โจ๊ก(นามสมมติ) ผู้ป่วยชายไทย อายุ 23 ปี ป่วยเป็นมะเร็งสมอง มา 7 ปี เริ่มป่วยตอนอายุ 15 ปี รักษาโดยการผ่าตัด เคมีบำบัดและฉายรังสี เนื่องจากโจ๊กเป็นลูกชายคนเดียวของแม่จัน(นามสมมติ) และพ่อจวง(นามสมมติ) ทั้งสองท่านรับไม่ได้กับการเจ็บป่วยของลูก จึงพยายามดิ้นรนหาวิธีการต่างๆนอกจากการรักษาทางแพทย์แผนปัจจุบันมารักษาเยียวยา เช่นยาสมุนไพรทั้งในและต่างประเทศ แพทย์ทางเลือกอื่นๆ เป็นต้น จนกระทั่ง มีหนี้สิน กับธนาคาร 2 ล้านโดยเอาสวนยางไปจำนอง
วันหนึ่งคุณโจ๊กต้องมารับการรักษาในโรงพยาบาล ด้วยอาอาการชักเกร็ง เรียกไม่รู้สึกตัว มีปัญหาเรื่องการหายใจลำบาก แขนขาอ่อนแรง ทีมแพทย์ พยาบาล ช่วยโดยการใส่ท่อช่วยหายใจ และแจ้งว่ามะเร็งกระจายไปที่ก้านสมอง ในระหว่างนั้นแม่จันมาเป็นลมอยู่ที่หน้าห้องฉายรังสี ดิฉันและน้องพยาบาลมาช่วยกันดูแลและรายงานแพทย์รังสีมาดูอาการ คุณจันเล่าว่า “เธอนอนไม่หลับและรับอาหารไม่ได้มา 2 วัน พอจะรับประทานอาหารในจานก็เต็มไปด้วยทะเลน้ำตา” และกล่าวต่อว่า “รับไม่ได้ถ้าลูกเสียชีวิต วันตายของลูก พ่อและแม่จะกระโดดตึก”
ดิฉันรับฟังและเปิดโอกาสให้คุณจันระบายความรู้สึกและไปเยี่ยมคุณโจ๊ก ดิฉันนำเรื่องนี้มาปรึกษาทีมการรักษาเจ้าของไข้และหอผู้ป่วยว่า “คุณจันและคุณจวงมีความคิดจะกระโดดตึกในวันที่คุณโจ๊กเสียชีวิต ให้ทางหอผู้ป่วยและญาติช่วยดูแลอย่างใกล้ชิด” หลังจากนั้นไม่นานผู้ป่วยได้รับการเจาะคอใช้เครื่องช่วยหายใจไปอยู่ที่บ้านและเสียชีวิตที่บ้าน แต่ในระหว่างนั้นบางช่วงอาการของคุณโจ๊กแย่ลง เช่นความดันตก มีไข้จากการติดเชื้อทางเดินหายใจ พ่อจวงจะวิ่งไปที่ระเบียงทุกครั้งญาติต้องล็อคตัวไว้ ช่วงที่กลับไปบ้านมีทีมเยี่ยมบ้านจากโรงพยาบาลใกล้บ้าน ทีมดูแลเครื่องช่วยหายใจ และดิฉันไปเยี่ยมพร้อมแพทย์เจ้าของไข้ /แพทย์-พยาบาลวิสัญญี /เภสัชกร จิตอาสา ไปประมาณ 3 ครั้ง(โดยแม่จันและพ่อจวงขอความช่วยเหลือ)
สรุปการช่วยเหลือแม่จันและพ่อจวงให้ไม่มีภาวะเศร้าโศกจากการสูญเสียที่ผิดปกติ
ไม่มีความเห็น