หมอ ...ผมอยากตาย : นพ.ธารินทร์ เพ็ญวรรณ


หมอครับ ผมอยากตาย หมอช่วยผมหน่อยได้มั้ย?”

เป็นคำพูดของคนไข้คนหนึ่งที่ผมเจอหน้าเป็นครั้งแรก แกมาหาผมด้วยอาการเจ็บป่วยทั่วๆ ไป ผมวินิจฉัย อธิบายเกี่ยวกับตัวโรค และสั่งยาเรียบร้อยแล้ว พอคุณณรงค์ (นามสมมติ) เดินไปถึงประตู ก็ตัดสินใจหันหลังกลับ และเอ่ยถึงประเด็นนี้ ซึ่งดูจะเป็นสิ่งที่สำคัญสำหรับเขามากกว่า

(อาการเช่นนี้ ที่ผู้ป่วยมืออยู่ตรงลูกบิดประตู แล้วถึงค่อยแย้มความในใจออกมา ทางการแพทย์จะเรียกว่า door knob syndrome ครับ ซึ่งส่วนมากแล้ว สิ่งสุดท้ายนี้ จะเป็นสิ่งที่ทำให้คนไข้วิตกกังวลมากที่สุด)

ครับ...ถ้างั้นเชิญนั่งอีกทีนะครับ ผมเชิญคุณณรงค์นั่งอีกครั้ง นึกในใจว่า ดูจากภายนอกไม่ออกเลยว่า คนๆ นี้มีความคิดอยากตาย

ช่วยขยายที่ว่า อยากตายหน่อยได้มั้ยครับว่า หมายถึงยังไงนะครับ ?”

ผมอยาก เตรียมตัวตายครับ หมอพอมีวิธีช่วยมั้ยที่ว่า พอถึงเวลาแล้วผมจะไม่เจ็บ ไม่ทรมาน โดนทำนู่นนี่ก่อนตายน่ะครับ

พอคุณณรงค์พูดขยายความ ผมจึงเข้าใจว่า แกหมายถึง การวางแผนและเตรียมตัวสำหรับภาวะช่วงก่อนเสียชีวิต (advance care plan) ไม่ใช่เป็นความคิดอยากตาย (suicide) ได้ยินเช่นนั้นแล้ว ก็เลยแนะนำคนไข้ไปสองอย่าง เรื่องแรกคือ เครือข่ายพุทธิกา โดยอธิบายถึงหลักการของเครือข่ายฯ และกิจกรรมที่เครือข่ายเคยจัดคร่าวๆ ดูคุณณรงค์สนใจกว่าเดิม ผมเลยบอก website และ fanpage ใน facebook ไป เรื่องที่สองคือ living will (พินัยกรรมชีวิต)

พินัยอะไรนะหมอ?” คุณณรงค์หน้างงๆ เมื่อได้ยินคำนี้ ซึ่งไม่แปลกอะไร คุณณรงค์ไม่ใช่คนไข้คนแรกของผมที่มีปฏิกิริยาเช่นนี้

พินัยกรรมชีวิตครับ ชื่อภาษาอังกฤษ คือ living will จะเป็นเอกสารที่ระบุความต้องการของเราว่า ถ้าหากอาการป่วยไข้ของเราถึงที่สุดแล้ว เราอยากได้รับการดูแลยังไงบ้าง เนื่องด้วยเวลามีจำกัด และมีคนไข้รอตรวจอีกหลายราย ผมเลยต้องอธิบายอย่างย่อ ยกตัวอย่างเช่น ในกรณีที่อาการป่วยเรามาถึงที่สุดแล้ว คุณณรงค์ต้องการการใส่ท่อช่วยหายใจรึเปล่า รึหากหัวใจหยุดเต้น ต้องการปั๊มหัวใจหรือไม่ ประมาณนี้น่ะครับ รายละเอียดอื่นๆ มีอีกค่อนข้างมาก ยังไงก็ลองเข้าไปที่ website ที่ผมบอก แล้วถ้าสงสัยอะไรก็มาถามได้นะครับ

ดูเหมือนว่า living will จะตอบโจทย์ความกังวลของคุณณรงค์ได้ เพราะเจ้าตัวเล่าต่อว่า นี่แหละ คือที่ผมต้องการหมอ ผมทำงานรับใช้ชาติมาจนเกษียณ เรื่องานก็เรียบร้อยดี ลูกๆ ก็จบหมดแล้ว ไม่กังวลเรื่องคนอื่นอีกแล้ว กลัวแต่จะต้องโดนเหมือนแม่

ผมจำได้ ตอนที่แม่ผมเป็นมะเร็ง ช่วงที่อาการหนักมากๆ แม่โดนยัดท่อช่วยหายใจ โดนปั๊มหัวใจจนช้ำไปหมด แล้วก็ต้องนอนติดเตียง คาเครื่อง คาสาย จะอยู่ก็ไม่อยู่ จะเสียก็ไม่เสีย นอนดิ้นและร้องตลอด ผมไม่อยากให้ลูกจำผมในสภาพนั้น

คราวนี้คุณณรงค์ลาผมอีกครั้ง ดูเหมือนเจ้าตัวจะคลายข้อสงสัยในใจแล้ว แต่เป็นผมเองที่สงสัยไม่หาย โทษนะครับ พอดีคุณณรงค์เป็นคนแรกเลย ที่มาคุยกับผมด้วยว่าอยากเตรียมตัวตาย ผมถามหน่อยได้มั้ยครับว่า ทำไมถึงคุยเรื่องนี้กับผม ?”

“อ๋อ เมื่อกี้ผมนั่งรอหมอตรวจอยู่ ไม่มีอะไรทำ เลยเปิด google พิมพ์หาชื่อหมอ ก็ไปโผล่เรื่องที่หมอเขียน ผมอ่านๆ ดูแล้วเลยคิดว่า น่าจะคุยเรื่องนี้กับหมอได้

......

หลังจากนั้น 2 สัปดาห์ เขาก็กลับมาถามและพูดคุยลงรายละเอียดเรื่องนี้ต่อ เรื่องการใส่ท่อช่วยหายใจ การให้อาหารทางสายยาง สุดท้ายคนไข้ก็เขียนและเซ็น living will เรียบร้อย โดยมีพยานหลักฐานพร้อม


ต้นเรื่อง : https://www.gotoknow.org/posts/592056

หมายเลขบันทึก: 603557เขียนเมื่อ 16 มีนาคม 2016 13:16 น. ()แก้ไขเมื่อ 16 มีนาคม 2016 13:16 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท