่าให้ทุกๆคนได้เข้ามาฟังกัน. แต่ละคนก็มีลีลา. มีเรื่องราวดีๆ. ที่น่าติดตาม"

"ใช่ครับผม แต่ด้วยอุปสรรคด้านเวลานี่แหละคนับที่ทำให้เราทำแบบนั้นลำบากครับ ถ้าปีหน้าสามารถทำได้สมบูรณ์ทั้งหมดคงจะเพอร์เฟคมากครับ
"


พี่เองรู้สึกเสียดายแทนคนฟังอื่นๆที่ไม่มีโอกาสเข้าฟังน้องปอนด์เลย ปอนด์มีพลังเยอะมาก. ยังสามารถ่ายทอดและส่งพลังให้คนอยากกลับไปทำอีกมากมาย"


“


พี่อยากถามปอนด์ว่า. รู้สึกอย่างไรในฐานะผู้นำเสนอในห้องอื่น
"


"ในฐานะผู้นำเสนอ(ห้องอื่น)... ผมรู้สึกยิ่งเกิดพลังครับ มันเหมือนเกิดแรงเหวี่ยง เกิด momentum ในตัวเองด้วยครับ
 ยิ่งพูดยิ่งมีพลังมากขึ้น ยิ่งสนุก ยิ่งเบิกบาน ยิ่งเห็นทุกคนในกลุ่มสนใจตั้งใจ ยิ่งภูมิใจครับ




แม้จะแค่ 1 คนที่สำเร็จก็โอเคแรงแล้วครับ"


"ยิ่งให้ยิ่งได้นะ. พี่ก็เห็นเช่นนั้น




เสียดาย. ไม่ได้มีโอกาส ถามความรู้สึกท่านอื่นๆด้วยเลย
 เดี๋ยวเกินหน้าเกินตา
ใจจริงอยาก ลปรร มากกว่านี้อีกนะครับ"


"นั่นแหล่ะ. มันเป็นความจริง. เพราะพี่ก็รู้สึกเสียดายแทนทั้งคนฟังและคนพูด. เพราะเวลามันจำกัดเกินไป. ปีหน้าต้องทั้งวัน. ถึงมี 10 กลุ่ม คนก็จะเดินเวียนครบทุกกลุ่ม. เพราะไม่ว่าจะฟังกลุ่มไหนก็เบิกบาน




ส่วนในห้องที่พี่กุ้งนำเสนอ. บรรยากาศมันเป็นทางการ ถึงแม้จะพยายามสร้างบรรยากาศให้ดูผ่อนคลาย. แต่มันยังไม่สำเร็จ อาจเป็นเพราะความไม่คุ้นเคยกันของผู้นำเสนอและอาจารย์
 ข้อดีก็มี ตรงที่ผู้นำเสนอได้มีโอกาสพูดให้คนจำนวนมากได้รับฟังแต่ข้อเสียคือมันขาดการร่วมแลกเปลี่ยน"



"การนัดกันตอนเย็นของเราเป็นข้อดีที่ทำให้เราได้รู้จักกัน ทำให้บรรยากาศดีขึ้น ส่วนการแรกเปลี่ยนผมว่า post it ก็ช่วยได้นะครับ









"


"เพราะทุกคนที่เข้าฟังเหมือนร่วมฟังบรรยายแต่ไม่กล้าที่จะแลกเปลี่ยน ผู้นำเสนออย่างพี่ จึงยังรู้สึกว่ามันยังไม่ใช่การแลกเปลี่ยนเรียนรู้อย่างเข้าถึงความรู้สึกซึ่งกันและกันค่ะ 
ไม่มีใครมีคำถาม ทุกๆผู้นำเสนอเลย




ที่ อ แทน สะท้อนมาใช่เลยค่ะ. การที่เราไม่เคยพบเจอกันมาก่อน. ทำใหผู้คนไม่รู้สึกเป็นกันเอง
"

"ถ้ากรณีผมก็พี่ปรีชา ถ้าไม่เจอกันผมก็ไปไม่เป็นเหมือนกัน
"



"ลองนึกถึงครั้งแรกที่ทุกคนเข้าไปพบกันโดยที่ยังไม่ได้พูดคุยกันก่อน มันบอกไม่ถูกนะคะ. บรรยากากาศนั้นเลย




แต่พอเราได้พูดคุยกัน. ทุกอย่างเปลี่ยนไป. ความคุ้นเคย ความเป็นกัลยาณมิตรเกิด มันอบอุ่นค่ะ




ทุกคนผ่อนคลาย ปล่อยของได้เต็มที่









"


"ในฐานะที่เป็น Fa กลุ่ม พี่ก็ถือว่าโชคดีค่ะ ถึงแม้ว่าผู้นำเสนอทั้ง2คนไม่ได้ร่วมกระบวนการตั้งแต่ตอนเย็น. แต่การทำ Ted talk มันทำให้เขาผ่อนคลาย. พอเข้ากลุ่มเล็กมันจึงดูลื่นไหล. ผู้นำเสนอทุกคนล้วนอยากพูดในสิ่งที่ตนเองเตรียมมา. เมื่อพูดจบ ผู้ฟังยกมือขอแลกเปลี่ยนต่อเนื่องไม่ขาดสาย. จนหมดเวลา. ทุกคนเบิกบานใจ. Fa. จึงแทบไม่ต้องทำหน้าที่. เพียงแค่สรุปภาพบรรยากาศเท่านั้น
"


"ใช่ครับ เมื่อรู้สึกเป็นพวกเดียวกันมันก็จะง่ายขึ้นครับ
"


“
ส่วน อ แทน. กับ อ กระปุ๋มก็มีหน้าที่สร้างสีสันให้กับเวที. ดึงคนเข้ามามีส่วนร่วมมากขึ้น. จึงทำให้ห้องนี้อบอวนไปด้วยความสุขค่ะ




"


คำสำคัญ (Tags): #r2r#km#km3.0#R2R forum9#transformation
หมายเลขบันทึก: 610045เขียนเมื่อ 10 กรกฎาคม 2016 05:32 น. ()แก้ไขเมื่อ 10 กรกฎาคม 2016 05:32 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท