ปราชญ์/ผู้นำชุมชนในภูมิภาคตะวันตก: ศึกษา คุณแม่สุพัตรา เมืองรมย์(ครั้งที่2)


ปราชญ์ชาวบ้านและหมอนวดแผนไทยครูชาวบ้านผู้คิดค่าเวิชาเป็นความสุขทางใจ อำเภอกำแพงแสน จังหวัดนครปฐม

อายุ: 52ปี

การศึกษา:จบหลักสูตรอบรมนวดแผนไทยจากกรมพัฒนาแพทย์แผนไทยและการแพททางเลือกและจบหลักสูตรอบรมการนวดแผนไทยจากสมาคม

แพทย์แผนไทยแห่งประเทศไทยย์

จากพนักงานทำงานบริษัทชีวิตเปลี่ยนเมื่อศูนย์เสียคนที่รักและหัวหน้าครอบครัวไป ต้องต่อสู้ชีวิตเพื่อคนที่รักอีก2คนเพื่อสร้างอนาคตให้เขาทั้ง2ได้มีอนาคตในวันข้างหน้า ชีวิตของคุณแม่สุพัตรา เมืองรมย์ เปลี่ยนเมื่อได้รับโอกาสได้ไปเข้ากลุ่มฝึกอาชีพของแม่บ้านและได้เรียนรู้บวกกับมีความคิดที่พัฒนาตนเองให้ดีขึ้น อาจารย์มหาลัยแห่งหนึ่งใมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งในกรุงเทพได้เชิญคุณแม่ชิงให้ไปเป็นวิทยากรช่วยสอนการนวดแผนไทยและการทำลูกประคบคุณแม่ได้มีโอกาสไปสอนให้คนอื่นอีกมากมาย จึงทำให้มีคนรู้จักเยอะเพราะมีลูกศิษย์ เยอะ และคุณแม่ชิ่งเป็นคนใจดีชอบสอนวิชาให้คนอื่นฟรีไม่คิดค่าเรียนใดๆๆเลยคิดแต่ค่าอุปกรณ์ บางทีก็ไม่คิดค่าอะไรเลยต่อมาปี พ.ศ. 2549 คุณแม่เปิดร้านนวดแผนไทยอยู่ที่บ้านเลที่100/1 ม.6ทุ่งขวาง อ.กำแพงแสน จ.นครปฐม

คุณแม่ชิ่งมีลูกค้าเยอะมากต้องโทรมาจองคิวล่วงหน้า คุณแม่คิดค้นสูตรการทำลูกประคบเองจริงๆๆก็สูตรเดิมนั้นแหละแต่แค่มีการดัดแปลงใช้สมุนไพรที่หาได้ในท้องถิ่นมาใช้แทนสมุนไพรจากสูตรเดิมที่มีสรรพคุณเหมือนกันหรือคล้ายกันและปัจจุบันนี้คุณแม่ก็ยังไปสอนให้กับกลุ่มอาชีพในชุมชนทั้งในจังหวดนครปฐมและในจังหวัดต่างๆอยู่เรื่อยๆและบางทีลูกค้าถามวิธีการนวดวิธีการทำลูกประคบก็บอกก็สอนไปไม่คิดค่าสอนค่าสูตรอะไรเลยคุณแม่ชิ่งยังยึดหลักเศรษฐกิจพอเพียง การพอเพียงของคุณแม่คือนำในสิ่งที่มีมาใช้ให้เกิดประโยชน์และคุ้มค่าไม่สิ้นเปลือง อย่างเช่น หม้อที่คุณแม่ชิงใช้นึ่งลูกประคบให้ลูกค้า ก็เป็นหม้อหุงข้าวเนื่องจากที่บ้านของคุณแม่ชิงได้รับของขวัญเป็นหม้อหุงข้าวเยอะมากปล่อยทิ้งไว้ก็จะเสียไปตามกาลเวลาจึงนำมาใช้ดัดแปลงใช้เป็นหม้อนึ่งลูกประคบ อีกทั้งค่าใช้จ่ายการซื้อสมุนไพรก็ไม่ได้ซื้อมาแพงส่วนใหญ่จะหาได้ตามท้องถิ่นและคุณแม่จะมีการทำบัญชีรายรับรายจ่ายและเก็บเงินไว้ส่วนหนึ่งเผื่อในอนาคตมีปัญหาต้องใช้เงิน

คุณแม่ชิ่งบอกว่า"การที่เราได้ช่วยเหลือคนอื่นนะมันก็เหมือนการค้าขายเอากำไรนั่นแหละ" คือได้ช่วยเหลือหนึ่งคนเขาไปช่วยเหลือคนอีกหลายๆคน หรือเขานำวิชาที่ได้รู้ได้เรียนไปสร้างรายได้หาเลี้ยงครอบครัว นั่นก็หมายความว่าเรานั้นได้ช่วยเหลือคนมากกว่าหนึ่งคน คุณแม่ชิ่งเคยได้รับโอกาสก็อยากจะให้โอกาสกับผู้อื่น คุณแม่ชิ่งไม่เคยเปลี่ยนอุดมคติของตนเองและเชื่อว่าทุกคนสามารถที่จะพัฒนาตนเองได้เมื่อตนเองพัฒนาได้ชุมชนก็จะพัฒนาได้เช่นกัน

คำสำคัญ (Tags):
หมายเลขบันทึก: 603398เขียนเมื่อ 13 มีนาคม 2016 23:31 น. ()แก้ไขเมื่อ 13 มีนาคม 2016 23:52 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท