สวัสดีครับgotoknow
บันทึกนี้เป็นบันทึกแรกที่ผมจะเขียนเกี่ยวกับเรื่องราวของผม ส่งผ่านgotoknow ไปสู่สายตาผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบาน และผู้ไม่เบิกบาน และถึงผู้ที่ต้องการความสงบทางจิตใจ ผมเองเกิดที่ที่ชนบท อยู่ต่างจังหวัด อยู่ติดกับแม่น้ำโขง ผมเกิดมาในยุคร่วมสมัยที่คิมมิวนิสกำลังจะสลาย ในพื้นที่ของผมเต็มไปด้วยสหาย มีแต่เพื่อน และทหาร ผมจำได้ว่ามีเครื่องบินมาลงอยู่เป็นประจำหลังโรงเรียนจะเป็นฐานปืนใหญ่ยิงต่อสู้กับสหายที่เข้าป่า แต่พอเวลาต่อมาไม่นาน พี่น้องสหายก็ได้วางอาวุธออกจากป่า ผมได้ฟังเรื่องราวจากที่เขาเล่าต่อกันมาจนทุกวันนี้ก็ยังเป็นเรื่องเล่าที่ฟังแล้วไม่รู้สึกเบื่อ ผมเป็นเด็กบ้านนอกเวลาก่อไฟผิงยามหนาวคนเฒ่าคนแก่เขาจะเล่าเรื่องราวเก่าๆ เวลาล้อมวงผิงไฟ ตกดึกมาคนเฒ่าแก่เข้านอน หนุ่มๆที่ไปจีบสาวตามบ้านใกล้ก็กลับมาจากจีบสาวมานั่งผิงไฟล้อมวงคุยกันเรื่องสาวบ้านั้นเป็นแบบนี้แบบนั้น ผมก็ได้ความรู้อีกแบบหนึ่ง พอดึกมากผมก็เข้านอน เสียงหมาหอนโหยหวนก็กระดึบๆเข้าไปใกล้ๆแม่ แล้วก็หลับยาว ยามเช้าแม่ลุกนึ่งข้าวเหนียวเสียงผ่าฟืนดังมาจากบ้านใกล้เรือนเคียง สักพักพ่อก็ลุกทั้งกระแอ่ม เสลดติดคอ เสียงไก่ขันยิ่งใกล้เช้ายิ่งแข่งกันขัน เริ่มมีเสียงคนคุยกันจอแจ เสียงนกกระจอกร้องจิ๊บๆวิ่งอยู่บนหลังคา พร้อมกับบินดูดน้ำหวานของดอกงิ้วที่กำลังออกดอก ในหน้าหนาว ยามเช้าหมอกลงหนาจัดมองไม่เห็นทาง เสียงเณรตีโปง ดังมาจากทิศเหนือดังโป่งๆๆๆๆๆ พอตีโป่งไม้ก็มีเสียงระฆังดังตามมา ระฆังนี่เอามาจากปรอกระเบิดปืนใหญ่ เสียงดังกังวาน เณรน้อยขึ้นไปตีอยู่ชั้นสี่ พระจะออกบิณฑบาตรแล้ว แม่ก็เตรียมกะติบข้าวอันเล็กไว้เฉพาะใส่บาตร ผมเองก็ลุกจากที่นอนลงมาวิดน้ำล้างหน้า ขยี้ตาแล้วสะพายเอากะติบ(ผมใช้กะติบแทนคำว่ากระติ๊บง่ายดี) มีหมาอิก่านวิ่งตามหลังมามันนึกว่าผมหยอกเล่นกับมันพอพระเณรเดินมาอิก่านก็จะนอนลงไปกับพื้นมองข้าวที่ผมจกใส่บาตรพระเณร มองตาปริบๆ พอผมใส่บาตรเสร็จ ผมก็จะให้อิก่านปั้นหนึ่งรางวัลที่มานอนเฝ้า...กลับบ้านไปอย่างมีความสุข พ่อก็ก่อไฟแต่เช้าไว้ผิง มีหมกเม็ดมะขามไว้ออกกำลังกายฟัน เสียงดีงกุบกับๆ...หรือเรียกอีกอย่างว่าฟ้าลั่น...เช้านี้หนาวเหลือเกิน...
สำหรับวันนี้พอแค่นี้ก่อนครับถ้าอยากอ่านเพิ่มเติมไว้ผมจะมาเขียนต่อนะครับ
ไม่มีความเห็น