บรรยากาศถอดบทเรียนต้นน้ำพี่เลี้ยงโครงการพลังเด็กและเยาวชนเพื่อการเรียนรู้ภูมิสังคมภาคตะวันตก
บทบาทสำคัญของคนเป็น“พี่เลี้ยงหรือโคช” คือ ผู้ที่ถ่ายทอดกระบวนการเรียนรู้ให้ผู้เรียนแบบโดยตรง ด้วยวิธีการต่างๆ เช่น การให้คำแนะนำ ให้แนวคิด รวมถึงการให้กําลังใจในการทํางาน เพื่อให้ผู้ถูกสอนสามารถทำงานที่ได้รับมอบหมายอย่างมีประสิทธิภาพ และมีโอกาสได้พัฒนาศักยภาพของตนเองเพื่อเดินไปสู่เป้าหมายได้สำเร็จ ซึ่งพี่เลี้ยงหรือโคชจะต้องมีทักษะสร้างการเรียนรู้ที่ดีให้แก่ผู้ถูกฝึกด้วย แต่ก่อนจะมาถึงเส้นทางของการสร้างการเรียนรู้ที่ดีให้แก่ผู้ถูกฝึก“พี่เลี้ยงหรือโคช”เองก็ต้องรู้จักที่จะเรียนรู้และพัฒนาทักษะของตนเองยู่ตลอดเวลาด้วยเช่นกัน และต้องมีเทคนิคหรือเครื่องมือที่ช่วยให้การ Coaching มีประสิทธิภาพ
ดังเช่น 6 ขุนพลของโครงการพลังเด็กและเยาวชนเพื่อการเรียนรู้ภูมิสังคมภาคตะวันตก ดำเนินงานภายใต้การสนับสนุนของสำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย (สกว.) ฝ่ายวิจัยเพื่อท้องถิ่น ที่นำทีมโดย นายชิษนุวัฒน์ มณีศรีขำ ผู้บริหารโครงการฯ นางสาวพวงทอง เม้งเกร็ด นายสุทธิลักษณ์ โตกทอง นายคำรณ นิ่มอนงค์ นายชนนท์ ภู่ระหงษ์ และนายอรรถชัย ณ บางช้าง ทีมโคชประจำโครงการฯ ได้เล็งเห็นความสำคัญของการสร้างกระบวนการเรียนรู้ของพี่เลี้ยงและโคช ที่นอกเหนือจากการเปิดพื้นที่สร้างการเรียนรู้ให้เยาวชน
นายชิษนุวัฒน์ มณีศรีขำ ผู้บริหารโครงการฯ
นายชิษนุวัฒน์ มณีศรีขำ ผู้บริหารโครงการฯ กล่าวว่า “การเป็นพี่เลี้ยงหรือโคชนั้นนอกจากจะเป็นผู้ที่รางการเรียนรู้ให้เยาวชนแล้ว พี่เลี้ยงและโคชก็ต้องยกระดับความรู้ ความสามารถของตนเองด้วย ซึ่งกระบวนการเรียนรู้ที่เกิดขึ้นในตัวพี่เลี้ยงนั้นต้องมาจากการลงมือปฏิบัติจริง เพื่อพัฒนาทักษะต่างๆก่อนที่จะลงไป Coaching กับน้องๆ ไม่ว่าจะเป็นการตั้งคำถาม ชวนคิด ชวนคุย การออกแบบกิจกรรม การถอดบทเรียนหรือแม้กระทั่งการสังเกตพฤติกรรมของน้อง สิ่งเหล่านี้พี่เลี้ยงหรือโคชต้องหมั่นฝึกฝนอยู่บ่อยๆ ให้เกิดความชำนาญ เพื่อจะได้นำมาประเมินสถานการณ์สำหรับการสร้างกระบวนการเรียนรู้ให้น้องได้ขบคิดแก้ปัญหาของตนเอง รวมถึงการมองเห็นแก่นและเห็นคุณค่าในสิ่งที่เขาทำ และนำไปสู่เรื่องของการมีจิตสำนึกพลเมือง”
นอกจากนี้เวลาที่ทีมโคชลงพื้นที่ไปพบน้องจะต้องรู้จักางแผน และเตรียมตัวให้ดี เพราะการวางแผนที่ดีจะเป็นเครื่องมือที่ช่วยลำดับความสำคัญในการทำงาน และมองเห็นรายละเอียดของโครงการได้ชัดเจนมากยิ่งขึ้น ซึ่งขั้นตอนนี้ถือว่าเป็นการฝึกทักษะและปลูกฝังการทำงานที่มีความรอบคอบที่เริ่มจากตัวพี่เลี้ยงแล้วส่งต่อไปยังเยาวชนที่ทำโครงการ
นายคำรณ นิ่มอนงค์ โคชประจำโครงการฯ
นายคำรณ นิ่มอนงค์ โคชประจำโครงการฯ กล่าวว่า “การทำงานกับเด็ก เราต้องสังเกตในพฤติกรรมของเขา ซึ่งผมจะใช้วิธีจดพฤติกรรมของเด็กใส่สมุดบันทึกเพื่อนำมาออกแบบกระบวนการเรียนรู้ให้เหมาะสมกับช่วงวัย หากเป็นเด็กเล็กก็ต้องออกแบบกระบวนการเรียนรู้ผ่านการเล่นเกมโดยนำตัวการ์ตูนมาสื่อสร้างความเข้าใจ หรือถ้าเป็นเด็กที่โตหน่อย ก็จะใช้การตั้งคำถามจากชุดคำถามที่น้องลงไปเก็บข้อมูลในชุมชนของตนเองว่าเขารู้อะไรบ้าง หลังจากนั้นก็จะชวนน้องถอดบทเรียนตั้งคำถาม ที่สามารถสร้างการเรียนรู้ที่ลึกซึ้ง กระตุ้นให้น้องคิดวิเคราะห์สถานการณ์ในชุมชนของตนเอง และการที่น้องทำแบบนั้นได้พี่เลี้ยงก็ต้องรู้ข้อมูลและรู้จักสังเกตในพฤติกรรมของเด็ก ซึ่งเป็นข้อค้นพบที่ได้จากบทเรียนปีที่แล้ว”
นายสุทธิลักษณ์ โตกทอง โคชประจำโครงการฯ
ทางด้านนายสุทธิลักษณ์ โตกทอง โคชประจำโครงการฯ กล่าวว่า “ปัญหาที่พบจากการสร้างการเรียนรู้ให้เด็กนั้น หากเรายังใช้กระบวนการแบบเดิม จะทำให้น้องจะจับทางถูกว่าเราจะถามอะไร และคำตอบที่ได้มักไม่เป็นไปตามความจริง เราจึงต้องยกระดับการถอดบทรียนกับน้อง ต้องหากลยุทธ์ และคำถามใหม่ๆ เพื่อไม่ให้เขาจับทางถูก อย่างปีก่อนเราชวนน้องสรุปบทเรียน แต่เป็นการพูดคุยแบบไม่มีหลักการ แต่ปีนี้เป็นการชวนน้องคุยเพื่อยกระดับความคิดน้องมากขึ้นให้น้องเห็นว่าทำอะไรไปบ้างและจะเกิดผลอย่างไรต่อตัวเขาและชุมชน”
ไม่มีความเห็น