ของฝากจากหาดใหญ่

เมื่อวันที่ ๒๐-๒๓ ที่ผ่านมา มีโอกาสไปประชุมที่ หาดใหญ่ เมืองท่องเที่ยวทางใต้ของไทยที่มีนักท่องเที่ยวมากันมาก โดยเฉพาะชาวมาเลเซีย เนื่องจากไม่ได้ไปหาดใหญ่มานานเป็นสิบ ๆ ปีแล้ว เมื่อเดินทางไปถึงจึงสอบถามจากเจ้าบ้านและผู้จัดการประชุมสัมมนา ที่มารับถึงสถานที่ท่องเที่ยวและของฝากที่นิยมกันในปัจจุบัน......สำหรับสถานที่เที่ยว ก็ได้รับการถามกลับมาว่า สนใจเที่ยวแบบไหน ?.....สว. อย่างเรา ไม่ได้เที่ยว...เลยไม่รู้จะตอบว่ายังไง ?...

สำหรับของฝาก..ได้รับการบอกกล่าวว่า ช่วงนี้ ของฝากสุดฮิต สำหรับชาวไทยก็คือ มะม่วงแช่อิ่ม และ เม็ดมะม่วงแช่อิ่ม....และได้รับการยืนยันจาก สว. ที่ไปด้วยกันว่า เป็นเรื่องจริง เพราะเป็นของฝากที่ มีผู้ฝากให้ซื้อกลับไปฝากชนิดเดียวเท่านั้น ที่มีการระบุมาชัดเจน....ผู้จัดแจ้งว่าอาจจะมีการ รับออเดอร์ ในวันแรกของการประชุมในเรื่องนี้ด้วย.....

เนื่องจากการประชุมสัมมนา จัดที่โรงแรมที่อยู่ใกล้กับ ตลาดกิมหยง ตลาดที่พูดกันว่า มีขายทุกอย่าง ตั้งแต่ไม้จิ้มฟันยันเรือรบ....เย็นวันแรกที่ไปถึงเราจึงไม่พลาดที่จะเดินไปชมตลาดกัน ก็พบว่ามีของขายมากมายจริง ๆ แต่ทุกคนก็ยังไม่คิดจะซื้อของฝากกัน เพราะยังมีเวลาอีกถึง ๒ วัน จึงได้แต่เดินดูหาของรับประทานสำหรับเย็นวันนั้นกันเท่านั้น ตามในบันทึกก่อนหน้านี้แล้ว

เย็นวันที่ สอง ก็ไปเดินที่ ตลาดโต้รุ่ง ด้านหลัง โรงแรมเซ็นธารา แต่ก็ยังคงไม่ยอมซื้อของฝากสำหรับกลับบ้านเช่นเคย จนกระทั่งเย็นวันสุดท้ายหลังจากไปกิน บุฟเฟต์ลอยฟ้า หรือ Sky Buffet ที่ชั้น 33 โรงแรมลีการ์เด้น ที่อยู่ตรงตลาดโต้รุ่งนั้นเอง แล้วจึงคิดจะไปหาซื้อของฝาก แต่ปรากฏว่า ร้านของฝากแถวนั้น ไม่มีขาย ของฝากที่ตัวเองตั้งใจจะซื้อกลับ คือ ปลาเกล็ดขาว ๓ รส ที่กินกับข้าวต้มอร่อยมาก ... สอบถามจากร้านขาย เขาบอกว่า จะมีขขายเฉพาะในตลาดกิมหยง ..... ซึ่งตอนนี้ (เวลาประมาณ ๑ ทุ่ม) น่าจะปิดกันแล้ว ต้องรอวันรุ่งขึ้น เปิดราว ๆ ๘ โมงเช้า....ทีนี้ก็เป็นปัญหาเลย เพราะพรุ่งนี้มีนัดต้องออกจากโรงแรมที่พัก ๘ โมง สอบถาม สว. อีกคน อ้าวเขามีการสั่งซื้อมะม่วงแช่อิ่มกันในช่วงประชุมและไดเ้ของมากันเรียบร้อยแล้ว.....เราตกข่าวเอง...ไม่ได้ไปสอบถาม เพราะนึกว่าเขาจะมีประกาศ...จึงตัดสินใจเดินไปที่ตลาดกิมหยง เพื่อดูว่ายังมีร้านขายของฝากเปิดอยู่หรือไม่......

เมื่อเดินไปถึง ด้านหน้าตลาดยังคงมีร้านขายพวก ผลไม้ เปิดอยู่บ้าง แต่ร้านขายของฝากด้านในตลาดส่วนใหญ่ปิดหมดแล้วหรือกำลังจะปิด เราตัดสินใจเดินเข้าไปด้านในตลาด เดินดูไปทีละช่อง ที่มีร้านขายของฝาก โชคยังดีพบว่ามีช่องหนึ่งยังมีร้านขายของฝากเปิดไฟอยู่ เรารีบเดินไปสอบถาม ร้านแรกไม่มีขาย ปลาเกล็ดขาว ๓ รส ที่เราต้องการ...แต่เขาบอกว่าร้านติดกันมี.....โชคดีจริง ๆ เมื่อไปก็มีจริง ๆ คนขายงรีบชี้และหยิบให้ชิม ....ผมสอบถามราคาว่าขาย กิโลละเท่าไหร่ ? คนขายบอกว่า กิโล ๒๘๐ บาท ผมลองต่อลอง เหลือกิโล ๒๕๐ บาท ได้ไหม ? ปรากฏว่า ถูกถามกลับว่า จะซื้อ ๑ กิโล หรือ ครึ่งกิโล ผมตอบว่า ๑ กิโล...คนขายจึงถามอีกคน (เข้าว่าน่าจะเป็นเจ้าของร้านหรือคุณแม่) ได้รับคำตอบว่า โอเค ผมจึงได้ ปลาเกร็ดขาว ๓ รส กลับมาเป็นของฝาก (สำหรับตัวเอง) จำนวน ๒ ถุง ( ๑ กิโลกรัม ) ดังในภาพ ซึ่งที่จริงแม้ว่าเขาไม่ยอมลดราคาให้ ผมก็คงซื้ออยู่ดี เพราะถูกกว่าซื้อที่โคราชมากอยู่แล้ว (แถวโคราชในห้าง ขายขีดละ ๕๐ บาท หรือ กิโลกรัมละ ๕๐๐ บาท) หลังจากได้ของฝากหลัก ก็ตามมาด้วยของฝาก ตามกระแส คือ มะม่วงแช่อิ่ม และ ตามด้วย อินทผาลัม แกะเมล็ดออกแล้ว

ภาพข้างบนนี้ เป็นบรรยากาศ ร้านขายของริมถนน ตลาดโต้รุ่ง หลังโรงแรมเซ็นธารา ที่มีร้านขายของกินหลากหลาย โดยเฉพาะร้านที่ขายรังนก กระเพาะปลา เต้าทึง โจ๊ก ข้าวต้ม มีหลากหลายแบบ ทั้ง หมู ปลา ทะเล และมีหลายร้าน ที่สังเกตุอีกอย่างที่มีมากคือ ร้านนวดแผนไทย นวดเท้า...ที่สะดุดตามาก คือ มีร้านขายก๋วยเตี๋ยวลาดหน้าอยู่ร้านหนึ่ง เป็นร้านคูหาเดียวเล็ก ๆ แต่มีคนยืนต่อคิวรอหน้าร้านและนั่งรอเยอะมาก แสดงว่าน่าจะอร่อยมากๆ ที่แรกคิดจะลองเข้าไปลองสั่งดู แต่ในที่สุดก็ตัดสินใจไม่ลองเพราะคงรอนานมาก.....สรุปว่าคืนนั้นเลยเดินย้อนกลับมาซื้อ ผัดไท แถวหน้า โรงแรมลีการ์เด้น กิน...ราคา ๕๐ บาท ข้าวผัด ๕๐ บาท เต้าทึง ก็ ๕๐ บาท ( รังนก ๑๐๐ บาท หรือ ๑๒๐ บาท จำไม่ได้ เพราะไม่ได้กิน) เป็นร้านแบบรถเข็น มาเปิดขายเฉพาะช่วงกลางคืน....ระหว่างที่กินอยู่แถวนั้นปรากฏว่ามีรถทัวร์มาจอด ให้คนในรถก็ลงมาสั่ง เอาขึ้นไปบนรถกัน....คาดว่าคงกินกันบนรถหรือเอาไปกินกันที่พัก ที่ไม่มีอาหารให้.....