วิ่งชมตูด


วิ่ง

ช่วงนี้ผมออกกำลังกายโดยการวิ่งบ่อยครับ แม้ไม่ทุกวันแต่ก็เกือบทุกวัน เริ่มวิ่งตั้งแต่รอบหมู่บ้านที่ตัวเองอาศัยอยู่ซึ่งมีระยะทางราว ๑.๓ กิโลเมตร หรือไปวิ่งรอบอ่างน้ำในมหาวิทยาลัย จะว่าไปมันก็เป็นผลพลอยได้จากการต้องไปร่วมวิ่งเก็บรอบกับลูกสาวคนโต ซึ่งต้องออกกำลังกายแล้วเก็บรอบส่งโรงเรียน โดยมีเงื่อนไขพิเศษก็คือ หากมีกิจกรรมวิ่งใดๆก็ตาม ที่นักเรียนสามารถลากพ่อหรือแม่ไปร่วมวิ่งด้วย ก็จะได้แต้มมากขึ้น

อันนี้ผมถือเป็นเรื่องชวนให้หงุดหงิดใจ เพราะมันเป็นงานของลูก ทำไมโรงเรียนต้องมาลามปามถึงครอบครัว ทำประหนึ่งว่าพ่อแม่เป็นเด็กของโรงเรียนไปด้วยเสียกระนั้น สั่งได้ (อันที่จริงโรงเรียนไม่ได้สั่งหรอก แต่เมื่อลูกสั่งได้ ผมก็ถือว่าเป็นการล้วงลูกของนโยบายจากโรงเรียนไป) เอาเป็นว่า ผมก็ไปทุกงานที่ลูกสาวคนโตส่งสัญญาณมาให้นั่นแหละ

ผมเคยเสนอคุณครูประจำชั้นของแป้งว่า หากอยากจะให้นักเรียนออกกำลังกายสม่ำเสมอ โรงเรียนควรเลิกสอนตั้งแต่ ๓ โมง แล้วบังคับให้เด็กลงสนามทุกคน ไม่ก็บังคับให้ลงทะเบียนเรียนวิชากีฬาทุกเทอมสลับสับเปลี่ยนกันไป “จะดีกว่าไหม ดีกว่าจะให้พวกผู้ปกครองต้องมาร่วมด้วยอยู่แบบนี้” ผมเสนอออกไป แต่ก็ได้เพียงรอยยิ้มของครูผู้น้อยตอบกลับมา และเสียงถอนหายใจของท่านผู้ปกครองบางท่านที่รู้สึกรำคาญต่อการเสนอค้านแม่งไปทุกเรื่องของพ่อลูกสาวคนนั้น

แต่จะว่าไปเมื่อมองย้อนกลับ ผมก็คิดว่าเป็นเรื่องที่ดีครับ ผมได้เริ่มออกกำลังกายโดยการวิ่งอีกครั้งก็ตั้งแต่แป้งเริ่มเข้าเรียนชั้น ม.๑ เรื่อยมาจนถึงตอนนี้ก็ ๓ ปีเข้าไปแล้ว จากที่เริ่มวิ่ง ๔ กิโลเมตรใช้เวลาราว ๕๐ นาที เหนื่อยจนแทบขี้แตก หอบจนแทบอยากจะเอาปอดออกมาสูบลมแทนการหายใจเอง จนตอนนี้ก็สามารถใช้เวลาได้ราว ๓๐ นาทีเศษๆ ความเร็วเฉลี่ยประมาณกิโลเมตรละ ๘ นาทีเหลือๆ และเริ่มวิ่งได้ไกลขึ้นเป็น ๖ กิโลเมตร

ฟังดูก็อาจจะรู้สึกสมเพส เพราะตอนนี้หมอและพยาบาลหลายท่านของโรงพยาบาลผมเองเขาเริ่มจับระยะมินิมาราธอนหรือมาราธอนกันแล้ว หลายคนเริ่มเป็นเซเลบในงานวิ่ง บางคนเสพติดการไปวิ่งในงานแข่งต่างๆทั่วประเทศทั้งระยะทาง ๑๐ กิโลเมตร ไปจนถึงมาราธอน เริ่มมีคนลงสมัครการวิ่งขึ้นลงเขาที่มีระยะทางราว ๑๐๐ กิโลเมตร วิ่งบนพื้นดินกลางแดดร้อนเปรี้ยงๆ และผมเชื่อว่ากำลังมีคนกำลังจะ upgrade ตัวเองเพื่อลงแข่งขันไตรกีฬา (พวกนั้นอาจจะเป็นคนประเภทที่เสพติดความเจ็บปวดเป็นนิจก็เป็นได้ นี่ผมคงเข้าใจไปเองเพื่อปลอบใจตัวเองไปพลางๆ ขณะที่ธนพันธ์กำลังไต่ขึ้นมาเป็น ๖ กิโลเมตร และมีเพจเต่า)

เมื่อราวเดือนมกราคมที่ผ่านมา ผมได้มาร่วมวิ่งในกิจกรรมวันเกิดของโรงเรียนลูกสาว ที่แน่นอนว่า “ต้องมา” เพื่อเก็บแต้ม และในวันนี้เองที่ผมได้พบกับอาจารย์รุ่นพี่ต่างคณะที่เรามีลูกรุ่นเดียวกัน รู้จักกันมาตั้งแต่เด็กๆอยู่โรงเรียนนกฮูก ก็นับว่านานอยู่ ท่านชวนคุยเรื่องพลังงานจากต้นไม้

“หมอแป๊ะรู้ไหม พวกเรามัวแต่ไปสนใจพลังงานจากน้ำมันกัน พยายามไปหาพลังงานทางเลือก เช่น แสงแดด น้ำ ลม แต่เราลืมไปว่า เรามีเครื่องกำเนิดพลังงานใกล้ตัวอยู่มากมาย นั่นก็คือต้นไม้” นี่คือจุดเริ่มต้นจากการสนทนา และผมก็ตอบกลับไปโดยการหยุดมองหน้า ทำตาสงสัยชนิดกวนตีน “อาจารย์คงคิดว่า พลังงานจากการเผาทำถ่านล่ะสิครับ” ผมพูดย้อนกลับไปอย่างรวดเร็ว

“หมอแป๊ะลองคิดดูสิ ต้นไม้เนี่ยนะ มันมีแค่รากดูดน้ำดูดอาหาร มีใบที่ใช้คลอโรฟิลดักจับแสงแดด แล้วมันทำอะไรต่อไป” ท่านป้อนเป็นคำถาม เล่นเอาผมสะดุ้งนิดหนึ่ง และคิดไปถึงการเรียนแบบ PBL ที่ตัวเองเคยเรียนและปัจจุบันต้องเข้าร่วมเป็นฟา (facilitator) และเมื่อผมไม่ได้ตอบ ท่านจึงพูดต่อไป “มันดูดแร่ธาตุแล้วเปลี่ยนมาเป็นหัว เป็นดอก เป็นผล เห็นไหม มันใช้แค่รากและแสงแดดเท่านั้นเอง คนยังทำแบบนั้นไม่ได้เลย” เออสิครับ ถ้าเราสามารถทำแบบต้นไม้ได้ แค่ไปยืนตากแดดแล้วใช้ไมโตคอนเดรียดักจับแสง ชาร์ตแบตได้เลย เราคงไม่ต้องง้อข้าวซึ่งเป็นพืชอีกต่อไป

ดูตูด

ผมเคยถามตัวเองว่า ผู้หญิงมีเสน่ห์ตรงไหน ก. นม ข. สะโพก ค. เรียวขา ง. ตูด (เชื่อว่าหลายคนคงมีคำตอบในใจ และกำลังลุ้นว่าผมจะตอบอะไร)

นานมาแล้ว ผมได้เคยอ่านบทความสารคดีที่เกี่ยวกับเรื่องนี้ เชื่อไหมว่า มีคนเคยเขียนเรื่องนี้จริงๆ

ลองหลับตานึกตามผมไปนะครับ ผมจะเริ่มด้วยคำถามว่า “คนเรา หรือสรรพสัตว์เกิดมาทำไม” คำตอบก็คือ “กินให้โต สืบเผ่าพันธุ์ และตาย” ตามด้วยคำถามที่ ๒ คือ “แล้วเราสืบพันธุ์ทางไหน” บ๊ะ ถามโง่ๆ มันก็ร่วมเพศกันด้วยจู๋และจิ๋มไง ถามต่อ แล้วจิ๋มกับไอ้ ๔ ตัวเลือกด้านบน มันอยู่ใกล้กับอวัยวะใด

ตูดครับตูด ใครจะบอกว่านม มันอาจจะถูกถ้าหญิงคนนั้นมีนมยานถึงเอว

ครับ แม่นแล้ว ตูดอยู่ติดกับจิ๋ม ไม่ว่าสัตว์อะไรก็มีตูดอยู่ติดกับจิ๋ม และสัตว์เพศผู้ทุกตัวก็ชอบจิ๋มด้วยกันทั้งนั้น เว้นแต่เพศผู้ที่ชอบเพศผู้ด้วยกันเอง (เฮ้ย มันก็ยังชอบตูดด้วยเหมือนกันนี่นา)

และเมื่อสมัยที่เราเดินขนานกับพื้นโลกแบบ ๔ เท้านั้น อวัยวะที่ดูเด่นมาแต่ไกลมันก็คือตูดนั่นเอง คงบอกได้เลยว่า เห็นตูดกับจิ๋มมาได้แต่ไกล และยิ่งตูดใหญ่เท่าไหร่ ก็ยิ่งเดาได้อีกว่า เธอคงจะคลอดง่าย สืบเผ่าพันธุ์ได้โดยง่ายกว่าตัวเมียตูดเล็กๆ เราก็จะเลือกคนตูดใหญ่ คลอดง่าย และเมื่อคลอดแล้วก็ยังมีชีวิตให้นมเลี้ยงลูกได้ต่อไปอีก

ดังนั้น จากคำถามข้างต้น จึงไม่แปลกเลย ที่คนส่วนใหญ่จะเลือกตอบข้อเดียวกับผม คือ ง.

เรายังมีสัญชาตญาณนั้นติดตัวมาครับ แม้แต่ผู้หญิงซึ่งเดี๋ยวนี้เราเดินตัวตรงแล้วตั้งแต่สมัยมนุษย์ลูซี่ เรายังอยากให้ตูดเราดูเด่น เราอยากจะบอกโลกว่า เราคลอดง่าย เราตูดงอนตูดสวย

แล้วผมเขียนเรื่องดูตูดนี้ทำไม

ผมก็กำลังจะเล่าว่า เวลาผมไปวิ่งเก็บรอบกับพี่แป้งนั้น (อันที่จริงไปวิ่งคนเดียวหรอก เพราะเธอไปเดินกับเพื่อน ทิ้งพ่อให้วิ่งตามลำพังมาตลอด) เมื่อครั้งแรกๆก็มัวแต่เหนื่อยหอบ แต่เมื่อร่างกายเริ่มเข้าที่เข้าทาง ผมก็เสพความสุขในการวิ่งไปด้วยการดูบั้นท้ายของคนด้านหน้าไปเรื่อยๆอย่างสุนทรีย์ เพียงแต่บั้นท้ายที่เลือกดูนั้น ผมเลือกดูแต่ของมนุษย์เพศเมียเท่านั้น ผมยังคงชอบดูตูดอุดมไขมันมากกว่าดูกล้ามตูดมนุษย์เพศผู้ ฮ่าฮ่าฮ่า

เรื่องต้นไม้ผู้สร้างพลังงานยังไม่จบครับ

ในการได้คุยกับมนุษย์ผู้พี่ในวันนั้น ขณะวิ่งไปดูตูดไป ผมกลับนึกย้อนไกลไปถึงบทความจาก e-mail @retree.psu.ac.th ที่สมัยหนึ่ง เราจะมีอาจารย์คณะวิทยาศาสตร์ท่านหนึ่งเขียนบทความให้อ่านเป็นประจำ ท่านได้เล่าถึงการศึกษาบ้านเรากับการจัดการความเก่งของเด็ก เด็กบางคนมันเก่งเข้าขั้นอัจฉริยะ แต่ก็นั่นแหละ การศึกษาบ้านเรามักจะดับความเก่งและความฝันของเด็กได้อย่างอยู่หมัด โดยเฉพาะกับเด็กบางคนที่เราเกือบจะแยกความเก่งออกจากความเพี้ยนแทบไม่ได้

อาจารย์เขียนเล่าว่าท่านได้เจอกับเด็กนักเรียนคนหนึ่งที่มาร่วมงานสัปดาห์วิทยาศาสตร์ที่ ม.อ. เด็กคนนี้บอกท่านว่า เขามีความฝันที่จะทำให้ต้นยางริมถนนสามารถให้พลังงานไฟฟ้าได้ บ้านเขาอยู่ที่ตรัง และเขาพบว่าริมถนนมันมืด เกิดอุบัติเหตุบ่อยๆ และมันคงจะดี หากต้นยางสามารถให้พลังงานไฟฟ้าได้ด้วยตัวมันเอง เราจะได้มีไฟฟ้าริมถนนจากต้นยางพารา ท่านบอกว่า เด็กคนนี้ดูไม่ธรรมดา และแน่นอนว่าคุณครูเองก็ไม่สามารถที่จะจัดการกับความเก่งของเด็กแบบนี้ได้ เขาเป็นคนที่ทำข้อสอบไม่ค่อยได้ คะแนนในการเรียนเขาไม่ค่อยดี (ฮาครับ ฮาทั้งน้ำตา เพราะผมเองก็เคยเจอเด็กแบบนี้มาบ้าง เด็กที่ไม่เข้าใจว่า ทำไมเขาต้องเลือกคำตอบ ก ข ค ง ที่ครูให้มา ทั้งที่ความจริง มันมีคำตอบแบบบรรยายที่ดีกว่าตัวเลือกของครูเสียอีก เขาจึงเป็นเด็กโง่ของครูไปอย่างน่าเสียดาย)

ผ่านไประยะหนึ่ง ท่านจึงเขียนเล่ามาใน e-mail ว่า ท่านได้เจอเด็กคนนี้อีกครั้ง เขามาเล่าอย่างตื่นเต้นว่า ตอนนี้ ต้นยางของเขาผลิตกระแสไฟฟ้าได้ ๒ วัตต์แล้ว และท้ายที่สุด เด็กคนนี้ได้ไปอเมริกา และบริษัทผลิตชิพคอมพิวเตอร์ได้รับเข้าไปทำงาน

การวิ่งฟันรันวันนั้นสนุกครับ สนุกที่ได้วิ่ง สนุกที่ได้คุยเรื่องดีๆที่สร้างสรรค์ สนุกที่ได้นึกถึงบทความที่เคยอ่านและเป็นบทความที่ตรึงใจ และสุนทรีย์ที่ได้วิ่งไปชมวิวไป ชมบั้นท้ายไป บั้นท้ายบางคนถูกปั้นมาอย่างดี สวยงามลงตัว บางคนแม่ให้มาน้อยไปนิด เธอคงต้องถูกผ่าท้องคลอดในอนาคตแน่ๆ บางคนแม่ให้มามากมาย แต่ผมกลับไปสะดุดตาที่บั้นท้ายคนหนึ่ง มันดูคุ้นตา คุ้นทั้งขนาด คุ้นทรง บั้นท้ายอะไรมันช่างน่าตรึงใจเสียขนาดนั้น

อุแม่เจ้า ตูดเมีย

ธนพันธ์ เขียนเรื่องตูดและต้นไม้

๒๕ กพ. ๕๙

หมายเลขบันทึก: 602303เขียนเมื่อ 25 กุมภาพันธ์ 2016 21:59 น. ()แก้ไขเมื่อ 25 กุมภาพันธ์ 2016 21:59 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (2)
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท