กร(นามสมมติ)มาโรงพยาบาล ด้วยอาการปวดกระดูกสันหลังโดยไม่คาดคิดว่าจะป่วยเป็นมะเร็งปอดระยะสุดท้ายที่มีการลุกลามไปกระดูกสันหลัง ความฝันและอนาคตที่วางแผนไว้ต้องพังทลาย แม่กอบ(นามสมมติ)รับไม่ได้กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เธอแอบร้องไห้บ่อยๆโดยไม่ให้กรเห็น กรอายุ 27 ปี อาชีพวิศวกรไฟฟ้า(เรือน้ำมันระหว่างประเทศ) ดิฉันได้รู้จักกับกรและแม่กอบในระหว่างที่ต้องมารับการฉายรังสีเพื่อบรรเทาปวด 10 ครั้ง มีอยู่วันหนึ่งที่คุณแม่เดินออกจากห้องตรวจหลังจากคุยกับแพทย์ เธอเดินออกมาพร้อมน้ำตาแล้วพูดเพ้อตลอดเวลาเหมือนคนควบคุมอารมณ์ไม่ได้ “สมุนไพร...ก็เอาไม่อยู่ๆๆๆ” แล้วเดินมาหาดิฉันบอกว่า “พาไปส่งที กลับไม่ถูก” ดิฉันรับรู้ว่าเธอคงเสียใจ สับสนมากจนจำทางกลับตึกไม่ได้ทั้งๆที่อยู่โรงพยาบาลมาเดือนกว่า ดิฉันจึงบอกน้องพยาบาลว่าจะไปส่งคุณกอบ จากการสังเกตพบว่าคุณกอบรับไม่ได้กับการเจ็บป่วยของลูกและมีโอกาสเสี่ยงต่อการเกิดภาวะเศร้าโศกจากการสูญเสียที่ผิดปกติในอนาคต ดิฉันได้เยี่ยมคุณกรได้ประมาณ 10 ครั้ง หลังจากนั้นคุณกรก็เสียชีวิต ในช่วงที่ได้เยี่ยมผู้ป่วยได้ติดต่อประสานงานกับหอผู้ป่วย ญาติ เพื่อนสนิทคุณกอบเพื่อช่วยดูแลอย่างใกล้ชิด
หลังจากคุณกรเสียชีวิตไป 3 เดือน ดิฉันได้รับโทรศัพท์จากคุณกอบ “ พี่จำกอบได้ไหม”
ดิฉันถามย้ำว่า “กอบไหน”
คุณกอบ “กอบแม่น้องกร”
ดิฉัน “จำได้ แต่ทำไมเสียงอู้อี้”
คุณกอบร้องไห้ “กอบบีบจมูกกรอกเหล้ามา 5 วัน และสัปดาห์ที่แล้วกอบขับรถให้สิบล้อเหยียบ” “กอบนอนไม่หลับ เห็นแต่หน้าลูกกร....กอบรำพึงรำพันถึงลูกประมาณชั่วโมงกว่า...” เธอเล่าว่าเพื่อนสนิท ญาติไม่สามารถปลอบใจเธอได้เพราะเขาเหล่านั้นก็ร้องไห้ไปด้วย เธอบอกไม่ต้องการหมอจิตเวช
รุ่งเช้าดิฉันนำเรื่องราวทั้งหมดมาปรึกษาอจ.เต็มศักดิ์ แพทย์รังสีรักษาว่าจะช่วยเหลือคุณกอบอย่างไร และในขณะนั้นดิฉันตัดสินใจจะเดินทางไปหาคุณกอบโดยเกรงว่าการสนทนาทางโทรศัพท์ไม่ได้ผล ระหว่างทางที่จะไปซื้อตั๋วเดินทาง ได้พบกับน้องพยาบาล(เคยมีประสบการณ์ภาวะจากการเศร้าโศกที่ผิดปกติ 4 ปี ต้องรับยาจิตเวช) ดิฉันได้ปรึกษาน้องพยาบาลว่าจะช่วยอย่างไร โดยน้องพยาบาลแนะนำว่า “อยู่กับปัจจุบัน” ในที่สุดดิฉันตัดสินใจก่อนว่าจะโทรศัพท์ไปก่อนถ้าไม่ได้ผลค่อยเดินทางไปหาคุณกอบ
ดิฉัน “กอบเป็นอย่างไรบ้าง”
คุณกอบ“ร้องไห้ บอกว่าเหมือนเดิมไม่ดีขึ้น ยังนอนไม่ได้ เห็นภาพลูกตลอด....” เธอเล่าเรื่องราวต่างๆเป็นเวลาประมาณ 1 ชั่วโมง จนกระทั่งเธอพูดว่า “กอบร้องไห้...จนขาวเลียน้ำตา”
ดิฉันถามว่า “ขาวเป็นใคร”
คุณกอบ “ขาวคือเหมียว ที่กอบและลูกกรเอามาเลี้ยงแต่เล็กๆ”
ดิฉัน “บ้านกอบมี แมว หมากี่ตัว”
คุณกอบ “ แมว 7 ตัว หมา 7 ตัว ทุกตัวเป็นหมาแมวข้างถนน เอามาเลี้ยงจนอ้วนกลม มีบ้านเหมียวให้อยู่ทุกตัว ยกเว้นเจ้าขาวที่ให้อยู่ในห้องนอน”
ดิฉัน “ตอนนี้หมาแมวเป็นอย่างไรบ้าง”
คุณกอบ “ซึม”
ดิฉัน “เพราะเขาเหล่านั้นรักกอบ อยากให้กำลังใจแต่พูดไม่ได้ และที่บ้านมีต้นไม้ไหม”
คุณกอบ “มีต้นข่อยป่าใหญ่ 2 ต้นไม่เคยตัดกิ่งก้าน มีนกมาอาศัยหลายร้อยตัว”
ดิฉัน “ต้นข่อยอยากเอากิ่งก้านโอบกอดกอบบอกว่ารัก เป็นกำลังใจและขอบคุณกอบที่ให้เขาเติบโต ส่วนนกอยากบอกว่ารัก เป็นกำลังใจและขอบคุณที่ให้เขาอาศัยอยู่ แต่นั้นแหละอยากเห็นหมา แมว ต้นไม้ นก กอบถ่ายรูปส่งมาให้ดูได้ไหม”
คุณกอบ “ได้ค่ะ”
หลังจากนั้นกอบต้องใช้เวลาจับหมา แมวแต่ละตัวถ่ายภาพ ถ่ายภาพต้นไม้และนกซึ่งต้องใช้เวลาเป็นสัปดาห์ อันเป็นกลอุบายให้คุณกอบอยู่กับปัจจุบัน ในที่สุดคุณกอบสามารถประกอบอาชีพและใช้ชีวิตได้ตามปกติอยู่กับปัจจุบัน
ไม่มีความเห็น