Theory U 2559/1


Share Your Stories Here


คำสำคัญ (Tags): #theory u
หมายเลขบันทึก: 599623เขียนเมื่อ 17 มกราคม 2016 14:11 น. ()แก้ไขเมื่อ 17 มกราคม 2016 14:31 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (93)
นายพงษ์เทพ ธีรกุลเชษฐ์ รหัส 575740202-2 sec.21 Y.16

นายพงษ์เทพ ธีรกุลเชษฐ์

รหัส 575740202-2 sec.21 Y.16

Theory U (10 ม.ค. 2559)

คุณป้าชื่อ เลียน เกี่ยวกับเรื่องการดำรงชีวิตประจำวัน การทำธุรกิจ คุณป้า เลียน ทำธุรกิจหลายอย่างมาก เป็นคนที่สนใจอะไร ทำอะไรแล้วจะทำให้เต็มที่ สุดความสามารถ โดยการหาความรู้ ศึกษาในสิ่งสิ่งนั้นอย่างละเอียดรอบคอบ ก่อนจึงจะลงมือทำ คาดคะเน ศึกษาความเป็นไปได้ต่างๆก่อน อย่าคิดว่าตัวเรา ทำไม่ได้ อะไรก็แล้วแต่ มันจะทำให้บั่นถอนจิตใจ เราต้องคิดว่าเราทำได้อดทน เมื่อเกิดปัญหาขึ้นมีสติ ค่อยคิดหาวิธีแก้ไขปัญหา ผ่อนคลายความเครียดโดยการไปเที่ยวบ้าง สวดมนต์บ้าง อยู่กับคนในครอบครัว คนที่เรารัก เป็นต้น

ปิ้งอะไร : การทำอะไร ต้องตัดสินใจให้เด็ดขาด อย่าโลเล เมื่อตัดสินใจแล้ว ศึกษาหาข้อมูลให้

ละเอียด

อะไรที่แตกต่างกับเรา : ความโลเลของเราเอง ไม่ค่อยเด็ดเดี่ยว กล้าๆ กลัวๆ คิดกังวล ว่าตนเองทำ

ไม่ได้ ไม่ค่อยมั่นใจในตนเอง

สิ่งที่จะเพิ่มเติม : เพิ่มความอดทน คิดบวก แม้จะเกิดเรื่องทุกข์ใจ มีสติ แก้ไขปัญหา เรียนรู้ให้เป็น

ประสบการณ์

สร้างสรรค์ร่วมกัน : การสวดมนต์เข้าวัด ทำบุญ ทำสมาธิ ให้ตนเอง มีจิตใจแจ่มใส ไปเที่ยวพักผ่อน

ตามสถานที่ธรรมชาติ

ต้องเขียนเล่ด้วยนะครับ เล่าคร่าวๆ ว่าคู่สนทนาเล่าอะไรให้เราในภาพรวมด้วยครับ

นายชวิศ เอี่ยมจิตติรักษ์

นายชวิศ เอี่ยมจิตติรักษ์ 575740146-6 Y.16 S.21

Theory U

ข้อมูลบุคคลที่ร่วมกิจกรรม : นายA

ก่อนฟัง

เป็นคนที่ชอบเล่นเกมส์ และไม่ค่อยชอบคุยกับคนอื่น

หลังฟัง

เป็นคนช่วยพ่อแม่ขายของและทำงานบ้านตลอด เชื่อฟังคำสั่งอยู่เสมอ เป็นคนหัวไว อย่างเวลาลูกค้ามาซื้อของที่ร้านก็จะคิดเลขบวกเลขในใจ ทอนเงินให้ลูกค้าเลย เป็นคนที่ทำงานคล่องแคล่วว่องไว มีความมุ่งมั่นในชีวิต นายAเล่าว่าสาเหตุที่ชอบนอนตื่นสายมาจาก อ่านหนังตอนกลางคืน และเล่นเกมส์เพื่อผ่อนคลายความประทับใจคือเวลาเรียนก็มีความต้องใจฟังอาจารย์สอนให้มากที่สุด สงสัยอะไรก็จะยกมือทันที

สิ่งที่ได้

มีการวางแผนจัดการในการทำสิ่งต่างๆแต่ละวันได้ดี จัดเวลาได้เหมาะสมในการทำสิ่งต่างๆ

มองตนเอง

สิ่งที่เหมือนกันคือความมุ่งมั่นในสิ่งที่ทำ ไม่ว่าจะยากเย็นแค่ไหนก็จะผ่านไปให้ได้

สิ่งที่ต้องการพัฒนา

ความรอบคอบในการทำงานต่างๆที่ได้รับมอบหมาย ให้มีความละเอียดมากยิ่งขึ้น

สิ่งที่ต้องการรักษา :

ความอดทนในสิ่งที่ได้รับมอบหมาย ไม่ว่าจะเป็นงานเล็กหรืองานใหญ่

สิ่งที่ต้องการกำจัด

ความกลัวที่ไม่กล้าตัดสินใจ ในการพบลูกค้าใหม่ๆแปลกหน้าในขณะที่ยังไม่ได้ลองทำ

สิ่งที่อยากสร้างสรรค์ร่วมกัน

ไปดูงานต่างประเทศหาธุรกิจใหม่ๆที่น่าสนใจร่วมกันลงทุนที่คาดว่าอนาคต จะทำให้ได้กำไร

นางสาวเมนกา ธนงค์ชัชลี รหัส 565740149-9 sec.1 Y.15

นางสาวเมนกา ธนงค์ชัชลี

รหัส 565740149-9 sec.1 Y.15

Theory U

คุณN เกิดในครอบครัวฐานะปานกลาง ทำงานบ้านเองตั้งแต่ป.1 ชอบเล่นกับเพื่อนทั้งผู้หญิงและผู้ชาย ชอบถาม ชอบคุยกับผู้ใหญ่ ชอบการวาดรูปเป็นชีวิตจิตใจ พอโตขึ้นก็ชอบไปไหนมาไหนคนเดียวตามลำพัง มีโลกส่วนตัวสูง ไม่ค่อยชอบให้คนอื่นมายุ่งเรื่องส่วนตัว ชอบทำเกษตรอินทรีย์ เป็นต้น

อะไรควรรักษาไว้ : ตัดสินใจด้วยเหตุผล ไม่ด่วนสรุปโดยปราศจากข้อมูลที่มีที่มาและน่าเชื่อถือ ให้อภัยผู้อื่นที่ปฏิบัติต่อเราไม่ดี มีความเมตตา ไม่อาฆาตแค้น ซื่อสัตย์ จงรักภักดิ์ดีต่อผู้มีพระคุณที่ดี เหลือช่วยเหลือผู้อื่นเมื่อตกทุกข์ได้ยากด้วยความรอบคอบ มีความยุติธรรมให้ค่าผู้อื่นเท่าเทียมกัน แชร์ความดีให้เท่าๆกันไม่ลำเอียง ชอบท่องเที่ยวไปในสถานที่แปลกใหม่ พบเจอคนหลากหลาย หาประสบการณ์ใหม่ๆ ความรู้ใหม่ๆที่น่าสนใจ วางตัวเหมาะสมต่อสังคมคนทุกระดับ อารมณ์ดี ชอบหยอกล้อคนอื่นให้เขายิ้มได้ อ่อนน้อมถ่อมตน ไม่ชอบให้ตนเองเป็นจุดเด่น ห่วงใยและแบ่งปันเรื่องราวดีๆแก่ผู้อื่น กล้าทำกล้ารับผิดชอบ กล้าในสิ่งที่ควรทำ และกล้าเผชิญหน้ากับปัญหาแล้วทางหาทางออก รอบคอบ จะพูดหรือทำสิ่งใดหลังการคิดและวางแผนที่ดีแล้ว มีความรับผิดชอบ รักษาคำพูด พูดแล้วจะพยายามทำให้ดีที่สุดไม่ให้ผู้อื่นผิดหวัง

อะไรควรกำจัด : หากไม่ชอบอะไรแล้ว ก็จะไม่ชอบอยู่อย่างนั้น เช่น วิชาคำนวณ

อะไรควรเพิ่ม : อดทนทำในสิ่งที่ไม่ชอบเพื่อครอบครัว

สร้างสรรค์ร่วมกัน : ทำเกษตรอินทรีย์

น้ำทิพย์ นาคะประเวศ

575740565-6 Sec. 21

Theory U

พี่ชายชื่อ ตั้ม พี่ตั้มมีอาชีพเป็น จิตแพทย์ สิ่งที่พี่ตั้มเล่าคือแนวทางและความมุ่งมั่นตั้งใจในการศึกษาเล่าเรียนและอุดมการณ์ในการทำงาน ปัจจุบันนี้พี่ตั้มเป็นผู้อำนวยการโรงพยาบาลจิตเวช พี่ตั้มเล่าว่าเมื่อสมัยเด็กๆครบครัวพี่ตั้ม คุณพ่อเป็นผู้ใหญ่โรงเรียนในชนบท ส่วนคุณม่พี่ตั้มมีอาชีพเป็นลูกจ้างประจำสาธารณสุขชุมชนในอำเภอเล็กๆในจังหวัดขอนแก่น ในวัยเด็กพี่ตั้มชอบตามคุณพ่อไปที่ห้องสมุดในตัวอำเภอ ที่นั้นพี่ตั้มมีความสุขมาก พี่ตั้มใช้เวลาทั้งวันในการอ่านหนังสือเล่มแล้วเล่มเล่า พี่ตั้มเล่าว่าช่วงเวลานั้นเป็นช่วงที่พี่ตั้มมีความสุขมากที่สุด นั้นเพราะพี่ตั้มรักการอ่านเป็นอย่างมาก พี่ตั้มเรียนดีมากได้ทำหน้าที่หัวหน้าชั้นตั้งแต่ประถม 1 จนถึงมัธยม 6 พี่ตั้มยังเล่าอีกว่าพี่ตั้มต้องอ่านหนังสือทบทวนก่อนสอบแต่ละวิชาอย่างน้อยสองรอบ บ้างครั้งพี่ตั้มอ่านไม่ครบตามที่ตั้งเป้าหมายไว้ พี่ตั้มแก้ไขปัญหานี้ด้วยการแกล้งป่วยและขอหยุดเรียนหนึ่งวันก่อนวันสอบ พี่ตั้มทำอยู่ประมาณ 2-3 ครั้ง จนท่านอาจารย์ประจำชั้นต้องเรียกพี่ตั้มเข้าไปคุย เนื่องจากท่านอาจารย์คงพอจะคาดการณ์ได้ว่าพี่ตั้มไม่ได้ป่วยจริง การกระทำในครั้งนั้นทำให้พี่ตั้มรู้ว่าเป็นการเอาเปรียบเพื่อนคนอื่นจึงเลิกทำแบบนี้ตั้งแต่นั้นมา

พี่ตั้มจบแพทย์ที่ มหาวิทยาลัยขอนแก่นและสมัครเป็นแพทย์ชนบททำงานในอำเภอห่างไกลความเจริญอยู่หลายปีจึงกลับมาเรียนต่อด้านจิตแพทย์และไต่เต้าจน ขณะนี้ดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการโรงพยาบาล และเป้าหมายในชีวิตที่เป็นเปาหมายที่ชัดเจนมาตลอดคือการขึ้นดำรงตำแหน่งผู้บริหารระดับสูงของกรม พี่ตั้มเป็นคนที่มีความมุ่งมั่นและค้นพบสิ่งที่ตนเองอยากทำและอยากเป็นมาตั้งแต่เยาว์วัยและใช้ความพยายามอย่างเต็มที่ให้ได้ในสิ่งที่มุ่งหวัง พี่ตั้มยังเป็นที่รักและเคารพของผู้บังคับบัญชา ผู้ใต้บังคับบัญชา และญาติมิตรคนสนิททุกคน เนื่องจากพี่ตั้มเป็นคนที่มี บุคลิกสุภาพ อ่อนน้อมถ่อมตน ให้เกรียติผู้อื่น จริงใจและเป็นมิตร

สิ่งที่ค้นพบจากการพูดคุยกับพี่ตั้มคือ พี่ตั้มมความมุมานะพยายามและทำอย่างต่อเนื่อง

สิ่งที่แตกต่างจากตัวเรา คือ เราเป็นคนที่ทำอะไรไม่ต่อเนื่อง ทำเป็นพักๆ และไม่จดจ่ออยู่กับสิ่งใดสิ่งหนึ่งนานๆ พี่ตั้มเป็นคนคิดก่อนทำ ก่อนพูดและสิ่งที่ทำและตัดสินใจไปเกิดจากการไตร่ตรองพิจารณาอย่างรอบคอบด้วยเหตุผลต่างๆอย่างดีแล้ว ส่วนเรานั้นทำทุกสิ่งทุกอย่างตามอารมณ์ คิดแล้วพูดทันที บางครั้งพูดไม่คิด เราเป็นคนลุยๆและไม่ค่อยจะถ่อมตน

สิ่งที่คิดว่าต้องแก้ไขหรือเพิ่มเติม คือ อย่างทำสิ่งใดสิ่งหนึ่งนั้นต้องทำอย่างตั้งใจและทำจนสำเร็จ

สิ่งที่คิดว่าจะสร้างสรรค์ร่วมกันคือ เนื่องจากพี่ตั้มมีความรู้เรื่องการแพทย์และเรามีความสนใจเรื่องความสวยความงาม จึงอยากทำคลินิกเสริมความงามร่วมกัน และเราทั้งสองชอบสุนัขเหมี่อนๆกันจึงสนใจทำคลีนิกรักษาสัตว์ด้วย




นางสาวจุฬารัตน์ จันทะอ่อน 575740135-1 sec.21 Y16

นางสาวจุฬารัตน์ จันทะอ่อน 575740135-1 sec.21

Theory U

บุคคลที่ร่วมกิจกรรม: พี่ชาย อาชีพ วิศวกร

  1. ก่อนฟัง ความเชื่อเดิม ฉันคิดว่าพี่เป็นคนที่เป็นคนที่มีระเบียบ ใช้ชีวิตมีแบบแผน ทุกอย่างที่ลงมือทำต้องวางแผนเป็นอย่างดี กล้าตัดสินใจ ใช้ชีวิตง่ายๆ
  2. หลังฟัง จากที่ฟังเรื่องราวของพี่ตั้งแต่วัยเด็ก พี่เป็นคนที่ดื้อร้นมาก ชอบแกล้งน้อง ตลอดเวลา จนโดนพ่อแม่ดุเป็นประจำ ในช่วงวัยเด็กจะไม่ชอบอยู่บ้านเพราะแม่จะบ่น ชอบหนีไปเล่นเกม ไปเที่ยวบ้านเพื่อนบางตามประสาเด็ก แต่พอถึงช่วงที่เอาจริงเอาจังคือช่วงมหาวิทยาลัยก็พยายามที่จะขยันเรียนมากขึ้นจากเด็กที่ได้1.กว่าๆ ในปี1 ก็ขยันเรียนมากขึ้น ทำให้ได้เกรดมากขึ้นอย่างเหลือเชื่อ จนสามารถเรียนจบ และสามารถรับปริญญาได้พร้อมเพื่อนได้สำเร็จ พี่เป็นคนที่ใจเย็นมาก คิดจะตั้งใจอะไรแล้วต้องทำให้สำเร็จ ชอบเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ เป็นคนที่รักเพื่อนฝูง ได้รับความไว้วางใจจากเพื่อน จนได้เป็นหัวหน้าห้องมาโดยตลอด
  3. สิ่งที่เหมือนกันกับตัวเอง เป็นคนที่รักเพื่อน จะเป็นคนที่จริงใจคนอื่นมาก ใช้ใจแลกใจ และชอบการเดินทางท่องเที่ยวเหมือนกัน
  4. มองตัวเอง สิ่งที่เหมือนกับเราคือ เป็นคนที่รักเพื่อนมาก แคร์ความรู้สึกของคนอื่นก่อนตัวเองเสมอ ได้เป็นหัวหน้าห้องเหมือนกัน สิ่งที่ต่างกัน เราจะเป็นคนที่ทำอะไรแล้วไม่วางแผนก่อน ไม่มีความอดทน ใจร้อน ไม่กล้าตัดใจ ไม่คิดให้รอบคอบ เอาแต่ใจตัวเองเป็นใหญ่ ชอบเดินทาง
  5. ความเหมือนระหว่างเรากับเขา เป็นคนที่ชอบเที่ยวเหมือนกัน รักเพื่อน คิดถึงคนอื่นก่อนตัวเองเสมอ
  6. สิ่งที่ต้องการเพิ่ม ต้องการที่จะทำอะไรมีความมั่นใจมากขึ้น กล้าตัดสินใจมากขึ้น ต้องวางแผนให้มีความรอบคอบมากขึ้น
  7. สิ่งที่ต้องการลด ลดความเอาแต่ใจของตัวเอง ฟังคนอื่นให้มากขึ้น
  8. สิ่งที่จะต้องรักษา รักษาความจริงใจที่มีกับเพื่อน และทุกคน
  9. สิ่งที่จะทำร่วมกัน เปิดธุรกิจที่ชอบร่วมกัน ไปเที่ยวภูเก็ตด้วยกัน

น.ส อิงบุญ อัคราช 575740281-0 y.16 sec. 21

Theory U

ข้อมูลผู้ร่วมกิจกรรม : น.ส เจ (เพื่อน) อายุ 25 ปี นักศึกษาปริญญาโท คณะมนุษยศาสตร์ ม.ขอนแก่น

ก่อนฟัง

คิดว่าเพื่อนเป็นคนจริงจังกับชีวิต มีระเบียบ อยู่ในกรอบของครอบครัวอย่างเคร่งครัด ค่อนข้างที่จะเป็นคนเครียดกับชีวิต เชื่อฟังพ่อแม่มาก

หลังฟัง

จากการฟังเรื่องราวของเพื่อน จึงเพิ่งรู้ว่าจริงๆเพื่อนเป็นคนที่ดื้อรั้นกว่าที่คิด สมัยเรียนประถมกับกลุ่มเพื่อนเคยร่วมกันขังเพื่อนไว้ในห้องน้ำ บางเวลาถึงจะดื้อบ้างแต่ก็เป็นคนที่เชื่อฟังพ่อแม่มากเช่นกัน อยู่ในกรอบมาก ใช้ชีวิตแบบเดิมๆทุกวัน ไม่ค่อยได้ทำอะไรใหม่ๆตามใจตัวเองเลย จนกระทั่งมีโอกาสได้ไป Work and Travel ที่สหรัฐอเมริกา มีโอกาสใช้ชีวิตอิสระตามใจตัวเอง จึงทำให้ได้รู้ว่าจริงๆโลกที่ตัวเองเคยใช้ชีวิตอยู่นั้นมันแคบเหลือเกิน และได้รู้ว่าจริงๆแล้วตนเองชอบที่จะเรียนรู้สิ่งใหม่ๆกับชีวิต

สมัยเรียน ป.ตรี ขี้เกียจมาก หลับในชั้นเรียนบ่อยมาก ไม่สนใจเรียน แต่สุดท้ายก็ยังสามรถเรียนจบ ป.ตรี ภายในเวลา 3 ปีครึ่งได้สำเร็จ เรื่องที่โชคดีในชีวิตคือคือการได้คบแต่เพื่อนดีๆ

เพื่อนเป็นคนปฏิบัติกับคนรอบข้างอย่างเต็มที่ จริงใจและเอาใจใส่กับเพื่อนรอบข้างเสมอ มีอะไรก็ช่วยเหลือไม่หวังผลตอบแทน แต่สำหรับญาติตัวเองเพื่อนก็ทำดีอย่างเต็มที่ด้วยเช่นกัน แต่พอทราบทีหลังว่าจริงๆแล้วคนเหล่านั้นไม่มีความจริงใจที่แท้จริงให้ อิจฉา หวังผลประโยชน์ เห็นว่าเพื่อนความเป็นอยู่ดีกว่าก็ชอบอ้อนให้ซื้อของให้ หลังจากได้สิ่งของที่ตนต้องการแล้วกลับเอาเพื่อนไปนินทาลับหลัง ทำให้เพื่อนเกิดความเสียใจและคับแค้นใจ จึงไม่อยากกลับบ้านไปเจอญาติ ไม่อยากเสวนาและไม่อยากทำดีด้วย ถ้าต้องทำดีด้วยก็จะทำด้วยความอยากเอาชนะ อยากทำให้คนที่อิจฉาอยู่แล้วอิจฉาเราให้มากขึ้นไปอีก ยิ่งอิจฉามากเท่าไหร่ยิ่งดี เพื่อลบคำดูถูกต่างๆ

ปิ๊งอะไร

การรู้จักนำเอาคำดูถูกหรือแรงกดดันต่างๆมาเปลี่ยนเป็นแรงผลักดันให้เราพัฒนาตัวเองให้ดีขึ้น ความอดทน มีระเบียบ มุมานะไม่ยอมแพ้ต่ออุปสรรค มีความรับผิดชอบต่อหน้าที่และบทบาทของตัวเอง

สิ่งที่เหมือนกันระหว่างเรากับเพื่อน

แต่ก่อนเราเป็นคนดื้อเหมือนกัน สมัยเรียนขี้เกียจมากแต่ก็ยังสามารถเอาตัวรอดได้จนเรียนจบ ป.ตรี ในเวลา 3 ปีครึ่ง เป็นคนต้องการความจริงใจจากคนรอบข้างสูง เมื่อทำสิ่งดีๆให้ใครมักทำอย่างเต็มที่ไม่หวังสิ่งตอบแทนขอแค่ความจริงใจ ภูมิใจที่เพื่อนที่มีแต่เพื่อนดีๆ คอยชักจูงเราทำแต่ในสิ่งที่ควร ชอบการเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ

สิ่งที่แตกต่างระหว่างเรากับเพื่อน

เรามักจะท้อเมื่อเจอปัญหาที่แก้ไขยาก ไม่ค่อยมุมานะ แต่เมื่อเจอปัญหาเราหาความสุขได้ง่ายๆจากสิ่งรอบๆตัว มีความคิดของตัวเองสูงและเป็นอิสระมากกว่าถึงแม้จะยังอยู่ในเส้นที่ครอบครัวกำหนดไว้เหมือนกับเพื่อนก็ตาม เมื่อเราไม่ชอบใครจะไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยวอะไรกับคนนั้น

สิ่งที่ต้องการเพิ่ม

ต้องการเพิ่มความมั่นใจและเชื่อมั่นให้กับตนเองมากขึ้น มุมานะตั้งใจ ทะเยอทะยาน เวลาต้องการอะไรต้องพยายามทำให้สำเร็จ ความตระหนักรู้จักรับผิดชอบต่อหน้าที่

สิ่งที่ต้องการกำจัด

ความขี้เกียจ ท้อถอยง่ายๆ ไม่รับผิดชอบ ไม่ทะเยอทะยาน

สิ่งที่ต้องการรักษาไว้

การต้องการอยากเรียนรู้สิ่งใหม่ๆรอบๆตัวตลอดเวลา ความรักอิสระเป็นตัวของตัวเอง การรู้จักเลือกคบเพื่อน

สิ่งที่ควรมีร่วมกัน

ไปเที่ยวด้วยกัน ทำกิจกรรมร่วมกันเพื่อหาประสบการณ์ใหม่ พบปะกันบ่อยขึ้น แลกเปลี่ยนความคิดทัศนะคติเพื่อนเปิดโลกทางความคิดมากขึ้น

สวัสดีปีใหม่ค่ะอาจารย์

นายกฤตนนท์ กฤตเวทิน

นายกฤตนนท์ กฤตเวทิน 575740115-7 Y.16 Sec.21

Theory U

ผู้ร่วมสนทนา: พี่ชาย อายุ 27 ปี อาชีพ ธุรกิจส่วนตัว

ก่อนได้คุยกัน: ลักษณะของพี่คนนี้ค่อนข้างจะเป็นคนที่เนียบ แต่งตัวดี คงจะไม่ใช่คนที่ชอบเที่ยว หรือ สังสรรสักเท่าไหร่ น่าจะเป็นคนที่ค่อนข้างเรียนเก่ง(ได้ยินจากเพื่อนๆเล่ามา)

หลังจากได้ฟัง: พี่เค้าได้เล่าถึงเหตุการณ์ในตอนวัยเด็กว่า "ตอนเด็กๆ กูเป็นคนที่ต้องย้ายที่เรียนบ่อย กูไม่ค่อยยุ่งหรือสนใจอะไรมาก วันๆมีแต่เรียน จนกูเข้ามหาลัย สังคมของกูก็เริ่ม เปลี่ยนขึ้นเรื่อยๆ จากที่ไม่เที่ยวก็เริ่มหันมาเที่ยว จนทำให้กูรู้ว่ามันมีอะไรอีกตั้งเยอะ
ที่ในหนังสือไม่มีสอน"

สิ่งที่เหมือนกัน: เป็นคนที่ชอบหาประสบการณ์ใหม่ๆอยู่เสมอ ไม่ว่าจะเป็นเพื่อนใหม่ๆ ชอบความ ท้าทายในการทำงาน ไม่ชอบอะไรที่ต้องทำซ้ำๆ แบบเดิมอยู่ตลอดเวลา หากมีใคร บอกว่า "ร้านนี้อาหารแปลกดีนะ ไม่ค่อยเหมือนที่ไหน รสชาติก็ดี" ผมก็จะต้องไปลอง ใหได้

สิ่งที่ไม่เหมือน: สิ่งหนึ่งที่ผมกับพี่ไม่เหมือนกันเลยคือ พี่เขาจะเป็นคนที่ชอบอ่านหนังสือ ไม่ว่าจะเป็น หนังสืออะไรก็ตาม ส่วนตัวผมเป็นคนที่ไม่ชอบการอ่านมากๆ ไม่ว่าจะเป็นหนังสือ ประเภทไดก็ตาม หรือแม้กระทั่งโปสเตอร์โฆษะณา

สิ่งที่ต้องเพิ่ม: สิ่งที่อยากจะเพิ่มให้ตัวผมเอง ผมอยากได้ทักษะของการอ่านหนังสือ เพราะมันคงเป็น อย่างเดียวที่ผมพยายามทำแล้วแต่ไม่ได้ผล พยายามอ่านทีไรก็สมาธิก็หลุด ยิ่งพยายามยิ่งง่วงคับ หากมีความมุ่งมั่นในการอ่านเหมือนพี่ผม ผมคงประสบความ สำเร็จ ในด้านการเรียนมากกว่านี้

สิ่งที่ตัดออก: การตัดสินใจที่เร็วเกินไป เพราะตัวผมค่อนข้างจะมีนิสัยคิดเร็ว ตัดสินใจเร็ว ซึ่งในบาง ครั้งมันก็เป็นเรื่องดี แต่ส่วนมากผลจะออกมาแย่เสมอ ทำให้เสียทั้งเงินทองและเวลา

อยากทำร่วมกัน: อยากไปเที่ยวต่างประเทศด้วยกัน โดยเฉพาะอเมริการ เพราะพี่เค้าเล่าให้ฟังว่าที่นั้น สวยมาก ผมอยากไปเล่นหิมะ อยากไปถ่ายรูปกับวิวสวยๆ ถ้าได้ไปด้วยกันคงจะสนุกดี



นายธวัชชัย รหัส 575740167-8 Y#16 Sec. 21

นายธวัชชัย รหัสนักศึกษา 575740167-8 Y#16 Sec. 21

กิจกรรม Theory U ( 10 ม.ค. 2559 )

ข้อมูลบุคคลที่ร่วมกิจกรรม จากการฟัง คุณ A นามสมมติ ซึ่งทำธุรกิจเกี่ยวกับ การขายส่ง เส้นก๋วยเตี๋ยว ก๋วยจั๊บ ซึ่งเป็นคู่ค้ากับทางร้านกว่า 10 ปี ซึ่งคุณ A เป็นบุคคลที่มีการศึกษาที่ดี มีผลการเรียนที่ดี จึงทำให้ผู้ศึกษาอยากจะทราบ ทัศนคติ ความคิด ว่าเป็นอย่างไร

1. ก่อนฟังคิดว่าเขาเป็นคนอย่างไร

เป็นบุคคลที่มีความตั้งใจในการทำงาน อดทน ขยัน มีความนอบน้อมต่อลูกค้า เป็นคนที่มีผลการเรียนที่ดีน่าจะมีความคิดที่เป็นของตัวเอง และมีความเชื่อมั่นในตัวเองสูง

2. ฟังแล้วสรุปว่าเขาเป็นคนอย่างไร

เนื่องจากเขาเกิดในครอบครัวที่ทำการค้าขาย ทำให้เขารู้จักการค้าขายตั้งแต่ยังเป็นเด็ก และได้ช่วยครอบครัวทำงานตั้งแต่อายุ 8 ขวบ ทำให้เขาเป็นคนที่มีความขยันและอดทนและไม่เคยอิจฉาเพื่อนคนอื่นที่เขาสบายกว่าตัวเอง เป็นคนที่ยึดมั่นในความดี และปฏิบัติตัวดีตลอดมา มีความเลื่อมใสในพระพุทธศาสนา ยึดหลักธรรมคำสอนมาปฏิบัติและมีความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ เป็นคนที่มีความตั้งใจ มีความกล้าในการที่จะลงมือทำอะไรซักอย่าง และให้ความสนใจในเรื่องข่าวสารความเคลื่อนไหวทางเศรษฐกิจ

3. สิ่งดีๆที่ได้จากเขา

ความขยัน ความตั้งใจมุมานะ ความอดทน ความกตัญญูต่อพ่อแม่ และความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่แก่บุคคลอื่นที่ด้อยโอกาสกว่า

4. ความเหมือนระหว่างเรากับเขา

ถึงแม้เราจะเกิดในครอบครัวที่ไม่สมบูรณ์ พ่อแม่อย่าร้างกัน แต่เรามีความมุ่งมานะในการเป็นคนดี ตั้งใจเรียนเพื่ออนาคตที่ดี มีความใฝ่รู้อยากเรียนรู้ในสิ่งใหม่ๆ และมีความตั้งใจที่จะทำให้ครอบครัวมีความความสุข

5. ความต่างระหว่างเรากับเขา

เขาจะเป็นคนที่มีความนอบน้อม กล้าพูดกล้าทำมากกว่าเรา

6. สิ่งที่อยากเก็บไว้

ความตั้งใจ ความขยันอดทน

7. สิ่งที่อยากกำจัดออก

ความกลัวในการก้าวไปเจอสิ่งใหม่ ความกลัวในการเปลี่ยนแปลง

8. สิ่งที่จะสร้างสรรค์ร่วมกัน

การร่วมมือในธุรกิจ การปรึกษาเรื่องสถานการณ์เศรษฐกิจในแต่ละท้องที่ ที่เขาทำการไปส่งสินค้าแก่ลูกค้า ซึ่งเขามีโอกาสที่จะได้สัมผัสรับรู้เรื่องราวมากกว่าเรา และแลกเปลี่ยนความคิดกัน

นายวรพันธ์ พลรักษา

นายวรพันธ์ พลรักษา 575740102-6 Y.16 Sec.21

คู่สนทนา: น้อง ภ. อายุ 25 ปี นักศึกษามหาวิทยาลัยขอนแก่น

ก่อนฟัง

จากที่เห็นน้องครั้งแรกน่าจะเป็นคนที่ไม่ค่อยสนใจเรื่องเรียนและเรื่องงาน มาเรียนแต่ละครั้งเหมือนคนเมาตลอดเวลา เวลาเรียนแต่ละครั้งไม่คุยกับเพื่อนก็นอนหลับบ้าง

หลังฟัง

น้อง ภ. ได่เล่าประสบการณ์ทำงานตั้งแต่ตอนจบมหาลัยใหม่ๆ ซึ่งตอนจบมาใหม่ๆนั้น ได้เข้าทำงานเป็นลูกจ้างของหน่วยงานรัฐแห่งหนึ่ง ซึ่งต่อมาก็ได้ลาออกเพราะรู้สึกว่ามันยังไม่ใช่ตัวตน หลังจากนั้นน้องก็หันมาประกอบธุรกิจหลายอย่าง เช่น ขายกับแกล้มที่ลานเบียร์ ขายขนมวาฟเฟิล ทำเสื้อสกรีน เปิดร้านก๋วยเตี๋ยว ซึ่งในแต่ละอย่างที่น้องทำ มีทั้งดีบ้าง ไม่ดีบ้าง ปัจจัยที่ส่งผลกระทบก็มาจากหลายๆสาเหตุ ทำให้น้องต้องเปลี่ยนไปทำอย่างอื่นเรื่อยๆ

สิ่งที่เหมือนกัน

น้อง ภ. จะเป็นคนชอบเล่นกีฬาและดนตรีเหมือนกัน หลังจากได้สนทนาและรู้จักกัน ก็ได้มีโอกาสได้ฟังดนตรีและเล่นกีฬากับน้อง ซึ่งเป็นคนละอย่างกับที่คิดไว้ตอนแรกเลย และอีกอย่างที่ค่อนข้างเหมือนกันก็คือ การชอบเดินทาง หรือเที่ยวต่างจังหวัด

สิ่งที่แตกต่างกัน

น้อง ภ. กับผมจะแตกต่างกันอยู่หนึ่งอย่างที่เห็นได้ชัดคือ เรื่องของสมาธิ ผมจะเป็นคนที่ทำอะไรที่ละอย่าง สมาธิค่อนข้างจะจดจ่อกับสิ่งที่ทำ หากไม่สำเร็จไปทีละอย่างก็จะไม่ทำสิ่งใหม่ ส่วนในตัวของน้องหากสนใจสิ่งใดก็จะลุยทำ แต่หากมีอะไรมากวนใจนิดเดียวก็จะเบี่ยงประเด็นไปที่สิ่งนั้นทันที

สิ่งที่ต้องเพิ่ม

อยากจะเพิ่มเติมในส่วนของความร่าเลิงให้กับตนเอง เพราะจากทำงานที่ต้องคุมลูกน้องหลายๆคน การวางตัวก็ค่อนข้างเป็นเรื่องสำคัญ บางครั้งก็จริงจังกับงานมากเกินไป ทำใ้บรรยากาศในการทำงานค่อนข้างตรึงเครียด หากได้สกิลความร่าเริงของน้องมาผสมด้วย คงทำให้ลูกน้องผ่อนคลายได้มากกว่านี้

สิ่งที่ต้องตัดออก

สิ่งที่อยากจะตัดออกคือ การวางตัวที่นิ่งเกินไป บางครั้งทำให้การเข้าหาของผู้อื่นเป็นไปได้ยาก อาจจะเพราะลุ๊คของผมเองด้วย หากตัดในส่วนนี้ออกได้น่าจะเป็นผลดีในการบริหารคน เพราะจะทำให้ลูกน้องหรือเพื่อนกล้าเข้ามาปรึกษาเราได้มากกว่านี้

สิ่งที่อยากทำร่วมกัน

สิ่งที่อยากทำร่วมกันกับน้องคือ ขับรถไปเที่ยวต่างจังหวัด ขอแนวแบบธรรมชาติ อากาศดีๆ เพราะเคยเห็นที่น้องเค้าถ่ายรูปมาให้ดู มันช่างน่าสนใจมากๆ หากมีโอกาสก็อยากจะไปด้วยกันครับ


ขอบคุณครับ

นางสาวอชิรญาณ์ แต่งวัฒนานุกูล รหัส 575740265-8 Sec.21 Y.16

นางสาวอชิรญาณ์ แต่งวัฒนานุกูล รหัส 575740265-8 Sec.21 Y.16

Theory U

คู่สนทนา: พี่ชาย ประกอบธุรกิจค้าส่งสินค้าอุปโภคบริโภค อายุ 29 ปี

ตอนเด็กๆเขาเป็นเด็กเรียนดีสอบได้ที่หนึ่งมาตลอด กระทั่งเขาย้ายมาเรียนที่โรงเรียนประจำจังหวัดอยู่บ้านกับพี่ชายลำพัง 2 คน เขาคบเพื่อนเกเร หนีเที่ยว ขาดเรียน ผลการเรียนตกต่ำ ติดศูนย์ถึง 9 วิชา จนแก้ไม่ไหวลาออก หลังจากที่ลาออกมาทำให้เขาคิดได้ว่าไม่มีประโยชน์อะไรที่จะดื้อ อนาคตก็ไม่มี เพื่อนก็เลิกคบ จึงขอแม่กลับไปเรียนจนจบปริญญา ปัจจุบันแต่งงานมีครอบครัว ดูแลพนักงานเกือบ 200 คน เขาเล่าว่าอดีตสอนให้เขาเข้าใจคนอื่นมาขึ้น เพราะเขาเคยไปจุดต่ำสุดมาแล้ว ทำให้เขาอดทนและมีสติเชื่อว่าเมื่อเกิดปัญหาขึ้น มักมีทางออกเสมอ และพยายามพัฒนางาน พัฒนาตัวเองอยู่เสมอ เขาเล่าว่าถ้าย้อนเวลากลับไปได้ก็ไม่เสียใจกับเรื่องที่เคยทำตัวแย่ในอดีต เพราะเราย้อนเวลาไม่ได้ แต่เราเลือกที่จะทำปัจจุบันให้ดีที่สุด คิดบวกเข้าไว้สิ่งดีๆจะตามมาเองทำให้ดีที่สุดก็พอ

1.สมมุติฐานเดิมที่มีต่อนายวิทวัส

เป็นคนสนุกสนานเฮฮา พูดเก่ง เข้ากับผู้อื่นได้ดี

2.ปิ๊งอะไร

ต้องมีสติ อย่ามัวยึดติดกับอดีต แต่อดีตมีให้เราเรียนรู้ ให้อยู่กับปัจจุบันและทำให้ดีที่สุด

3.จุดร่วม จุดต่าง

จุดร่วม มีความอดทน

จุดต่าง ความกล้า นอกกรอบ

พัฒนา: ความคิดเชิงบวก

รักษา: ความกล้า นอกกรอบ

กำจัด: ความวิตกกังวลกับสิ่งที่ยังไม่เกิดมากเกินไป

4.สร้างสรรค์ร่วมกัน

ชอบท่องเที่ยวและช้อบปิ้งเหมือนกัน อยากไปประเทศจีนด้วยกัน จะได้หาสินค้าแปลกๆใหม่ๆมาขาย(นำเข้าสินค้าจากจีน)

บุญญารักษ์ เมืองกระโทก

บุญญารักษ์ เมืองกระโทก Y#16

575740187-2 Sec.21

Theory U

คู่สนทนา: คุณลุงอายุ 60 ปี

สิ่งที่ได้จากการฟัง: คุณลุงเล่าถึงตอนเด็กว่า คุณลุงเป็นพี่ชายคนโต มีน้องสาวและน้องชายรวมทั้งหมด 6 คน ตอนเด็กๆ ต้องช่วยพ่อกับแม่ดูแลน้อง ต้องดูแลรับผิดชอบงานบ้านแทนน้อง คุณลุงเป็นคนที่ขยันมาก ตั้งใจเรียนหนังสือ ตอนเด็กมีความฝันว่าอยากเป็นตำรวจจึงมีความมุมานะ จนสอบเข้าเป็นข้าราชการตำรวจ และได้ไปทำงานอยู่ที่ภาคใต้ คุณลุงเป็นคนที่อัธยาศัยดี เป็นคนสนุกสนาน ชอบช่วยเหลือคน เป็นคนที่มีความรับผิดชอบ จึงทำให้คุณลุงเป็นที่รักของเพื่อนร่วมงาน เป็นคนที่เวลาตั้งใจที่จะทำอะไร จะตั้งใจทำสิ่งนั้น และจะลงมือทำทันที ไม่มีการผลัดวันประกันพรุ่ง คุณลุงชอบดูแลเอาใจใส่คนรอบข้างและคนในครอบครัวคุณลุงจะชอบมีข้อคิดดีๆหรือมีเรื่องเล่าที่เป็นประโยชน์มาเล่าให้คนรอบข้างฟัง กิจกรรมยามว่างที่คุณลุงชอบมากคือ การดูแลต้นไม้ ดอกไม้ซึ่งทุกต้นคุณลุงลงมือปลูกเองทั้งหมด คุณลุงบอกว่าต้นไม้ ดอกไม้ ก็เหมือนกับคนในครอบครัว เราต้องรักและดูแลเอาใจใส่ และเขาก็จะให้สิ่งที่ดีกับเราตอบแทนมานั่นก็คือ ความร่มรื่นและความสวยงาม ถ้าคุณลุงรู้สึกไม่สบายใจก็จะใช้เวลาอยู่กับต้นไม้ ดอกไม้สักพัก ความไม่สบายใจต่างๆก็จะหายไป

ความประทับใจ: ชอบที่คุณลุงเป็นคนที่มีความตั้งใจ ถ้าจะทำอะไรจะตั้งใจทำ ลงมือทำเดี๋ยวนั้น ไม่มีการผลัดวันประกันพรุ่ง เป็นคนชอบช่วยเหลือคน ชอบดูแลเอาใจใส่คนรอบข้างและคนในครอบ ครัว เป็นคนมีความรับผิดชอบ จึงทำให้คุณลุงเป็นที่รักของทุกคน

มองตัวเอง : สิ่งที่มีความเหมือนกัน คือ เป็นคนสนุกสนาน อัธยาศัยดี เอาใจใส่คนรอบข้างและคนในครอบครัว สิ่งที่ต่างกัน คือ เป็นคนชอบผลัดวันประกันพรุ่ง ไม่ลงมือทำตอนนั้น จะผลัดวันไปเรื่อยๆ ถ้าใกล้กำหนดส่งจึงค่อยลงมือทำ

สิ่งที่ต้องการเพิ่ม :ความขยัน ความตั้งใจ และต้องเป็นคนที่มีความรับผิดชอบให้มากขึ้น ต้องคิดก่อนทำ ต้องมีการวางแผนก่อนจะลงมือทำอะไร

สิ่งที่ต้องการลด: ความขี้เกียจ ความไม่กล้าแสดงออก

สิ่งที่ต้องรักษา: การเป็นคนอัธยาศัยดี สนุกสนาน เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ผู้อื่น มองโลกในแง่ดี

สิ่งที่อยากทำร่วมกัน: อยากทำสวนที่ปลูกทั้งผัก ผลไม้ ดอกไม้และเปิดสวนให้คนภายนอกเข้าชม

อาทิตา วินารักษ์วงศ์

นางสาวอาทิตา รหัส 575740105-0 Y.16 sec.21

กิจกรรม Theory U ( 10 ม.ค. 2559 )

ข้อมูลบุคคลที่ร่วมกิจกรรม : คุณ K

ปัจจุบันคุณ K ประกอบอาชีพขายวัสดุก่อสร้างและรับซื้อพืชไร่จากที่สัมภาษณ์พบว่าคุณ K เกินในครอบครัวที่ค่อนข้างลำบากจึงทำให้เป็นคนที่มีความอดทนมุ่งมานะโดยครั้งหนึ่งได้ไปทำงานที่บริษัทเกี่ยวกับสิ่งทอผ้าและได้ถูกส่งตัวไปดูงานที่ประเทศไต้หวันระหว่างนั้นต้องใช้ความอดทนเป็นอย่างมากเนื่องจากไม่มีญาติพี่น้องอยู่ที่นั่นเพื่อนก็ไม่มีอาหารการกินก็ต้องปรับตัวในหลายๆด้านจนกระทั่งกลับมาที่ไทยทำงานได้ซักพักหนึ่งก็เกิดแนวความคิดที่อยากให้ตนเองมีความก้าวหน้าจึงลาออกและไปรับซื้อพืชไร่จากคำแนะนำของพี่เขยจนประสบความสำเร็จในระดับหนึ่งเมื่อมีครอบครัวก็อยากให้ครอบครัวสุขสบายมากขึ้นจึงเปิดร้านขายวัสดุก่อสร้างร่วมด้วยโดยคุณK กล่าวว่าทีประสบความสำเร็จเพราะ เป็นคนมีความอดทนและเรียนรู้ประสบการณ์จากนายจ้างที่เก่งๆมาใช้ในการประกอบธุรกิจจนประสบความสำเร็จ

1. ก่อนฟังคิดว่าเขาเป็นคนอย่างไร

เดิมคิดว่าคุณKเป็นคนที่ใจร้อนกล้าได้กล้าเสียมีความเป็นผู้นำมีความอดทน

2. ฟังแล้วสรุปว่าเขาเป็นคนอย่างไร

พบว่าคุณKเป็นคนที่ค่อนข้างคิดมากมีเหตุมีผลคิดถึงอนาคตของตนเองและครอบครัวอยู่เสมอพยายามทำชีวิตปัจจุบันให้ดีขึ้นเป็นคนที่กลัวในสิ่งต่างๆที่ยังไม่เกิดขึ้นเพื่อหาวิธีป้องกันไว้ล่วงหน้า

3. สิ่งดีๆที่ได้จากเขา

เป็นคนที่มีความขยันอดทนนำเอาประสบการณ์ในอดีตมาเป็นแนวทางในการดำเนินชีวิตให้เกิดความก้าวหน้าเรียนรู้ประสบการณ์จากคนที่ประสบความสำเร็จมีความเห็นอกเห็นใจลูกน้อง

4. ความเหมือนระหว่างเรากับเขา

เป็นคนที่รักครอบครัวเหมือนกันนำเอาประสบการณ์ในอดีตมาเป็นแนวทางในการดำเนินชีวิตและมีความต้องการความก้าวหน้าในอาชีพ

5. ความต่างระหว่างเรากับเขา

คุณKจะมีความขยันอดทนในการทำงานมากกว่าและไม่สนใจคำนินทาจากคนรอบข้างซึ่งข้าพเจ้ามักจะเก็บคำพูดเหล่านี้มาคิด

6. สิ่งที่อยากเก็บไว้

ความรักครอบครัวและความต้องการความก้าวหน้าในอาชีพ

7. สิ่งที่อยากกำจัดออก

ความขี้เกียจไม่อดทนชอบคิดมากกับคำพูดของคนอื่น

8. สิ่งที่จะสร้างสรรค์ร่วมกัน

ขอคำแนะนำวิธีการดำเนินชีวิตเพื่อให้ประสบความสำเร็จเหมือนคุณK

น.ส. ปิยะภรณ์ รหัส 575740199-5 Y.16 Sec 21

เมื่อวันอาทิตย์ที่ 10 มกราคม พ.ศ. 2559 ที่ผ่านมา ดิฉันได้เรียนวิชา AI ในคาบเรียนมีการให้ทำแบบฝึกหัดโดย กติกามีอยู่ว่า 1. จับคู่ ชาย-หญิง 2. ให้ 1 คน พูดเรื่องอะไรก็ได้ ภายในเวลา 30 นาที โดยให้อีกคนเป็นคนรับฟังอย่างเดียว โดยไม่มีข้อเสนอแนะ หรือ ข้อกล่าวหาใดใด 3. และทำสลับกัน 4. เมื่อพูดจบ ให้วิเคราะห์ โดย อันดับแรก เราเจอกันก่อนที่เราจะคุย เขาเป็นคนอย่างไร พอเมื่อคุยกับเขาจบ คุณรู้สึกประทับใจอะไรในตัวเขา อันดับสาม คุณอยากกำจัดอะไรออกจากตัวคุณ อันดับสี่ คุณอยากทำอะไรร่วมกับเขา เมื่อได้คุยกับเขาจบ กิจกรรมนี้เป็นกิจกรรมแรก และเป็นสิ่งแรกที่เคยทำ เพราะดิฉันไม่เคยพูดให้ใครฟังนานนานถึง 30 นาที ซึ่งพูดไม่ถึง 1 นาที คนฟังก็แย้งแล้ว ซึ่งครั้งแรกได้ร่วมกิจกรรมนี้ และ ดร. ภิญโญ รัตนาพันธุ์ ก็มีการบ้านให้ไปทำ โดยให้ไปจับคู่และพูดถึง 30 นาที โดยจับคู่ใครก็ได้ เช่น พ่อ แม่ แฟน เป็นต้น ซึ่งดิฉันก็ได้จับคู่กับ แฟน โดยให้แฟนพูดก่อน 30 นาที

ใช้ในนามแฝงแฟนว่า เฮีย โดยเฮียเป็นคนพูดก่อน ซึ่งเฮียก็เริ่มพูดว่า เมื่อสมัยตอนเฮียเป็นเด็กเกิดมาเป็นลูกคนแรก เป็นหลานคนโต พ่อแม่ ตา ยาย น้า ก็มาประคบประหงมเอาใจเพราะเป็นเด็กคนเดียวในบ้าน อยากได้อะไรก็ได้ แต่มีนิสัยแปลกๆ อย่างหนึ่งคือ ถ้าอยากได้อะไรแล้วขอเกิน 3 ครั้งแล้วไม่ได้ จะไม่ขออีก ต่อให้ใครก็ช่างจะเอาสิ่งที่อยากได้ หรือสิ่งที่เคยขอมาให้จะไม่เอาเด็ดขาด แล้วมีความคิด ความพยายามที่จะอยู่ด้วยตัวเองให้ได้ พยายามช่วยเหลือตัวเองตั้งแต่เด็ก โดยทั่วไปแล้วคิดว่า ถ้าเด็กที่โดนเอาใจ หรือโดนตามใจมาตลอด 10 ปี น่าจะเป็นคนเอาแต่ใจทำอะไรเองไม่ค่อยเป็น แต่เฮียคิดตลอดตั้งแต่เด็กว่า จะทำอะไรด้วยตัวเองให้ได้ พยายามลงมือเอง 7 ขวบเริ่มหัดทำงานบ้าน 10 ขวบทุกอย่างในบ้านทำเป็นทุกอย่าง ตั้งแต่ล้างจาน ทำกับข้าวห่อไปกินเองตอนเที่ยงที่โรงเรียน ซักผ้า กวาดบ้าน ถูบ้าน รีดผ้า และตอนนี้ ก็มีน้องชายเกิดขึ้นมา ทำให้เลี้ยงเด็กตัวเล็กๆเป็น เอาเป็นว่าศรีเรือนมากๆ ผู้หญิงสมัยนี้ยังหาคนทำแบบเฮียไม่ได้เลย เฮียบอกว่า เคยโดนเพื่อนพ่อแซวว่าเป็นลูกสาวคนโต พ่อกับแม่ ก็แซวว่า ถ้าจะแต่งงานให้สะใภ้มาขอนะ ฮ่าๆๆๆ แต่ภาพลักษณ์ภายนอกดูไม่ใช่แบบนั้นเลย หลายคนบอกว่าเป็นเหมือนพวกติดเกม หลายคนบอกว่าไม่น่าเชื่อว่าจะเป็นแบบนี้ บางคนบอกว่าเอ็งเป็นเกย์ป่าววะ แหม…. แต่ละคน มองกันดีๆ ไม่ได้เลย ตอน 10 ขวบ ช่วงนั้นเป็นช่วงเกิดภาวะเศรษฐกิจตกต่ำ ที่เรียกว่าต้มยำกุ้ง ที่บ้านก็เลยหารายได้พิเศษโดยการขายน้ำอ้อย เด็กอายุ 10 ขวบ ตัดอ้อยปลอกอ้อย ขายของอยู่ข้างถนนทุกวันหลังเลิกเรียน และทุกวันเสาร์ อาทิตย์ ขายทั้งวัน มันก็เลยทำให้มีความคิดแบบผู้ใหญ่ๆ เกินตัวไปหน่อย เมื่อเทียบกับเด็กอายุเท่ากัน น่าแปลก พอมามองย้อนดูเด็ก 10 ขวบสมัยนี้ แล้วนึกภาพตัวเองขายน้ำอ้อยไม่ออกเลย ป.4 ขายน้ำอ้อย แต่ก็ไม่ได้ขายเฉยๆ มีค่าแรงด้วย ได้วันละร้อย ก็เก็บเงินค่าแรงมาจ่ายค่าเรียนพิเศษตอนเย็นเอง สมัยเดือนละ 300 ก็จ่ายเอง ไม่เคยขอเงินพ่อแม่มาจ่ายค่าเรียนพิเศษ จ่ายเองทั้งนั้น ณ เวลานั้น ภูมิใจมาก ที่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้ ทั้งที่ขณะนั้น อายุแค่ 10 – 12 ปี เท่านั้น เป็นหมดอ่ะ เลี้ยงเด็กก็เป็น ทุกวันนี้ เลี้ยงมากับมืออ่ะ 3 คน ตั้งแต่คลอดลืมตามาบนโลก จนทุกวันนี้ยังต้องวิ่งไปรับส่งเรียนพิเศษ…. มีน้องหรือมีลูกก็ไม่รู้

วิเคราะห์ ดูตอนแรกเป็นคนเจ้าชู้ ไม่เอาการเอางาน ดูเหมือนเด็กติดเกม แต่พอได้คุย แล้วประทับใจมากที่สุดคือ เป็นคนกล้าทำมาหากินตั้งแต่เด็ก ยอมเสียสละเวลาวัยเด็ก คืออายุ 10 ขวบ ก็แค่วิ่งเล่น ไล่จับกัน แต่ต้องมารับผิดชอบขายน้ำอ้อย ทำมาหากินโดยไม่อาย มารับผิดชอบเลี้ยงน้องน้อง และจะทำอะไรจะนึกถึงครอบครัวมาอันดับแรก สิ่งที่ตัวเราอยากกำจัดคือ การนึกถึงอะไรเราจะไม่ค่อยนึกถึงครอบครัวเป็นอันดับแรก ซึ่งในตรงนี้เราไม่มี เราก็เลยอยากที่จะกำจัดออก อะไรที่อยากทำร่วมกัน การทำธุรกิจ ซึ่งในส่วนตรงนี้เราคิดว่าเขาไม่อายทำกิน ไม่หมิ่นเงินน้อย ไม่คอยวาสนา อยากได้อะไรเขาจะต้องแลกเหงื่อเพื่อให้ได้มันมา

ส่วนในเรื่องของเราพูด เราเรียนจบปริญญาตรีมาก็ทำงานเลยไม่ได้พัก อันดับแรกที่อยากทำเพราะสมัยเราเรียนมัธยมปลาย เราขี้ดื้อมาก ชนิดว่าต้องใช้ไม้เรียวตีกันเลย สมัยมัธยมเป็นสมัยที่เรียนไม่เก่ง ขั้นไม่อ่านหนังสือก่อนสอบ ติดเพื่อน ชอบกิจกรรม ชอบหนีเรียน ชอบหนีออกนอกโรงเรียน เลยทำให้เราได้เกรดน้อย และเราก็ไม่รู้ว่า โตขึ้นเราอยากเป็นอะไร พ่อส่งให้ไปเรียนซัมเมอร์ที่ขอนแก่น ก็หนีเรียนไม่เข้าไปเที่ยว เหมือนเราอยู่ในกรอบมาก พอเราออกนอกกรอบเราก็เลยสนุกกับมัน เราคิดว่าชีวิตในช่วงเวลานี้สนุกมาก ไม่ต้องหาเงิน ไม่ต้องคิดอะไร เที่ยว พ่อก็โอนเงินมาให้ใช้ แต่พอเมื่อได้สอบเข้าเรียนที่ มหาลัยแห่งหนึ่ง ก้าวแรกที่เลือกที่นี้ เพราะคิดว่ายังไงเราก็เรียนจบ เพราะไม่เจริญ ถนนดินแดง ไม่สิ่งล่อตาล่อใจเรามาก เราจึงตัดสินใจเรียนที่นี้ พอพ่อกับป้ามาส่งเข้าหอวันแรก อันดับแรกเราร้องไห้ เพราะเราเหงา เรากลัว กลัวในที่ที่ไม่รู้จักใคร กลัวว่าคุยกับเพื่อนเพื่อนจะไม่คุยด้วย เพราะสมัยมัธยมเราคุยแต่กับเพื่อนในกลุ่ม คนอื่นไม่สนิทเราก็ไม่คุยด้วย พอเราได้เข้าไปร่วมกิจกรรมก็ยังเหงาๆ คิดถึงบ้าน คิดถึงพ่อ คิดถึงป้า คิดถึงเพื่อน และเป็นอีกคืนที่ร้องไห้ ในส่วนเรื่องเรียนก็ไม่เท่าไหร่ เพราะบ้ากิจกรรมของมหาลัยอยู่ แต่เพิ่มเติมคือการอ่านหนังสือก่อนสอบ และพอปิดเทอมแรกก็กลับบ้าน ที่บ้านเราเป็นครอบครัวใหญ่มาก ก็เลยมีน้าอีกคนที่มีลูกในวัยเรียนเหมือนกันกับเรา ซึ่งน้าก็ได้ถามเรื่องเกรดเรียนว่าได้เท่าไหร่ซึ่งตอนนั้นเราได้เกรดน้อยกว่าลูกของน้า และเราก็ได้พูดกับป้าว่า เราเรียนคณะนี้สามารถเรียนจบภายในสามปีครึ่งได้ ซึ่งน้าได้ยินก็พูดขึ้นว่าเราจบมาสามปีครึ่งเราจะจบได้หรอ จบมาแล้วจะได้งานอะไรทำ จบมาใครเขาจะรับ จบก่อน ซึ่งเราเป็นคนมองโลกในแง่ดีเราไม่ได้คิดอะไรในตอนแรก แต่พอเรามานั่งนึกได้ เอ้าดูถูกเราหนะนิ มันเลยทำให้เรามีแรง มีความพยายามในการตั้งใจเรียนมากขึ้น ซึ่งตอนนั้นเหนื่อยมาก มาก ถึง มากที่สุดเพราะเราเป็นคนอ่านหนังสือไม่เป็น สมาธิสั้น เราเข้าไปอ่านวิธีเรียนเก่ง ต่างๆ นานา หลายวิธีมากที่เราใช้ เราได้ผลบ้าง ไม่ได้ผลบ้าง ช่วงนั้นหมกหมุนในการตั้งใจเรียนมาก จนกิจกรรมไม่เอา จะเรียน จะเรียนอย่างเดียว โดยที่เราข้าวปลาไม่ค่อยกิน เพราะเราจะต้องชนะ เราจะต้องได้เกรดเยอะๆ เราต้องอ่านหนังสือเป็น นอนดึก ตื่นเช้า นอนดึก ตื่นเช้ามาเป็นเวลาหลายเดือน ซึ่งเราก็ทำสำเร็จ เราได้คะแนนจากห่างแถว มาติดอันดับที่ 1 และ 2 ในหลายวิชา ซึ่งคะแนนที่ได้มากกว่า เกียรตินิยมที่หนึ่ง ในแต่ละวิชา ซึ่งเราดีใจมาก เราพยายามทำแบบนี้ไปเรื่อยๆ เคยเรียนวิชาการค้าระหว่างประเทศแล้วโดนด่าต่อหน้าห้อง แบบอาย คือเราไม่รู้เรื่องและมันเป็นวิชาที่ยากมาก ตั้งแต่วันนั้นเรากลับไปห้องอ่าน อ่าน อ่าน และอ่าน จนในที่สุดเราก็ได้ TOP ของห้อง การที่เราทำในทุกวันมันทำให้เราได้ คติประจำใจว่า ขยันได้นะขยัน แต่ขยันให้มีวินัยมันยากกว่า และเราก็เรียนจบ สามปีครึ่งจนได้ และเป็นอีกเหตุผลที่เราจบมาไม่ถึง 5 วันเราก็ได้งานทำเลยพอเราเข้ามาทำงานธนาคารซึ่งมันทำให้เรากล้าพูด กล้าคุยกับคนที่รู้จัก โดยบางคนไม่เคยคุยกันมาก่อนพอเรามาคุย เริ่มคุยเหมือนเรารู้จักกันมา 10 กว่าปี ไม่อายที่จะเป็นคนเริ่มทักก่อน และมันทำให้เรามีสมาธิเพิ่มขึ้น และทำอะไรหลายหลายอย่างพร้อมกัน ซึ่งตรงนี้พนักงานธนาคารจะรู้ซึ้ง และมีความพยายามในการทำเป้าให้สำเร็จ ลุย เดินออกขายประกัน ตามหมู่บ้าน หมาไล่บ้าง ลูกค้าไล่บ้าง แต่เราก็ไม่หยุด ยังคงวิ่งตามหาเป้าหมาย และเพื่อให้บรรลุเป้าหมายของเรา ทำในส่วนตรงนี้ทำให้เรามีความรับผิดชอบมากขึ้น ทำให้เราโตขึ้น ยิ่งไปอยู่สาขาใหญ่ขึ้น งานเยอะ ลูกค้าเยอะ เป้าเยอะ ทำให้เราต้องรับผิดชอบมากขึ้น วิเคราะห์ ครั้งแรกที่ได้เห็น มีความรู้สึกว่าน้องคนนี้ ดูตลกๆดี ดูน่าจะไม่ค่อยเรียบร้อยมากนัก ดูแล้วน่าจะแก่นๆ แต่คิดว่าเรื่องเรียนน่าจะใช้ได้ เพราะโดยมากผู้หญิงมักจะเรียนดีกว่าผู้ชาย แต่พอได้คุยกันมารู้จักกลับพบว่า เป็นคนที่มีความพยายามสูงมาก มีความรับผิดชอบ และมีการตั้งความหวังไว้สูงมากในระดับหนึ่ง เป็นคนที่คิดจะทำอะไรก็จะทำอย่างตั้งใจ แต่ถ้าผลมันไม่ได้อย่างที่หวังก็จะหงุดหงิดตัวเอง วิธีแก้ไขก็แค่ปล่อยให้อยู่กับตัวเองซัก 3-4 ชั่วโมง เดี๋ยวก็ดีขึ้น แล้วค่อยพูดปลอบ ให้กำลังใจไป เป็นคนที่ไม่ยอมแพ้อะไรง่ายๆ มีความมุ่งมั่ยตั้งใจ และความพยายามสูงมาก สิ่งที่ตัวเราอยากจะกำจัดคือความมุ่งมั่นที่น้อยไป โดยอยากได้ความพยายาม ความรับผิดชอบ มาปรับใช้กับตัวเอง สิ่งที่อยากร่วมทำด้วย อยากร่วมธุรกิจที่เป็นคล้าย เพราะดูแล้วข้อดี ข้อด้อยเมื่อมารวมกันแล้วมันลงตัวพอดี เค้ามีความรับผิดชอบ มีความมุ่งมั่น ซึ่งทดแทนสิ่งที่เราขาดไปได้อย่างดี
น.ส. ปิยะภรณ์ รหัส 575740199-5 Y.16 Sec 21

กิจกรรม Theory U ( 10 ม.ค. 2559 )

ข้อมูลบุคคลที่ร่วมกิจกรรม : เฮีย


ก่อนฟัง : ความเชื่อเดิม ฉันคิดว่า เฮียเป็นคนเจ้าชู้ ไม่เอาการเอางาน ดูเหมือนเด็กติดเกม และไม่มีความรับผิดชอบ

หลังฟัง : ประทับใจมากที่สุดคือ เป็นคนกล้าทำมาหากินตั้งแต่เด็ก ยอมเสียสละเวลาวัยเด็ก คืออายุ 10 ขวบ ก็แค่วิ่งเล่น ไล่จับกัน แต่ต้องมารับผิดชอบขายน้ำอ้อย ทำมาหากินโดยไม่อาย มารับผิดชอบเลี้ยงน้องน้อง และจะทำอะไรจะนึกถึงครอบครัวมาอันดับแรก สิ่งที่ตัวเราอยากกำจัดคือ การนึกถึงอะไรเราจะไม่ค่อยนึกถึงครอบครัวเป็นอันดับแรก ซึ่งในตรงนี้เราไม่มี เราก็เลยอยากที่จะกำจัดออก อะไรที่อยากทำร่วมกัน การทำธุรกิจ ซึ่งในส่วนตรงนี้เราคิดว่าเขาไม่อายทำกิน ไม่หมิ่นเงินน้อย ไม่คอยวาสนา อยากได้อะไรเขาจะต้องแลกเหงื่อเพื่อให้ได้มันมา

สิ่งที่เหมือนกันกับตัวเอง : เป็นคนที่ไม่อายทำมาหากิน งานหนักก็เอา ไม่หมิ่นเงินน้อย เวลาไปโรงเรียนก็ชอบห่อข้าวไปกินที่โรงเรียน ตรงนี้ที่ไม่อายถึงเพื่อนคนไหนจะล่อ

มองตัวเอง สิ่งที่เหมือนกับเราคือ : เป็นคนที่ไม่อายทำมาหากิน งานหนักก็เอา ไม่หมิ่นเงินน้อย เวลาไปโรงเรียนก็ชอบห่อข้าวไปกินที่โรงเรียน ตรงนี้ที่ไม่อายถึงเพื่อนคนไหนจะล่อ รักเพื่อน มีความจริงใจให้กับเพื่อน ชอบช่วยเหลือคนอื่น

ความเหมือนระหว่างเรากับเขา : เป็นคนที่ไม่อายทำมาหากิน งานได้เงินทุกงานเราจะมุ่งเข้าไปทำ และเป็นคนที่ชอบเที่ยวเหมือนกัน รักเพื่อน

สิ่งที่ต้องการเพิ่ม : ต้องการที่จะทำอะไรมีความมั่นใจมากขึ้น รักครอบครัวให้เพิ่มมากขึ้น ให้นึกถึงครอบครัวให้มากขึ้น

สิ่งที่ต้องการลด : ลดความไม่มั่นใจในตัวเอง

สิ่งที่จะต้องรักษา : รักษาความจริงใจที่มีกับเพื่อน และรักครอบครัวให้มากขึ้น

สิ่งที่จะทำร่วมกัน : เปิดธุรกิจที่ชอบร่วมกัน

นางสาวพิรดา คูสกุลรัตน์ 575740210-3 sec.21

นางสาวพิรดา คูสกุลรัตน์

575740210-3 Y.16 Sec.21

กิจกรรม Theory U ( 10 ม.ค. 2559 )

ข้อมูลบุคคลที่ร่วมกิจกรรม: น้องสาว น้องได้พูดถึงแผนการในชีวิตต่อจากนี้ไปว่าเขาว่างแผนไว้เช่นไรบ้าง เพราะน้องบอกว่าเขาเหลืออีกแค่เทอมเดียวเขาก็จะเรียนจบแล้ว ได้พูดถึงแผนการเรียนต่อ ทำงาน เลี้ยงดูครอบครัวและการรับมือกับความเปลี่ยนแปลงต่างๆกับเหตุการณ์ที่อาจจะเกิดขึ้นในภายหน้า เพราะน้องคิดว่าการเรียนจบเป็นการเปลี่ยนสถานะของเขาจากที่เป็นเด็กที่ขอเงินพ่อแม่ใช้ ต้องให้พี่สาวและพ่อแม่ดูแลตลอด แต่เมื่อเขาเรียนจบไปสถานะเขาคือผู้ใหญ่เต็มตัวที่ต้องดูแลตัวเองให้ได้พร้อมทั้งต้องดูแล้วพ่อแม่ด้วย น้องบอกว่าถึงเห็นน้องดื้อๆไม่ฟังใครแบบนี้เป็นเพราะแค่อยากทำในสิ่งที่เขาชอบสิ่งที่เขารักแต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเขาไม่สนใจหรือไม่แคร์ความรู้สึกใคร ตัวเขาเองก็มีแผนที่จะทำให้ตัวเองสามารถดูแลพ่อแม่ได้และทำให้พ่อแม่ภูมิใจกันเด็กหัวดื้อคนนี้ และในเร็วนี้เขามีแผนการที่อยากขายเสื้อผ้าออนไลน์เพราะเป็นสิ่งที่เขาชอบและสนใจซึ่งมันจะทำให้เขามีรายได้เสริมและขอเงินพ่อแม่ใช้น้อยลง

1.ก่อนฟังคิดว่าเขาเป็นคนอย่างไร

น้องดูเป็นคนชอบเข้าสังคมมีเพื่อนเยอะชอบความสนุกสนาน ดูไม่ค่อยจริงจังกับสิ่งต่างๆ มองภายนอกอาจเห็นน้องเป็นคนไม่มีจุดมุ่งหมายในชีวิตไม่มีการวางแผนและทำตัวให้ครอบครัวต้องเป็นห่วง และไม่สนใจความรู้สึกของใครนอกจากตัวเอง

2.หลังจากการฟังแล้วสรุปว่าเขาเป็นคนอย่างไร

เมื่อได้รับฟังน้องแล้วก็ทำให้รู้ว่าน้องเป็นคนที่รักครอบครัวมากและมีการวางแผนชีวิตของตัวเองเป็นอย่างดี แต่เขาแค่ไม่เล่าแผนการที่เขาคิดไว้ว่าจะทำให้ครอบครัวฟังเท่านั้นเอง แต่ครอบครัวอาจคิดว่าน้องดื้อและตามกระแสเพื่อนเป็นคนติดเพื่อน อย่างเช่นที่น้องกล่าวว่าทุกคนอาจมองว่าเขาดื้อเขารู้ว่าพ่อแม่เป็นห่วงเขามากกว่าพี่สาว แต่ที่ดูว่าเขาติดเพื่อนนั้นเขาแค่คิดว่าการรู้จักกันรู้จักคนเยอะๆมันดีกว่าที่จะอยู่แค่สังคมแคบๆ เพราะถ้ารู้จักคนเยอะเราก็คัดกรองคนเอาเองคนที่ไม่ดีเราก็ไม่คบ ก็เลือกคบแต่คนดีๆที่จะทำให้เราดีขึ้น และสิ่งต่างๆที่เขาทำไปเพราะเขามีเหตุผลของเขา สิ่งที่เขาเลือกทำมันไม่ใช่สิ่งที่ไม่ดีแค่ไม่ตรงตามที่พ่อแม่ต้องการเท่านั้น สิ่งที่เขาเลือกเขาก็อยากพ่อแม่เข้าใจเพราะมันเป็นสิ่งที่เขาชอบ เขาคิดและวางแผนมาดีแล้วว่ามันจะทำให้ชีวิตเขาดีขึ้น เขาบอกว่าเขามีแผนการในชีวิตแล้ว เช่นเมื่อน้องเรียนจบน้องก็ตั้งใจจะหางานที่เขาชอบ มั่นคงและตรงสายที่เขาเรียนมาก่อนจึงค่อยจะวางแผนเรียนต่อตามที่พ่อแม่วางแผนไว้ให้ เขาเห็นพ่อแม่ลำบากแต่เลี้ยงเขามานั้นกลับไม่เคยให้เขาต้องลำบาก น้องจึงอยากทำให้พ่อแม่สบายและภูมิใจในตัวเขาให้ได้

3.สิ่งดีๆที่ได้จากเขา

น้องเป็นคนมีแผนในอนาคตเสมอในแต่ละช่วงเวลาต่างๆของเขา และน้องจะมีความพยายามทำให้แผนที่เขาวางไว้นั้นให้สำเร็จ เป็นคนมีเหตุผลในแบบของเขาเอง และสิ่งที่ประทับใจที่สุดคือเขารักครอบครัวและเขาอยากตอบแทนบุญคุณคุณพ่อคุณแม่อยากให้ท่านสบาย เช่นที่น้องเล่าให้ฟังว่าตอนนี้เขาเรียนปริญญาตรีก็มีอุปสรรคที่ทำให้เขาเกือบจบไม่ตามเกณฑ์ แต่เขาก็ว่างแผนและทำให้เขาสามารถจบตามเกณฑ์ 4 ปีได้ และเมื่อน้องเรียนจบน้องก็ตั้งใจจะหางานที่ชอบ งานที่มั่นคงและตรงสายที่เรียนมาก่อนจึงค่อยจะวางแผนเรียนต่อตามที่พ่อแม่ต้องการและวางแผนไว้ให้

กล้าที่จะทำสิ่งต่างๆที่ยังไม่เคยทำหรือกล้าจะสู้กับอุปสรรคต่างๆที่เข้ามา เช่นที่น้องพูดว่าน้องเป็นคนอ่อนภาษาอังกฤษ แต่เขาคิดว่าภาษาอังกฤษนั้นสำคัญเขาต้องเรียนรู้เพิ่มเติมมากกว่าคนอื่น ด้วยการไปเรียนเสริม ให้เพื่อนที่เก่งๆติวให้ หาหนังสือมาอ่านเพิ่มเติมในสิ่งที่ยังสงสัยอยู่ และเช่นที่น้องเล่าให้ฟังว่าตอนนี้เขาเรียนปริญญาตรีก็มีอุปสรรคที่ทำให้เขาเกือบจบไม่ตามเกณฑ์ แต่เขาก็ว่างแผนและทำให้เขาสามารถจบตามเกณฑ์ 4 ปีได้

4.ความเหมือนระหว่างเรากับเขา

สิ่งที่เหมือนกันคือเป็นคนรักครอบครัวพร้อมทำทุกอย่างเพื่อครอบครัว มีความระมัดระวัง มีการวางแผนทุกอย่างก่อนลงมือทำ และมักจะคิดก่อนทำเสมอ

5.ความต่างระหว่างเรากับเขา

น้องเป็นคนมีเหตุผลเป็นของตัวเองถ้าสิ่งๆนั้นเค้าคิดว่าถูกต้องสำหรับเขาแล้ว เป็นคนที่มีความกล้า ชอบสนุกสนานและชอบเข้าสังคมดังนั้นเขาจึงมีเพื่อนเยอะ แตกต่างกับเราคือเราเป็นคนใจเย็นรับฟังทุกคน บางทีไม่กล้าตัดสิ่งใจอะไรที่สำคัญๆเอง เป็นคนคิดมากจนทำให้บางทีเกิดความกลัวที่จะตัดสินใจอะไร ไม่ชอบเข้าสังคมถ้าไม่สนิทกับใครก็จะไม่ค่อยพูดจะเป็นคนเงียบๆ แต่หากสนิกกับใครก็จะเป็นคนพูดเยอะและเปิดใจพูดได้ทุกเรื่อง

6.สิ่งที่ฉันจะรักษาไว้ในตัวเองคือ

การรักครอบครัว การคิดถึงความรู้สึกของผู้อื่น ความใจเย็น ความนอบน้อม ความรอบคอบระมัดระวัง มีการคิดและว่างแผนก่อนจะทำสิ่งใด

7.สิ่งที่ฉันจะสร้างขึ้นใหม่ในตัวเองคือ

อยากจะสร้างความกล้าที่จะเจอในสิ่งที่กลัวหรืออุปสรรคต่างๆที่จะเข้ามา

8.สิ่งที่ฉันจะตัดทิ้งไว้ในตัวเองคือ

อยากจะตัดความกังวลและความกลัวในตัวเองออกไป

9.สิ่งที่จะสร้างสรรค์ร่วมกัน

อยากทำธุรกิจร้านเสื้อผ้าออนไลน์ร่วมกันเพราะเราสนใจในสิ่งนี้เหมือนกันชอบเหมือนกัน และต่างคนก็ถนัดกันคนละแบบจะได้ช่วยเหลือกันได้

นายอนิวรรต คูสกุล

นายอนิวรรต คูสกุล 575740271-3 Y.16 S.21

Theory U

ข้อมูลบุคคลที่ร่วมกิจกรรม : คุณ อนันต์ (นามสมมุติ)

ก่อนฟัง

คุณอนันต์ เป็นคนที่สุขุม เข้ากับคนอื่นได้ยาก ไม่ค่อยที่จะเข้าหาใคร

หลังฟัง

ตั้งแต่เด็ก ๆ คุณอนันต์อยู่ในครอบครัวที่สู้ชีวิต มาโดยตลอด เป็นครอบครัวคนจีน ที่ประกอบอาชีพค้าขาย จนกระทั่งวันหนึ่งคุณพ่อของคุณอนันต์ได้เสียชีวิตลง คุณอนันต์ในฐานะพี่ชายคนโต จึงต้องออกจากการเรียนมาช่วยทางบ้านค้าขายเพื่อส่งน้อง ๆ อีก 7 คน ในครอบครัวให้ได้เรียนหนังสือกันหมดทุกคน คุณอนันต์เป็นคนที่มีความมุมานะ อดทนต่อทุกอย่าง จนประสบความสำเร็จในการประกอบธุรกิจ มีธุรกิจเป็นของตัวเอง ส่งเสียน้อง ๆ ทั้ง 7 คนได้เรียนจนจบ ด้วยความพยายามที่จะไม่ย่อท้อต่อความยากลำบาก และความอดทนต่ออุปสรรคต่าง ๆ จึงทำให้ประสบความสำเร็จ

สิ่งที่ได้

ได้รู้จักความอดทน ความพยายาม จะนำพาให้ประสบความสำเร็จ

มองตนเอง

สิ่งที่เหมือนกันคือความพยายามที่จะทำอะไรแล้วต้องทำให้สำเร็จ แม้ว่ามันจะยากแค่ไหนก็ต้องทำให้ได้

สิ่งที่ต้องการพัฒนา

ความมีมนุษยสัมพันธ์กับคนในสังคม

สิ่งที่ต้องการรักษา :

ความอดทน ความพยายาม

สิ่งที่ต้องการกำจัด

ความโดดเดี่ยว เพราะเราไม่ได้อยู่คนเดียวในสังคม

สิ่งที่อยากสร้างสรรค์ร่วมกัน

ไปศึกษาการทำธุรกิจร่วมกันและ ต่อยอดธุรกิจร่วมกันในอนาคต เรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ จากสิ่งที่ผิดพลาดและบริหารความเสี่ยงไปพร้อมกัน

ข้อมูลบุคคลที่ร่วมกิจกรรม

เพื่อนทำงานธนาคาร และที่บ้านมีธุรกิจส่วนตัว เล่าว่าเมื่อก่อนเป็นคนพูดไม่เก่งเหมือนกันแต่พอได้ทำงานธนาคาร ต้องพูดบ่อยๆ เจอผู้คนมากมายถือเป็นการฝึกพูดไปในตัวจึงกลายเป็นคนที่พูดเก่ง ในระหว่างการทำงานก็มีอุปสรรคที่ต้องพบ แต่ก็สามารถผ่านพ้นไปได้ด้วยการแก้ปัญหา แต่บางสิ่งก็ต้องปล่อยผ่าน หลังเลิกงาน หรือวันว่างก็จะช่วยที่บ้านดูแลกิจการ ถ้าหากมีวันว่างหลายๆวันก็จะไปเที่ยวต่างจังหวัดกับเพื่อนๆ

1.ก่อนฟังคิดว่าเขาเป็นคนอย่างไร: ครั้งแรกที่ยังไม่รู้จักกันดีคิดว่าเพื่อนเป็นผู้ที่มีมนุษยสัมพันธ์ดี พูดเก่ง

2.ฟังแล้วสรุปว่าเขาเป็นคนอย่างไร: มนุษยสัมพันธ์ดี ชอบที่จะเรียนรู้ประสบการณ์ใหม่ๆจากประสบการณ์จริงของผู้อื่น รู้จักคนเยอะ รู้จักเอาตัวรอด ชอบท่องเที่ยว สามารถให้อภัยกับคนที่คิดไม่ดี ชอบให้โอกาสคน

3.สิ่งดีๆที่ได้จากเขา: ประสบการณ์การเอาตัวรอดบางอย่าง ที่เราคาดไม่ถึง ทำให้เราทราบถึงทางเลือกของการตัดสินใจที่มากขึ้น และหากเจอปัญหา บางสิ่งต้องแก้ไข แต่บางสิ่งก็ต้องปล่อยวาง

4.ความเหมือนระหว่างเรากับเขา: ชอบที่จะรู้จักผู้คนหลากหลายอาชีพ หลากหลายประสบการณ์ เป็นคนที่แคร์คนรอบข้างเหมือนกัน แต่ก็กล้าที่จะแสดงความคิดเห็นในสิ่งที่คิดว่าไม่ถูกต้อง

5.ความต่างระหว่างเรากับเขา: เพื่อนมีความกล้าที่จะทำความรู้จักกับผู้คน และด้วยงานที่ทำ ทำให้ได้พบเจอลูกค้าหลากหลายลักษณะนิสัย เพื่อนเลือกที่จะให้อภัยกับคนที่ทำไม่ดีต่อเพื่อน ยังสามารถพูดคุยกันได้ตามปกติ ต่างกับเราที่ต่อให้ ให้อภัยแล้วแต่ก็จะไม่ยุ่งกับบุคคลนั้นอีกต่อไป

6.สิ่งที่อยากเก็บไว้: ชอบที่จะเรียนรู้อะไรใหม่ๆ เป็นผู้ฟังที่ดี

7.สิ่งที่อยากกำจัดออก: กำจัดการไม่กล้าที่จะพูดให้มากขึ้น เพราะเราชอบพูดสั้นๆให้ได้ใจความ และสิ่งที่เราคิดว่าทำไม่ได้ ทั้งๆที่ยังไม่ได้ลงมือทำเนื่องจากยังไม่มีประสบการณ์ในการทำงาน

8.สิ่งที่จะสร้างสรรค์ร่วมกัน: ออกไปเที่ยว พบปะ สังสรรค์ ให้-รับคำแนะนำแก่กันในเรื่องเกี่ยวกับการวางตัว

9.สิ่งที่ควรเพิ่มเติมในตัวเรา: เนื่องจากเป็นคนที่ชอบรู้จักผู้คนใหม่ๆ แต่ไม่มีทักษะการพูดที่ดี ชอบที่จะฟังมากกว่าพูดจึงคิดว่าควรที่จะเรียนรู้การฝึกทักษะในการพูด และพูดให้มากขึ้น เรียนรู้สถานการณ์ที่เกิดขึ้นรอบตัวเพื่อที่จะทำให้เรามีเรื่องที่จะพูดกับผู้อื่นมากยิ่งขึ้น

นายณัฏฐพงษ์ อินทิตานนท์

นายณัฏฐพงษ์ อินทิตานนท์

575740153-9 y.16 s.21

คู่สนทนา ประกอบอาชีพ วิศวกร อายุ 25 ปี ได้เล่าถึงเรื่องต่างๆที่ได้เจอมาในชีวิตการทำงานปัญหา ณ ปัจจุบันที่เธอไม่เคยบอกใครนอกจากพ่อ-แม่ รวมทั้งความฝัน และงานอดิเรก สิ่งที่ตัวเธอนั้นชอบทำ

1. ความเชื่อเดิมกับคู่สนทนา เธอเป็นคนที่ไม่ค่อยมีปัญหามากนัก ร่าเริงแจ่มใส่อยู่ตลอดเวลา ไม่สนใจคำพูดต่างๆที่ทำให้เกิดอุปสรรค เธอชอบทำงานเป็นลูกจ้างที่ดี รักเพื่อฝูง พี่น้อง มาก จริงจังกับชีวิต ชอบท่องเที่ยว

2. เห็นกับตา หลังฟัง เธอเป็นคนที่จริงจังกับการทำงาน มีความคิดเป็นของตัวเอง กล้าพูดกล้าทำ พยายามทำงานที่ได้รับมอบหมายให้สำเร็จ สร้างสรรค์สิ่งต่างๆ แต่ยังมีความกลัวปัญหาต่างๆจากการงาน ไม่พอใจกับคำว่าร้ายของคนอื่นที่เกิดจากการงาน โดยสิ่งที่ถูกตำหนินั้นไม่เป็นจริง ชอบท่องเที่ยว

3. รู้สึก เธอเป็นคนที่มีความคิดเป็นของตัวเอง พยายามหาสิ่งต่างๆที่จะสามารถพัฒนาตนเองได้และเป็นคนที่อยากมีกิจการเป็นของตัวเอง มีความรู้สึกที่รุนแรงต่อสิ่งที่ตนเองไม่ได้ทำ เป็นคนที่รัก เพื่อนฝูง พี่น้อง เกรงใจเห็นอกเห็นใจ

4. ปลดปล่อยความเชื่อ จากตอนแรกคิดว่าเธออยากทำงานไปเรื่อยๆ แต่จริงๆแล้วเธออยากมีอิสรภาพทั้งด้านการงานและการเงิน

5. เราคือใครงานของเราคืออะไร ตัวผมเอง เป็นคนที่คิดอะไรจะตัดสินใจลงมือทำทันที ไม่คิดหน้าคิดหลัง หรือกลัวว่าใครจะมีปัญหาอะไร ไม่สนใจคำพูดของคนอื่น เชื่อมั่นในตนเองมากเกินไป อยากจะมีธุรกิจเป็นของตัวเองมองธุรกิจ hostel เหมือนกัน ชอบท่องเที่ยว

6. เปิดรับความคิดใหม่ๆ

สิ่งที่ต้องละทิ้ง การไม่สนใจความรู้สึกคนอื่น การคาดความรอบคอบในการคิดสิ่งต่างๆ

สิ่งที่ต้องรักษา การที่ตนเองเป็นคนชอบหาความรู้ต่างๆอยู่เสมอ

สิ่งที่ต้องเพิ่ม การหาความคิดสร้างสรรค์ การจริงจังกับงานที่ตนเองต้องรับผิดชอบ

7. สร้างวิสัยทัศน์ร่วมกัน พยายามเข้าใจตัวเองและเพื่อนร่วมงานให้มากขึ้น มองหาสิ่งต่างๆที่น่าสนใจจากการท่องเที่ยวเพื่อหาความคิดใหม่ๆในการลงมือทำธุรกิจร่วมกัน รวมทั้งการวางแผนทางการเงิน

8. วางแผนสร้างสรรค์ร่วมกัน หาสิ่งแปลกใหม่จากการท่องเที่ยวร่วมกัน โดยมองว่าจะทำธุรกิจ Hostel

9. สร้างสรรค์ร่วมกัน วางแผนไปเที่ยวต่างประเทศช่วงเดือนมีนาคม ให้คำปรึกษาถึงเรื่องหนังสือที่น่าสนใจ วางแผนทางการเงิน ในช่วงนี้ และลงทุนทำธุรกิจ Hostel ร่วมกันช่วงอายุ 30 ปี

ชนิดา โมทอง 575740140-8 Y16 sec21

ชนิดา โมทอง รหัสนักศึกษา 575740140-8 Y16 sec21

บุคคลที่ร่วมกิจกรรม : เพื่อน นศ. มหาวิทยาลัยขอนแก่น

ความเชื่อเดิม สมมติฐานเดิม: เป็นคนที่ไม่ค่อยจริงจังในชีวิตเท่าไร ติดเพื่อน ติดเที่ยว ติดเล่น ไม่ค่อยสนใจคนอื่น

เห็นกับตา สิ่งที่ได้พบเจอ : เป็นคนที่ตั้งใจจริงในการที่จะทำอะไร เช่น ขยันหาตังค์ระหว่างเรียน พาร์ทไทม์ ขายของจากที่เล่ามาคือเคยทำร้านสุกี้ช่วยเตรียมของเสิร์ฟ เป็นสต๊าฟงานต่างๆ งานช่วยเก็บแบบสอบถาม ช่วยวิศวกรตกแต่งบ้านโครงการ เป็นต้น เขาสามารถอดทนต่อสถานการณ์ที่ยากลำบากได้ ปรับตัวได้ และกล้าที่จะเรียนรู้อะไรใหม่ๆเป็นคนที่รักสัตว์ ใจดี ชอบช่วยเหลือผู้อื่นเพื่อน พี่ น้อง มีมนุษยสัมพันธ์ที่ดี และรักครอบครัวมาก คือต้องโทรคุยกับแม่ทุกวัน

จุดร่วม จุดต่าง: จุดร่วมคือมีเป้าหมายในการอยากหารายได้ระหว่างเรียน ชอบในการค้าขาย ชอบช่วยเหลือคนอื่นจิตใจดี ชอบเที่ยวทะเลเหมือนกัน อยากเที่ยวในที่ๆไม่เคยไป เรียนรู้สถานที่ท่องเที่ยวใหม่ๆในไทย

: จุดต่าง อาจจะชอบคนล่ะแนวมีความสนใจที่จะหารายได้คนล่ะแบบ มีความอดทนและความพยายามต่างกัน

สิ่งที่อยากกำจัด : ความกลัวในการที่จะเริ่มต้นอะไรใหม่ๆ เรียนรู้งานที่หลากหลาย ความกลัวในการทำสิ่งที่ไม่คุ้นเคย

สิ่งที่อยากเก็บไว้: ความรักและห่วงใยครอบครัว ขยัน อดทน พยายาม พร้อมและไม่กลัวที่จะเรียนรู้อะไรใหม่ๆ

สร้างสรรค์ร่วมกัน: สร้างสรรค์ร่วมกันคือ ช่วยกันหารายได้ อาจจะหาตามความชอบของตนเอง แต่ช่วยเหลือกันในเรื่องการประชาสัมพันธ์ การจัดการ การออกแบบ และให้คำแนะนำในมุมมองที่แตกต่างกัน และสิ่งที่สร้างสรรค์ร่วมกันล่าสุดคือประกาศหาบ้านให้สุนัขที่เกิดใหม่ในบริเวณ มข. สุนัขเป็นสุนัขที่เลี้ยงที่หอไม่มีเจ้าของ พอออกลูกมาก็เลยไม่มีคนเลี้ยง เลยช่วยดูแลชั่วคราวและประกาศหาเจ้าของ นี่คือสิ่งที่ได้สร้างสรรค์ร่วมกันแล้ว

นางสาวสุภาวินี กิจมานะ 575740263-2 sec.21 Y16

นางสาวสุภาวินี กิจมานะ 575740263-2 Sec.21 Y16

กิจกรรม Theory U

ข้อมูลของผู้เข้าร่วมกิจกรรม : เพื่อน อายุ 25 ปี

1. ก่อนฟังคิดว่าเขาเป็นคนอย่างไร : คิดว่าเขาเป็นคนขี้เกียจ ไม่เอาไหน ดื้อรั้น

2. ฟังแล้วสรุปว่าเขาเป็นคนอย่างไร : จากที่ได้ฟังเพื่อนเล่าประสบการณ์วัยเด็กทำให้ทราบว่า สมัยเรียนเขาไม่ตั้งใจเรียน ขี้เกียจ มาสอบพอให้ผ่านๆไป พอติดศูนย์ก็มาแก้ให้ผ่านๆ ติดเกมส์ ชอบโดดเรียนเพื่อไปเล่นเกมส์กับเพื่อน ในตรงกันข้ามพี่ชายเขาเป็นเด็กเรียนสอบติดคณะเภสัช พอใกล้ถึงเวลาที่จะสอบโค้วต้า ในความหวังของพ่อแม่อยากให้ลูกเรียนสายแพทย์ แต่มองความเป็นไปได้แล้วลูกคงไม่สามารถสอบได้ จึงอยากให้ลูกสอบเข้าคณะวิศวะ เพราะมองว่าเป็นสายวิชาที่สามารถหางานได้ง่าย ในช่วงเวลานั้นเขาจึงเริ่มคิดได้ หันมาตั้งใจติวหนังสือ สลัดความขี้เกียจออก มุ่งมั่นตั้งใจ แอบเพื่อนๆที่เกเรด้วยกันออกมาติวเข้มเพื่อที่จะสอบโค้วต้าให้ติด เพื่อทำให้พ่อแม่ภูมิใจ ผลสุดท้ายเขาเอ็นท์ติดคณะวิศวกรรมศาสตร์ มข. และในปัจจุบันนี้กำลังต่อป.โท ที่จุฬาฯ และทำให้รู้ว่าเขาไม่ได้เป็นคนที่เรียนเก่ง สอบได้ที่หนึ่ง แต่ด้วยความที่เขามีความตั้งใจ ความขยัน ทำให้นำพาเขามาถึงจุดๆนี้ได้ และเขาเป็นคนชอบเที่ยวมากทั้งในและนอกประเทศ การเที่ยวเป็นการพักผ่อนสมองและกาย ทำให้เวลากลับมาเรียน มีพลังมากขึ้น

3. สิ่งดีๆที่ได้จากเขา : ความขยัน ตั้งใจ เอาเป้าหมายเป็นที่ตั้ง แล้วพยายามไปให้ถึงเป้าหมายที่ตัวเองตั้งไว้

4. ความเหมือนระหว่างเรากับเขา : เป็นคนที่ไม่เก่ง แต่มีความขยัน

5. ความต่างระหว่างเรากับเขา : เขาจะเอาเป้าหมายเป็นที่ตั้งและพยายามไปให้ถึงเป้าหมาย แต่เราถ้าระหว่างทางท้อ จะหยุดคิดและทำให้ไปไม่ถึงเป้าหมาย

6. สิ่งที่ต้องการเพิ่ม : ความมั่นใจ และทักษะความรู้ เพราะเขาไม่ใช่คนเก่ง ดังนั้นต้องหมั่นเพิ่มความรู้หรือทักษาะด้านการเรียนเสมอ

7.สิ่งที่ต้องการเก็บไว้ : ความมุมานะ ความขยัน ความตั้งใจ

8. สิ่งที่ต้องการกำจัดออก : ความไม่มั่นใจในการทำอะไรซักอย่าง ต้องคอยถามคนอื่นย้ำก่อนเสมอ

9. สิ่งที่จะสร้างสรรค์ร่วมกัน : วางแผนไปเที่ยวให้ครบทั้ง 77จังหวัด เพราะเค้าจะเป็นคนที่เวลาจะไปไหน ทำอะไร จะมีการวางแผนอย่างดี เพื่อไม่ให้เสียเวลา

นายปณิธาน ภิรมย์คำ 575740189-8 Y.16 Sec.21

Theory U

ข้อมูลบุคคลที่ร่วมกิจกรรม : เป็นลูกค้าที่ดูแลอยู่ ชื่อ นาย B

ก่อนฟัง

มองจากท่าทางแล้วน่าจะเป็นคนดุ เมื่อพูดคุยด้วยแล้วควรจะระมัดระวังคำพูด

หลังฟัง

เค้าได้เล่าเกี่ยวกับปัญหาที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน เค้าประกอบอาชีพ ธุรกิจส่วนตัว ทำเกี่ยวกับ สถานีคลื่นวิทยุ รับงานอีเว้นต์ ช่างภาพ ตัดต่อวีดีโอ งานออกาไนท์ ต่างๆ ตั้งแต่ดำเนินธุรกิจมากว่า 20 ปี ไม่เคยเจอสถานการณ์หนักมากถึงขนาดนี้ อาจเป็นเพราะการบริหารจัดการที่ผิดพลาดในการขยายธุรกิจ และในช่วงหลังงานน้อย และยังมีการควบคุมโครงข่ายด้านการสื่อสารทางวิทยุ จากทางรัฐบาล ซึ่งเงินหมุนเวียนทางธุรกิจส่วนใหญ่ของเขามาจากหน่วยงานรัฐและงานอีเว้นต์ ล่าสุดเค้าก้อใจชื้นขึ้นมาหน่อย เนื่องจากได้ว่าจ้าง ถ่ายภาพ บันทึกวีดีโอ จากองค์กรแห่งหนึ่ง ซึ่งผลตอบแทนที่ได้ก็พอพยุงสถานะได้ในระดับหนึ่ง แต่ก็ยังไม่พ้นวิกฤต เขาบอกว่าในถ้าผู้ของครอบครัวเขาจะสู้ถึงที่สุดเพื่อให้ครอบครับผ่านพ้นวิกฤตเหล่านี้ได้

สิ่งที่ได้

ได้เห็นถึงความเป็นผู้นำ และยอมรับกับข้อผิดพลาดที่เกิดขึ้น

มองตนเอง

ใจยังอ่อนไหวง่าย แต่ก้อพร้อมสู้ถ้าเจอปัญหาเข้ามาในชีวิต

สิ่งที่ต้องรักษา

เล็งเห็นครอบครัวเป็นสำคัญ

สิ่งที่ต้องกำจัด

กำจัดขอผิดพลาดในชีวิต ด้วยการวางแผนก่อนจะทำอะไรอย่างรอบคอบ

สิ่งที่อยากสร้างสรรค์ร่วมกัน

ให้คำปรึกษาและหาทางออกร่วมกัน ในการหาตลาดลูกค้าและ่สร้างไอเดียทางธุรกิจ เพื่อสร้างรายได้ที่เพิ่มขึ้น

นายอัศวิน อัครวรรณ 575740279-7 Y.16 Sec.21

Theory U

คู่สนทนา: เพื่อนนักฟุตบอลอายุ27ปี

ข้อมูลบุคคลที่ร่วม

เป็นลูกชายคนเดียวของครอบครัว จบการศึกษาปริญญาตรีจากคณะศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น ปัจจุบันทำงานเป็นผู้รับส่งอะไหล่ของบริษัทพานาโซนิค จังหวัดขอนแก่น

1. ก่อนฟังคิดว่าเขาเป็นคนอย่างไร

น่าจะเป็นคนเอาแต่ใจ เพราะเป็นลูกชายคนเดียวของครอบครัว ดูไม่ค่อยเอาการเอางานเท่าไหร่

2. ฟังแล้วสรุปว่าเขาเป็นคนอย่างไร

จากที่ฟังแล้วรู้สึกว่า คำที่บอกว่า อย่ามองคนที่ภายนอกนั้น ใช้ได้กับคนๆนี้จริงๆ เพราะเพื่อนคนนี้มีความรับผิดชอบต่อตัวเองและครอบครัวมาก ไม่ได้เอาแต่ใจอย่างที่คิดกลับกันยังเป็นคนที่ยอมรับความคิดเห็นของผู้อื่น มีความอดทนต่องานและหน้าที่ที่ได้รับมอบหมาย นอกจากนี้เพื่อนคนนี้ยังชอบเล่นกีฬาฟุตบอลสามารถได้แชมป์มามากมาย แสดงให้เห็นถึงการฝึกซ้อมและความมุ่งมั่นต่อสิ่งที่ตัวเองรักอย่างชัดเจน

3.สิ่งดีๆที่ได้จากเขา

ความรับผิดชอบต่อหน้าที่ ความอดทนในเรื่องของการทำงาน และความพอเพียงไม่ฟุ่มเฟือย

4. ความเหมือนระหว่างเรากับเขา

มีความรักในกีฬาฟุตบอลเหมือนกัน และมีความรับผิดชอบต่อหน้าที่ที่ได้รับมอบหมาย

5. ความต่างระหว่างเรากับเขา

การกล้าตัดสินใจ เพื่อนยังตัดสินใจในเรื่องต่างๆที่เข้ามาได้ยังไม่ดีพอ ต้องอาศัยคนอื่นคอยแนะนำ

6. สิ่งที่อยากรักษา

ความจริงใจที่มีและความรับผิดต่อตนเองและหน้าที่อื่นๆ

7. สิ่งที่อยากกำจัดออก

ความไม่เชื่อมั่นในตัวเอง

8. สิ่งที่จากเพิ่ม

เพิ่มความเชื่อมั่นในตัวเองและความกล้าในการตัดสินใจในเรื่องต่างๆ

9. สิ่งที่จะสร้างสรรค์ร่วมกัน

แข่งขันฟุตบอลในทีมเดียวกันให้ได้รางวัลชนะเลิศระดับประเทศ ในอนาคตอาจจะร่วมกันทำธุรกิจสักอย่าง

นายอนันตเดช ชลายนนาวิน 575740270-5 Young Executive 16 Sec.21

Theory U

ข้อมูลของผู้เข้าร่วมกิจกรรม : น.ส.ธิติพร เนตรรังษี (เพื่อนคนสนิท)

1. ก่อนฟังคิดว่าเขาเป็นคนอย่างไร : คิดว่าเค้าเป็นผู้หญิงที่หยิ่งและชอบทำหน้าตาอารมณ์เสียอยู่ตลอดเวลา ดูเป็นคนที่ทำท่าคิดมากเกี่ยวกับเรื่องราวต่าง ๆ อยู่ตลอด และชอบเครียดไปกับสิ่งแวดล้อมรอบ ๆ ตัว เฮฮาเวลาที่ได้ใช้เวลาอยู่กับสิ่งที่ตนชื่นชอบ

2. ฟังแล้วสรุปว่าเขาเป็นคนอย่างไร : จากการที่ฟังเรื่องราวของเค้า ทำให้รู้ว่าเราทั้งสองคนมีจุดร่วมและจุดที่แตกต่างกันหลายจุด เช่น เค้าเป็นคนที่ยึดติดกับเรื่องราวในอดีตมากพอสมควร ตัดสินใจได้เด็ดขาดในหลาย ๆ เรื่องและมีความดื้อรั้นในตัวเองสูง จะไม่ฝืนทำอะไรที่ไม่ชอบเลย แต่ในบางเวลาก็จะมีความจริงจังกับชีวิตมาก ที่เป็นแบบนี้เพราะพื้นฐานครอบครัวของเราแตกต่างกัน ตัวข้าพเจ้านั้น จะมีการตัดสินใจไม่เด็ดขาดบ้าง แต่จะไม่ยึดติดอยู่กับอดีตที่ผ่านไปแล้ว และเค้าเป็นคนที่มักจะเรียนรู้สิ่งต่าง ๆ ได้ดีแต่มักจะเบื่อหน่ายง่ายเอาได้ง่าย ๆ ยึดมั่นกับความคิดตัวเองอยู่เสมอและมีความมั่นในใจตัวเองสูง ถ้าสนิทกับใครจะให้ความเป็นมิตรแบบเต็มที่

3. มองตัวเอง : จุดที่เราและเค้ามีร่วมกันคือ แคร์ความรู้สึกของคนใกล้ตัว ชอบท่องเที่ยวและเสพรับข่าวสารในด้านเดียวกัน จริงจังกับความรักที่มี แยกแยะความหนักเบาและความสำคัญของปัญหา จุดที่แตกต่างกันคือ เค้าจะมีความเป็นตัวของตัวเองสูงมากจนเกินไป ทำให้บางครั้งจะมีการตัดสินใจทำอะไรบางอย่างแบบสุดโต่ง ชอบคิดมาก ขี้กังวลจนทำให้ยอมแพ้กับปัญหาเอาง่าย ๆ ในบางเรื่อง

4. สิ่งที่ต้องการพัฒนา : ต้องการที่จะมีความเด็ดขาดในการตัดสินใจทำอะไรสักอย่างในชีวิต เพื่อให้ได้ทางเดินที่เราคิดว่าเหมาะสมกับเรามากที่สุด และเราจะไม่เสียใจภายหลังกับมัน

5. สิ่งที่ต้องการกำจัด : นิสัยที่มีความคิดที่ขี้กังวล คิดมากในบางเรื่อง และไม่ต้องแบกรับปัญหาทั้งหมดไว้บนบ่า ไม่เด็ดขาดเวลาที่ต้องเลือกทางเดินในชีวิต

6. สิ่งที่ต้องการรักษาไว้ : ความมั่นใจในตัวเองและความกล้าที่จะตัดสินเลือกทางเดินให้ตัวเอง มองโลกในแง่ดีและเปิดใจให้กว้างสำหรับสิ่งต่าง ๆ รอบตัวเรา

7. สิ่งที่จะสร้างสรรค์ร่วมกัน : เดินออกไปท่องเที่ยวหาประสบการณ์ด้วยกัน เพื่อเปิดโลกให้กว้างขึ้น หาแรงบันดาลใจในการทำเรื่องต่าง ๆ เพื่อนำมาปรับใช้ ไม่ว่าจะเป็นการใช้ชีวิต การทำธุรกิจ หรือการดูแลครอบครัวก็ตาม

นายปริวรรต ขันตี รหัสนักศึกษา 575740099-9 Y.16 Sec.21

นายปริวรรต รหัสนักศึกษา 575740099-9 Y.16 Sec.21

กิจกรรม Theory U ( 10 ม.ค. 2559 )

กิจกรรม จากการฟัง คุณ วรรณิดา (แฟน)

1. ก่อนฟังคิดว่าเขาเป็นคนอย่างไร

เป็นบุคคลที่มีน้ำใจ เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ เป็นคนเงียบๆ พูดจาสุภาพไพเราะ ชอบเล่นดนตรี ไม่ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์

2. ฟังแล้วสรุปว่าเขาเป็นคนอย่างไร

เป็นคนที่มีความขยัน อดทน ร่าเริง สนุกสนาน ชอบร้องเพลง มีความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ มีน้ำใจ ชอบร้องเพลง ขี้อ้อน ไม่ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และเป็นคนทำอะไรที่มีความรอบคอบ มีเหตุผล รับฟังผู้อื่น

3. สิ่งดีๆที่ได้จากเขา

ความขยัน ความอดทน มีความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ มีน้ำใจ อ่อนน้อมถ่อมตน และเป็นคนทำอะไรที่มีความรอบคอบ มีเหตุผล รับฟังผู้อื่น

4. ความเหมือนระหว่างเรากับเขา

มีความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ มีน้ำใจ อ่อนน้อมถ่อมตน ชอบเล่นดนตรี

5. ความต่างระหว่างเรากับเขา

เขาเป็นคนไม่ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ทำอะไรที่มีความรอบคอบ ความขยัน ความอดทน มีเหตุผล รับฟังผู้อื่น

6. สิ่งที่อยากเก็บไว้

ความรอบคอบ ความขยัน ความอดทน มีเหตุผล รับฟังผู้อื่น

7. สิ่งที่อยากกำจัดออก

ลดการอยากเอาชนะ มาค่อยรู้จักยอมคนอื่น ลดความเฮฮาเล่นมากเกินไป

8. สิ่งที่จะสร้างสรรค์ร่วมกัน

ความยุติธรรม ความถูกต้อง ความขยัน ความอดทน และการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นซึ่งกันและกัน

นายคมสรรค์ เถาว์หมอ รหัส 575740125-4 รุ่น Young 16 Sec. 21

กิจกรรม Theory U (10 ม.ค.2559)

ข้อมูลบุคคลที่เข้าร่วมกิจกรรม

คุณ ฟิวส์ (นามสมมุติ) ทำธุรกิจเกี่ยวกับการขายสินค้าทางออนไลน์ รู้จักกับคุณ ฟิวส์ มาเป็นระยะเวลา 7 ปี ที่มีความสนใจอยากให้คุณฟิวส์แชร์ประสบการเพราะเห็นว่าคุณฟิวส์เป็นผู้ที่ประสบความสำเร็จในการประกอบอาชีพ และเป็นอาชีพที่ตนเองสนใจ

1.ก่อนฟังคิดว่าคุณฟิวส์เป็นคนอย่างไร

คุณฟิวส์เป็นบุคคลที่ประสบความสำเร็จในสายอาชีพขายสินค้าออนไลน์ เป็นคนที่มีมนุษยสัมพันธ์ดี อุปนิสัยร่าเริงแจ่มใส เป็นมิตร เข้ากับบุคคลอื่นได้ง่าย มีความมั่นใจในตนเองสูง และเป็นคนที่มีความขยันอดทน

2.หลังจากได้รับฟังเรื่องราวแล้วรู้สึกเป็นอย่างไร

คุณฟิวส์เล่าถึงประสบการณ์ตั้งแต่เริ่มต้นทำธุรกิจการขายสินค้าทางออนไลน์เป็นครั้งแรกว่าเริ่มต้นจากการชักชวนของญาติโดยช่วงแรกนั้นคุณฟิวส์ยังไม่มีความมั่นใจในตนเองเลยว่าจะสามารถขายสินค้าและสร้างรายได้จากการขายสินค้าทางออนไลน์ได้เลยเพราะช่วงแรกนั้นเจออุปสรรคจากการขายหลายอย่าง ทั้งโดนต่อว่าจากลูกค้าก็หลายครั้งจนรู้สึกท้อแท้และหมดหวัง แต่ด้วยความมุมานะและอดทนต่อนานาปัญหาคุณฟิวส์ก็ยังขายสินค้าอย่างต่อเนื่องจนกระทั้งเป็นที่น่าเชื่อถือโดยเริ่มมีคนเข้ามาสมัครเป็นตัวแทนขายให้กับคุณฟิวส์จาก 1 เป็น 2 จาก 2 เป็น 3 จนปัจจุบันมีตัวแทนขายของคุณฟิวส์มากกว่าร้อยราย สร้างรายได้ในการการและค่าคอมมิตชั่น ให้คุณฟิวส์เป็นจำนวนมาก ทุกครั้งที่เธอคิดย้อนกลับไปเธอยังนึกขอบคุณตนเองทุกครั้งที่อดทนต่อทุกปัญหาจนเธอมีวันนี้ได้ คุณฟิวส์กล่าว

3.สิ่งดีๆที่ได้รับจากคุณฟิวส์

ความอดทนต่อสู้กับปัญหา การมีความหวังเป็นไม่หมดกำลังใจ ความขยันหมั่นเพียร ความมุมานะ

4.ความเหมือนระหว่าเรากับคุณฟิวส์

ถึงแม้ว่าเรากะคุณฟิวส์จะประกอบอาชีพที่แตกต่างกันแต่สิ่งที่มีเหมือนกันคือความอดทนทนอดกลั้นต่องานที่ทำและขยันหมั่นเพียร

5.สิ่งที่แตกต่างจากเรา

ความมั่นใจในตนเอง การกล้าเผชิญกับทุกอุปสรรค ความเด็ดเดียวต่อสู้ยืนหยัด เพราะเรายังขาดสิ่งนี้อยู่มาก

6.สิ่งที่อยากเก็บไว้

ความมุ่งมั้นตั้งใจ,ความกล้าเผชิญกับปัญหาและอุปสรรค,การยืนหยัดต่อสู้กับปัญหา

7.สิ่งที่อยากกำจัดออก

ความกลัวในการเริ่มต้นทำสิ่งใหม่,ความท้อแท้

8.สิ่งที่อยากสร้างสรรค์ร่วมกัน

สมัครเป็นตัวแทนขายสินค้าทางออนไลน์โดยคุณฟิวส์เป็นแม่ทีม

ปภาวรินทร์ ปิยมาตย์

น.ส.ปภาวรินทร์ ปิยมาตย์ 575740191-1 Y.16 sec.21

กิจกรรม Theory U

ผู้ร่วมกิจกรรม : น้องชาย ทำธุรกิจส่วนตัว

น้องเล่าเรื่องชีวิตช่วงเรียนมัธยม ปวช. ปวส. จนถึงชีวิตปัจจุบัน ทั้งในเรื่องการดำเนินชีวิต การเรียน เพื่อน และการทำงาน

ก่อนฟังคิดว่าเขาเป็นคนอย่างไร?

คิดว่าน้องเป็นคนเกเร ชอบเที่ยว

หลังฟัง

น้องเป็นคนอัธยาศัยดี เพื่อนเยอะ มีความรับผิดชอบ จัดการความสมดุลในชีวิตได้ดี ทั้งเรื่องงาน เที่ยว และเวลาของครอบครัว

สิ่งที่ดีที่ได้จากการฟัง

การทำความรู้จักกับเพื่อน และการรักษาความสัมพันธ์ และการจัดการเวลา

สิ่งที่เห็นเมื่อมองตนเอง

ความเหมือน : ความรับผิดชอบ และการกลับมาทำธุรกิจที่บ้าน พร้อมกับดูแลทุกคนในครอบครัว

ความแตกต่าง : น้องชอบสังสรรค์เฮฮา แต่เราไม่ชอบ

สิ่งที่ต้องการเก็บรักษาไว้

ความรับผิดชอบ

สิ่งที่ต้องการกำจัด

การไม่กล้าตัดสินใจ ไม่กล้าลองทำสิ่งใหม่

สิ่งที่อยากสร้างสรรค์ร่วมกัน

ธุรกิจรับจัดงานเลี้ยง

น.ส.แก้วผกา สารีรัตน์ 575740121-2 sec.21 Y.16

กิจกรรม Theory U

ผู้ร่วมกิจกรรม : คุณ บ. อายุ 26 ปี (เพื่อนสนิท)

คุณบ. ประกอบอาชีพ เภสัชกร ชีวิตประจำวันทำงานประจำที่โรงพยาบาลในจังหวัดอยุธยา และทำงานพิเศษหลังเลิกงาน ทุกวันจันทร์-อาทิตย์ ไม่มีวันหยุดแม้แต่วันหยุดราชการ กว่าจะมาถึงจุดนี้ได้ตอนเรียนมัธยม ต้องตั้งใจอ่านหนังสือมากๆ อยากสอบติดอาชีพอะไรก็ได้ที่เป็นสายแพทย์เพราะเชื่อว่าเป็นอาชีพที่มีวิชาชีพติดตัว สามารถสร้างรายได้เยอะๆให้ครอบครัวสบายได้ มีการวางแผนชีวิตและการใช้เงินอย่างคุ้มค่า ตั้งใจทำงาน อัพเดตความรู้ในอาชีพและคิดหาวิธีที่สร้างรายได้เสริมอยู่บ่อยๆ เช่น ธุรกิจ ลงทุนในหุ้น กองทุน เงินที่หามาได้ต้องส่งให้พ่อแม่และน้องที่กำลังเรียนหนังสืออีก 2 คน จึงได้วางแผนที่จะมีธุรกิจเป็นของตัวเองในอีก 4 เดือนข้างหน้า โดยส่วนตัวเป็นคนที่มีเพื่อนน้อยมากแต่มีคุณภาพ เวลาเครียดจากงานจะเล่าให้เพื่อนฟังแค่ไม่กี่คน ส่วนมากจะมีวิธีการขจัดความเครียดความกังวลได้ด้วยตัวเอง คิดอยู่เสมอว่าชีวิตต้องเดินต่อไป จะไม่ปล่อยเวลาให้เปล่าประโยชน์ในเรื่องที่ไม่เป็นเรื่องและเรื่องที่ผ่านมาแล้ว

ก่อนฟัง

เป็นคนขยันเรียน ขยันทำงาน รู้จักอดออม มีการวางแผนในชีวิต ฉลาดแต่ไม่ค่อยรู้จักเข้าสังคม จะมีสังคมของตัวเอง ไม่ยอมรับฟังความคิดเห็นของคนอื่น

หลังฟัง

เป็นคนที่มีความกตัญญูต่อพ่อแม่มาก รักครอบครัวมาก คุณบ.บอกว่า ตอนยังเด็กคิดว่าอาชีพทางสายวิชาชีพจะสามารถสร้างรายได้มากๆ จึงเลือกเรียนอาชีพนี้ หลังจากเรียนจบ คุณบ.ตั้งใจที่จะเป็นข้าราชการเพื่อสวัสดิการต่างๆให้แก่ครอบครัวและสามารถนำเอาวิชาชีพมาทำงานพิเศษนอกเหนือจากงานประจำได้ คุณ บ.เป็นคนที่มีอะไรก็คิดถึงครอบครัวเป็นอันดับแรก คุณบ.ได้กล่าวว่าตัวเองลำบากไม่เป็นไร ขอให้พ่อแม่สบาย เวลาพ่อแม่อยากได้อะไรก็จะหาให้เลย ไม่ต้องรอเก็บเงินเป็นก้อนแล้วให้ทีเดียว คุณบ.เป็นคนที่คิดมุ่งไปข้างหน้า คิดถึงอนาคตและสิ่งที่ทำในปัจจุบันให้ดีที่สุด เป็นคนที่มีความละเอียดรอบคอบและการวางแผนในการใช้ชีวิตประจำวันอย่างมาก เช่น การจัดตารางการทำงาน ตั้งใจจดจ่อในงานที่ทำเพื่อไม่ให้เกิดความผิดพลาด เพราะการจ่ายยาที่ผิดพลาด น้อยไปหรือมากไป จะส่งผลต่อคนไข้ได้ คุณบ.ไม่ชอบเข้าสังคมเพราะว่าไม่อยากวุ่นวายกับใคร ไปไหนมาไหนคนเดียวได้สะดวก คิดแค่ว่าวันนี้เลิกงานประจำ ก็ไปทำงานต่อ ไม่ต้องกลัวเวลาที่ต้องปฎิเสธเวลามีคนอื่นชวนไปที่อื่น

สิ่งที่ได้ ที่ประทับใจ

คุณบ.สามารถเป็นตัวอย่างที่ดีในการประสบความสำเร็จในการเรียนและการทำงานได้ มีแนวคิดที่รอบคอบ มีการวางแผนในการดำเนินชีวิต มีกระบวนการคิดเป็นขั้นตอน คิดถึงคนรอบข้างและใส่ใจในรายละเอียดเล็กๆ

สิ่งที่เหมือนกัน

เป็นคนที่รักครอบครัว

อะไรที่แตกต่างกับเรา

ความขยัน

สิ่งที่ต้องการรักษา

การที่เป็นคนกตัญญูต่อพ่อแม่ รู้คุณค่าของเงินที่หามา ประหยัดอดออม

สิ่งที่ต้องการขจัด

การเข้าสังคม การเปิดใจยอมรับความคิดเห็นของคนอื่น

สิ่งที่อยากทำร่วมกัน

เปิดธุรกิจด้วยกัน

Mr.Rui She 575740106-8 Y.16 s.21

กิจกรรม Theory U

ผู้ร่วมกิจกรรม :พี่สาว ทำธุรกิจส่วนตัว

พี่สาวเล่าเรื่อง ช่วงเวลาที่พี่สาวเรียนมัธยม-มหาวิทยาลัยที่ต่างประเทศ เรื่องเล่าเกี่ยวกับพี่สาวอายุ14ปีไปเรียนมัธยมที่Canada จนถึงอายุ24ปีเรียนจบจากมหาวิทยาลัย ช่วงเวลา10กว่าปีนี้พี่ได้พบปัญหาหลายๆด้าน เช่นด้านการเรียน การทำงานและ การใช้ชีวิตด้วยตนเองที่ต่างประเทศ

1.ก่อนฟังคิดว่าพี่สาวเป็นคนอย่างไร?

เป็นคนที่ชอบเที่ยว ไม่รู้ว่าดูแลตนเองอย่างไร

2.หลังจากได้รับฟังเรื่องราวแล้วรู้สึกเป็นอย่างไร?

ผมได้รับฟังเรื่องเล่าของพี่แล้ว รู้สื่อว่าพี่เป็นคนที่ขยัน กล้าหาญ และเป็นคนที่มีเป้าหมาย สามารถจัดการเวลาอย่างมีประสิทธิภาพ

3.สิ่งที่ได้ ที่ประทับใจ

สามารถจัดการเวลาอย่างมีประสิทธิภาพ

4.สิ่งที่เหมือนกัน

ผมก็เรียนอยู่ที่ต่างประเทศ

5.อะไรที่แตกต่างกับเรา

สามารถจัดการเวลาอย่างมีประสิทธิภาพ ความขยัน

6.สิ่งที่ต้องการรักษา

ความขยัน การจัดการเวลา

7.สิ่งที่ต้องการกำจัด

การไม่กล้าตัดสินใจ

8.สิ่งที่อยากทำร่วมกัน

อยากเป็นลูกจ้างของพี่สาว



นายมหรรณพ เรืองโรจนพคุณ

นายมหรรณพ เรืองโรจนพคุณ 575740222-6 Y.16 sac21

กิจกรรม Theory U

คู่สนทนา นาย A อายุ 24ปี ธุรกิจส่วนตัว

ก่อนฟังคิดว่าเขาเป็นคนอย่างไร

เป็นคนเอาความคิดตัวเองเป็นหลัก ชอบเรียนรู้ด้วยตัวเอง

หลังฟังแล้วสรุปว่าเขาเป็นคนอย่างไร

หลังจากที่ได้ฟังเรื่องราวที่เล่า สรุปได้คือ เป็นคนที่ไม่ชอบเรียนหนังสือ ไม่ชอบอ่านหนังสือในตำรา แต่จะชอบทดลองและเรียนรู้ ค้นหาข้อมูลในอินเตอร์ เพราะคิดว่าเป็นความรู้ที่กว้างกว่าและใหม่กว่า ในตอนเด็กเป็นเด็กที่ไม่ชอบเรียน เพราะเรียนไม่เก่ง หลังเลิกเรียนก็จะชอบไปอยู่กับเพื่อน ชอบแต่งรถ ซ่อมรถมากกว่า พอจบมัธยมต้น จึงไปเรียนสายอาชีพ การเรียนเลยเริ่มดีขึ้น แต่มีช่วงจะเข้ามหาลัย เกิดอุบัติเหตุขับรถคว่ำ แล้วตัดสินใจไปบวชเป็นเวลา 1 ปี พอสึกออกมาจึงมาเรียนต่อมหาวิทยาลัย แล้วได้พบกับแฟน จึงได้ร่วมกันทำธุรกิจต่างๆ เช่น ขายครีม ขายเสื้อผ้า พอจบมหาวิทยาลัยก็มาเปิดร้านประดับยนต์ แล้วก็เปลี่ยนมาเป็นร้านขายครีม และปัจจุบันหันมาทำธุรกิจตัดผมและสักคิ้ว จากการทำธุรกิจที่หลากหลายทั้งสำเร็จและล้มเหลว แต่ก็ไม่ยอมแพ้ และหมดหวังเพราะคิดว่าต้องมีสักธุรกิจที่เราทำได้ดี และสร้างอาชีพที่ยั่งยืน แต่เราต้องคิดและลงมือทำ

สิ่งที่เหมือนกัน

สิ่งที่เหมือนกันคือ เป็นคนที่มีความคิดหลากหลาย ชอบเรียนรู้ ชอบลองสิ่งใหม่ๆ

สิ่งที่แตกต่างกัน

สิ่งที่ต่างกันคือ ความกล้าที่จะเริ่มทำและลงมือทำ เพราะเป็นคนที่กลัวการล้มเหลว จึงไม่กล้าที่จะลงมือทำถ้าไม่มั่นใจว่าจะสำเร็จ และเป็นคนที่ชอบลองสิ่งใหม่ๆแต่ต้องมีแบบแผน มีคนสอน ไม่ชอบลองด้วยตนเอง

สิ่งที่ต้องการพัฒนา

อยากเพิ่มความกล้าและความมั่นใจในตัวเองมากกว่านี้

สิ่งที่ต้องกำจัด หรือลด

กำจัดความกลัว และลดความไม่มั่นใจในตัวเอง

สิ่งที่ต้องรักษา

รักษาความคิดสร้างสรรค์ การจินตนาการ

สิ่งที่อยากทำร่วมกัน

อยากร่วมกันทำธุรกิจ อาจจะร่วมกันเปิดร้านเสริมสวยที่มีบริการร้านกาแฟรวมกัน

จันทิมา เสาหิน sec 21 y.16 รหัสนักศึกษา 575740127-0

Theory U

คู่สนทนา (พี่ชาย)

ช่วงแรกพี่ชายได้เล่าถึงเรื่องในวัยเด็ก เรื่องการเรียน และสุดท้ายเล่าเรื่องการทำงาน จนสรุปเป็นประเด็นได้ดังนี้ การทำงานของเด็กชายต่างจังหวัดคนหนึ่ง พี่ชายเป็นเด็กธรรมดาต่างจังหวัดคนหนึ่งและไปฝึกงานที่บริษัทในกรุงเทพ ซึ่งเป็นโชคที่ดีมากเพราะหลังจากฝึกงานเสร็จ ทางเจ้าหน้าที่ของบริษัทก็ได้โทรมาเรียกให้เข้าไปทำงานที่บริษัทแห่งนั้นต่อ ลักษณะการทำงานในบริษัทแห่งนั้น จะต้องเดินทางไปจังหวัดต่างๆอยู่ตลอดเวลา และต้องนอนที่ทำงาน ที่พักยามหลับนอนที่นั้น พี่ชายมีเพียงผ้าห่มผืนเล็กๆ กับเสื่อหนึ่งผืน และห้องนอนก็เป็นสังกะสี ตามไซส์งานที่ก่อสร้างต่างๆ ลักษณะการทำงานของพี่ชายนั้น คือ จะต้องดูระบบต่างไฟฟ้าต่างๆของสถานที่ก่อสร้าง และเชคงานทุกๆอย่างที่เกี่ยวข้องกับระบบไฟฟ้า ด้านทางบริษัทของพี่ชายที่ส่งไปทำงานมักจะเป็นไซส์งานที่เร่งต่อการส่งมอบเสมอ เขาแทบไม่มีวันหยุดทำงานตั่งแต่วันจันทร์ -วันอาทิตย์ แต่จะหยุดในช่วงวันสำคัญเป็นบางวันเท่านั้น จนทำให้พี่ชายคิดน้อยใจตัวเอง ว่าอยากมีรูปแบบชีวิตเหมือนเด็กวัยรุ่นเหมือนคนอื่นๆที่ไปเที่ยวเล่นกับเพื่อนในช่วงวันหยุดบ้าง แต่อีกใจหนึ่งก็คิดว่าการมีงานทำดีกว่าได้อะไรทำเลย

ก่อนฟัง มีความเชื่อว่าเป็นบุคคลคนเงียบๆ นิ่งๆ โลกส่วนตัวสูง ชอบเล่นเกม

หลังฟัง เห็นว่าเป็นคนที่ละเอียดรอบครอบอดทนต่อสิ่งต่างและเป็นคนมองโลกแง่ดี

สิ่งที่ดีจากการฟัง คือ การได้มองเห็นอีกแง่มุมหนึ่งที่เราไม่รู้จัก ทำให้ได้มุมมองด้านการทำงาน

มองตนเองสิ่งที่มองตนเอง

  • ความเหมือนกับเรา คือ การที่เป็นคนมองโลกในแง่ดี ไม่ว่าจะเกิดเหตุการณ์อะไรก็ตาม
  • ความแตกต่าง คือ คือ ความละเอียดรอบคอบต่อการทำงาน และความอดทน

สิ่งที่อยากเพิ่ม คือความละเอียดในการทำงาน เนื่องจากเวลาทำงานตนเองไม่ค่อยทำงานเรียบร้อย และต้องการที่จะมีความอดทนในทุกๆเรื่อง

สิ่งที่อยากกำจัดทิ้ง คือความไม่ละเอียดรอบของตนเอง เพราะเป็นเราคนที่ไม่ค่อยใส่ใจ ทำงานไม่ค่อยเช็คความเรียบร้อยและเป็นผู้ที่มีความอดทนต่ำ

สิ่งที่คิดอยากจะสร้างสรรค์ คือ การที่พาพี่ไปพักผ่อนในวันหยุดโดยการอยู่กับพ่อแม่ และการเป็นเด็กที่ดีของพ่อแม่ และไม่ทำให้พ่อแม่เสียใจ

นางสาวจุฑาธิปัตย์ เทศแก้ว 575740132-7 Y.16 Sec.21

นางสาวจุฑาธิปัตย์ เทศแก้ว

575740132-7 Y.16 Sec.21

กิจกรรม Theory U ( 10 ม.ค. 2559 )

บุคคลที่ร่วมกิจกรรม : พี่นน (นามสมมติ) ลูกพี่ลูกน้อง อาชีพ ประชาสัมพันธ์ที่แขวงการทางที่ 1 ปัจจุบันอาศัยอยู่กับสามีและลูกสาว 1คน อายุ 7ปี โดยจะกลับบ้านเพื่อไปดูและพ่อแม่ที่บ้านเกิดทุกอาทิตย์

ก่อนฟัง จากความเชื่อเดิมฉันคิดว่าพี่นนเป็นคนเข้ากับคนง่าย กล้าพูด คุยเก่ง จู้จี้ เป็นคนที่ค่อนข้างรู้ข่าวสารของเพื่อนบ้านได้อย่างรวดเร็ว ไม่ค่อยรู้เรื่องเทคโนโลยีวิวัฒนาการใหม่ๆมากนัก แต่เป็นคนที่ดูขยัน เป็นแม่บ้านแม่เรือนและรักครอบครัว ใส่ใจพ่อแม่ ญาติพี่น้องเสมอ มีความสามารถในการเลี้ยงดูส่งเสริมพัฒนาการบุตรของตนเป็นอย่างดี

หลังฟัง ตอนเด็กๆพี่นนเล่าว่าครอบครัวไม่ได้ร่ำรวยเงินทองมากนัก พี่นนมีน้องสาวสองคนและน้องชายอีกหนึ่งคน ตอนเด็กหลังเลิกเรียนต้องไปเก็บมะพร้าว ทำสวนไร่นาช่วยพ่อแม่เพื่อหาเงินมาจุนเจือครอบครัว งานบ้านทุกอย่างพี่นนเป็นคนทำช่วยกันกับน้องๆเพื่อแบ่งเบาภาระพ่อกับแม่ด้วย เมื่อครั้นเรียนจบได้มาทำงานหาเงินด้วยตนเอง เมื่อได้เงินมาพี่นนก็ก็จะแบ่งเงินให้พ่อแม่และน้องๆใช้ จะทำจะซื้ออะไรมักคิดถึงพ่อแม่และพี่น้องก่อนเพื่อให้ครอบครัวได้มีกินมีใช้อย่างสุขสบาย พี่นนเล่าว่าตัวเองเป็นคนคิดมาก คิดเล็กคิดน้อยกับคำพูดของคนอื่น ทำให้เกิดความเครียด พี่นนยังบอกอีกว่าในอนาคตไม่ต้องการอะไรมากนอกจากครอบครัวมีกินมีใช้อยู่อย่างสุขสบาย และอยากจะเปิดร้านนั่งทานน้ำแข็งไสเล็กๆหน้าบ้านพร้อมเล่าอย่างติดตลกว่าถ้าไม่มีใครกินก็จะเปิดให้ลูกนี่แหละกิน (หัวเราะ)

มองตัวเอง สิ่งที่เราเหมือนกันคือเป็นคนคิดมากเหมือนกัน และในอนาคตอยากจะเปิดร้านแนวๆร้านน้ำแข็งไสที่หน้าบ้านเหมือนกัน สิ่งที่เราต่างกันคือ พี่นนเป็นคนขยัน ทำงานบ้านได้อย่างไม่ขาดตกบกพร่อง คุยเก่ง มนุษยสัมพันธ์ดี แต่ฉันเป็นคนเงียบๆ ไม่ค่อยพูด คุยไม่เก่ง ไม่รู้จะคุยอะไรกับฝ่ายตรงข้ามดี เป็นคนค่อนข้างขี้เกียจ และไม่ชอบทำงานบ้าน ไม่มีความเป็นแม่บ้านแม่เรือนแม้แต่เพียงนิด

สิ่งที่ต้องการเพิ่ม ความขยัน ความกล้า ความมั่นใจในตัวเอง ความตั้งใจเวลาติดสินใจหรือลงมือทำสิ่งใดๆ ความมุ่งมั่น ความใฝ่รู้และความกระตือรือร้น

สิ่งที่ต้องการลด ความขี้เกียจ ความไม่มั่นใจเมื่อต้องแสดงออกต่อหน้าผู้อื่น การทำอะไรครึ่งๆกลางๆ ความขี้หงุดหงิด ความลังเลและความเฉยชา

สิ่งที่จะต้องรักษา ความมีน้ำใจ ความจริงใจ คิดถึงความรู้สึกผู้อื่นเสมอ ความมีเหตุผล การไม่มองโลกและสิ่งต่างๆเพียงด้านเดียว

สิ่งที่จะสร้างสรรค์ร่วมกัน เปิดร้านแนวร้านน้ำชาสไตล์อังกฤษ/น้ำแข็งไส/เบเกอรี่/กาแฟ ที่หน้าบ้านพี่นนหรือบ้านย่าของเรา เพราะทำเลค่อนข้างดี

ทิพยารมย์ 575740157-1 Sec.21 Y.16

กิจกรรม Theory U ( 10 ม.ค. 2559 )

นางสาวทิพยารมย์ สุตเดช 575740157-1 Y.16 Sec.21

เรื่องราวเกี่ยวกับคู่สนทนา : เป็นพี่สาว ประกอบอาชีพอาจารย์มหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง พี่เล่าเหตุการณ์ระหว่างเรียนให้ฟังว่าช่วงเรียนตั้งแต่ประถมจนถึงมัธยม ที่บ้านจะไปรับ ไปส่งตลอดเวลา ไม่ห่างเลย แต่พอมาช่วงเริ่มเข้าปี 1 ก็สอบเข้าที่มหาวิทยาลัยขอนแก่น คณะบัญชี เลยได้ออกมาอยู่ที่หอในมอ จากนั้นชีวิตก็มีอิสระมากขึ้น ทำอะไรในสิ่งที่ไม่เคยทำมาก่อน มีเพื่อนที่หลากหลายมากขึ้น พี่เล่าว่ามีอยู่วันหนึ่ง หิวมาก เลยฝากเพื่อนซื้อข้าวมาให้ที่หอ เพื่อนดันมาช้า พี่เลยจัดการต้มมาม่าที่หอ ปรากฏว่าหม้อต้มมาม่าระเบิด ทำให้มีควันขึ้น คนทั้งหอ อพยพกันลงมาใต้หอหมด เลยทำให้พี่ต้องได้ออกจากหอ เพราะโดนข้อหาว่าทำให้หอไฟไหม้ พอมาอยู่หอใหม่ก็ได้เพื่อนร่วมห้องเป็นชาวญี่ปุ่น ทำให้พี่ได้เรียนรู้ภาษามากขึ้น เพราะว่าชาวญี่ปุ่นคนนี้พูดภาษาอังกฤษได้ดีมาก และเพื่อนๆของเขาจะมาเยี่ยมที่หอบ่อยๆ เลยทำให้พี่ได้ไปรู้จักเพื่อนชาวญี่ปุ่น และเป็นการฝึกภาษาอังกฤษไปในตัว พี่บอกว่าบางครั้งพูดกันไม่รู้เรื่องก็จะเอาดิกชันรีมาเปิดแล้วคุยกัน ช่วงนั้นติดเพื่อนมากเลยทำให้การเรียนตกต่ำมาก เพราะติดอินเตอร์เน็ต พี่เลยตั้งปณิธานว่าจะทำให้การเรียนดีขึ้นให้ได้ ต่อมาก็วางแผนการอ่านหนังสือในช่วงเวลาว่าง และก่อนสอบ พี่บอกว่าจะอ่านหนังสือวิชาที่สอบวันสุดท้ายก่อนแล้วไล่มาจนถึงวันที่จะสอบวันแรก จะทำให้จำได้ ปรากฏว่าได้ผลสำเร็จเกรดและคะแนนของพี่ขึ้นมาดีเหมือนเดิม จนจบปริญญาตรี หลังจากนั้นก็มาเรียนต่อที่ MBA รุ่น Y.5 ก็ใช้วิธีการอ่านหนังสือแบบนี้มาตลอด

ความคิดก่อนที่จะได้คุย : เป็นคนง่ายๆ สบายๆ นิสัยดี ดูเรียบร้อย เข้ากับผู้อื่นได้ง่าย

หลังจากที่ได้คุย : เป็นคนมีความตั้งใจในทุกๆเรื่องที่คิดว่าเป็นสิ่งที่ดีสำหรับตัวเอง เป็นคนมีความกระตือรือร้น ใฝ่หาความรู้ ก็ยังแอบเกเรบ้าง แต่ก็พาตัวเองกลับมาได้ เห็นได้จากการเรียนที่ตกต่ำ กลับมาดีขึ้น เพราะการตั้งปณิธานในการอ่านหนังสือให้มาก และลดการติดเพื่อน ติดอินเตอร์เน็ตลง

สิ่งที่เหมือนกัน : มีความตั้งใจทำในสิ่งที่หวังไว้ บ้างทีก็มีเกเรในการเรียนบ้าง

สิ่งที่ไม่เหมือนกัน : เป็นคนไม่กระตือรือร้น ไม่ค่อยชอบพูดภาษาอังกฤษ เพราะเขิน กลัวออกเสียงผิด

สิ่งที่จะเก็บไว้ : ความตั้งใจในทุกเรื่องที่สนใจจะทำ

สิ่งที่จะกำจัดออก : เป็นคนขี้อายที่จะพูดภาษาอังกฤษ หรือคุยกับชาวต่างชาติ

สิ่งที่จะสร้างสรรค์ร่วมกัน : อยากให้พี่สอนภาษาอังกฤษให้ เพราะพี่ก็ชอบที่จะพูดอยู่แล้ว และอีกอย่างภาษาอังกฤษเป็นภาษากลางในอาเซียน

างสาวอุมาภรณ์ แสงชาติ

575740284 – 4 sec 21 Y.16



เพื่อน เจ เป็นเพื่อนที่สนิทมากในที่ทำงาน เขาพูดเรื่องราวเกี่ยวกับการทำงานให้ฟังว่าเพื่อนเหนื่อยกับที่ทำงาน เพื่อนมีปัญหากับผู้ใหญ่ในกระบวนการทำงานอยู่ประจำ เขาเป็นคนที่ชอบออกตลาดเพื่อไปพบเจอลูกค้า งานที่เขารับผิดชอบเป็นฝ่ายสินเชื่อเป็นงานที่ต้องไปพบเจอลูกค้าและต้องไปเห็นกิจการของลูกค้า เขาเชื่อว่าการดูแลลูกค้าจะทำให้ลูกค้าไม่หายไป เขาบอกว่าเขารู้สึกท้อเสมอที่การทำงานของเขากับผู้ใหญ่ไม่เข้าใจเพราะเขาคิดว่าสิ่งที่เขาทำเกี่ยวกับเอกสารเป็นการคิดรอบคอบแล้ว และพอเกิดปัญหาจากเอกสารมา เขาต้องเป็นคนแก้ไข มันทำให้เสียเวลาในการอนุมัติสินเชื่อ เขาจะมาทำงานก่อนและจะกลับคนสุดท้ายประจำ เขารู้สึกเหนื่อยใจ จะแอบไปร้องไห้คนเดียวเมื่อได้ร้องไห้เขาจะรู้สึกดีขึ้นและทำให้เขาเข้มแข็งขึ้น

สิ่งที่เห็น การทุ่มเทในการทำงานของเขา ความขยันและตั้งใจในงาน มีความรับผิดชอบและเสียสละในหน้าที่ที่ตัวเองทำ มีการดูแลและบริการลูกค้าได้ดี

สิ่งที่ต่าง การรอบคอบในการทำงาน เพราะเราเป็นคนชอบทำงานแบบรีบๆ ขาดความรอบคอบ ทำให้เกิดข้อผิดพลาดในเอกสารได้

สิ่งที่รักษาไว้ อยากรักษาการทุ่มเท เสียสละและความขยันในการทำงานของเขา การดูแลลูกค้าเป็นลักษณะนิสัยที่สมควรไปปฏิบัติตาม จะช่วยทำให้เรามีคุณภาพในการทำงานเพิ่มขึ้นช่วยทำให้องค์กรมีประสิทธิภาพที่ดี

สร้างสรรค์ร่วมกัน จะเป็นคนที่คอยอยู่เคียงข้างกัน ปรึกษา และดูแลกัน ในวันที่เพื่อนเจอปัญหา ช่วยแนะแนวความคิดในทางที่ดีช่วยกันอยู่เสมอ

นายธนพล ธรรมประชา 575740161-0

กิจกรรม Theory U

นายธนพล ธรรมประชา 575740161-0

MBA Y.16 Section 21

คู่สนทนา นาง A (นามสมมติ) อายุ 56 ปี

คุณ A ประกอบอาชีพ รับราชการครูที่โรงเรียนแห่งหนึ่งในจังหวัดกาฬสินธุ์ ได้เล่าถึงเหตุการณ์ชีวิตในวัยเด็กจนถึงปัจจุบันว่า คุณ A เป็นลูกในครอบครัวที่ยากจน ผู้คนในละแวกบ้านมักจะดูถูกครอบครัวของคุณ A อยู่เป็นประจำ บ้างก็ว่าเป็นลูกโจร โตไปก็คงจะเป็นโจรเหมือนกัน บ้างก็ว่าจะเรียนหนังสือไปทำไม เรียนไปก็คงไม่มีประโยชน์ เสียเวลาเปล่าๆ แต่เนื่องด้วยคุณ A เป็นคนที่รักการเรียนหนังสือมาก ถึงแม้ว่าครอบครัวจะยากจน แต่คุณ A ก็พยายามที่จะเรียนให้มีความรู้ติดตัวให้สูงที่สุด ในทุกๆ วัน คุณ A จะตื่นแต่เช้ามาอ่านหนังสือเรียนเพื่อทบทวนความบทเรียน แต่เนื่องด้วยตอนนั้นไฟฟ้ายังเข้าไม่ถึงที่บ้าน ก็ต้องอาศัยเทียนไขเพื่อให้มีแสงสว่างพอที่จะอ่านหนังสือเรียนได้ จนคุณ A สามารถสอบเข้าเรียนในมหาวิทยาลัยได้ และได้รับทุนเรียนจนจบมหาวิทยาลัย แล้วคุณ A ก็สอบเข้าทำงานเป็นครูได้สำเร็จ คุณ A ทำงานเก็บเงินเพื่อใช้หนี้ให้ทางบ้าน และยังให้ความช่วยเหลือผู้คนที่เคยดูถูกครอบครัวของคุณ A ไว้ คุณ A ไม่เคยนึกโกรธผู้คนเหล่านั้นเลย แต่คุณ A คิดเสมอว่าผู้คนเหล่านั้นเป็นผู้ที่ช่วยผลักดันให้คุณ A มีทุกวันนี้ได้ ถ้าไม่มีคำดูถูกในวันนั้น คุณ A ก็คงไม่สามารถทำทุกอย่างให้ประสบความสำเร็จได้ คุณ A กล่าวว่าที่สำคัญคือต้องกราบขอบคุณพ่อกับแม่ที่เชื่อในตัวคุณ A ถึงแม้ว่าบ้านเราจะลำบากมาก แต่คุณ A ก็ทำฝันของคุณ A ให้เป็นจริงได้สำเร็จ สามารถเลี้ยงดูพ่อกับแม่ ครอบครัวของตนเองได้อย่างภาคภูมิใจ ปัจจุบันคุณ A จบการศึกษาระดับปริญญาเอกสาขาวิชาเคมี เป็นอาจารย์สอนวิชาเคมีระดับมัธยมศึกษาตอนปลายและเป็นอาจารย์พิเศษคณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหาสารคาม

ก่อนฟังคิดว่าเขาเป็นคนอย่างไร?

คิดว่าเป็นคนที่มีความอดทนและความพยายามสูงที่จะทำอะไรสักอย่างให้ประสบความสำเร็จ

หลังจากรับฟังเรื่องราวแล้วรู้สึกอย่างไร?

เป็นคนที่มีความพยายามสูง มีเป้าหมายในชีวิตที่ชัดเจน ที่สำคัญมีความกตัญญูต่อบุพการี พอทำงานมีเงินก็ใช้หนี้ให้ที่บ้านจนหมด แต่ยังให้ความช่วยเหลือผู้คนที่เคยดูถูกคุณ A ไว้ด้วย นับว่าคุณ A เป็นคนที่มีความฉลาดทางปัญญาและความฉลาดทางอารมณ์

สิ่งที่ประทับใจ

นำเอาคำว่าร้ายของคนอื่นมาเป็นแรงผลักดันให้ตนเองประสบความสำเร็จในชีวิต

สิ่งที่เหมือนกัน

ความกตัญญูรู้คุณต่อบุพการี ความพยายามที่จะทำงานอะไรให้สำเร็จ

สิ่งที่ต้องรักษา

ความขยันหมั่นเพียร ความพยายามมุมานะ ความกตัญญู

สิ่งที่ต้องการกำจัด

ความโกรธ

สิ่งที่อยากสร้างสรรค์ร่วมกัน

ธุรกิจร่วมกัน

​นางสาวมาณิดา รหัสนักศึกษา 575740223-4 Y.16 Sec. 21

นางสาวมาณิดา รหัสนักศึกษา 575740223-4 Y.16 Sec. 21

Theory U

ผู้ร่วมกิจกรรม : คุณ ศ. (อายุ 55 ปี)ปัจจุบัน ทำงานตำแหน่งรองผู้จัดการธุรกิจการขาย สถาบันการเงินแห่งหนึ่ง

จากการทำกิจกรรม 30 นาที

คุณ ศ.เกิดที่จังหวัดสกลนคร แต่ย้ายถิ่นฐานตามพ่อ แม่มาเรียนหนังสือที่จังหวัดอุดรธานี คุณศ.เป็นพี่สาวคนโตของบ้าน และมีน้องอีก 2 คน เธอเติบโตมาในครอบครัวทหารที่เคร่งครัด มีระเบียบ เธอได้กล่าวกับพ่อแม่ว่าเธออยากจะทำงานธนาคารตั้งแต่เด็ก โดยเธอไม่ขอที่จะเรียนต่อมหาลัย แต่พ่อและแม่ไม่ยอม บอกให้เรียนต่อก่อนถึงจะให้ทำงานธนาคาร คุณศ.จึงได้เข้าเรียนที่มหาวิทยาลัยรามคำแหง หลังจากจบก้อได้ทำงานธนาคารตามที่ตั้งใจไว้ เข้าทำงานเป็นพนักงานสินเชื่อครั้งแรกที่จังหวัดสารคาม และได้ขอย้ายกลับบ้านที่จังหวัดอุดรธานี ช่วงเวลาระหว่างที่ทำงานที่อุดร คุณศ.ได้เล่าว่าในช่วงที่ทำงานในหลายๆสาขาหนึ่งให้ฟัง ถึงเหตุการณ์ในอดีตที่เราไม่ควรเอามาเป็นตัวอย่าง และได้เห็นถึงความซื่อตรง ขยัน มีระเบียบ และเราต้องมีความละเอียดรอบคอบในการปฏิบัติงานทุกขั้นตอน เพราะถ้าเราไม่รอบคอบสิ่งเหล่านั้นก็จะส่งผลกระทบถึงตัวเองในอนาคต อาจจะทำให้เราไม่สามารถเลื่อนขั้น เลื่อนตำแหน่งได้

ก่อนได้คุยกัน : คุณศ.เป็นคนมีระเบียบ ดุ มีภาพลักษณ์ที่ดี แต่งตัวดี เพื่อนเยอะ

หลังได้พูดคุย : เป็นผู้ใหญ่ที่มองคนออกว่าเด็กคนไหนเป็นแบบไหน รู้จักวิธีที่จะเข้าถึงและพูดคุยกับทุกเพศทุกวัย มีวิธีการพูดที่ชาญฉลาด จะไม่พูดตรงๆเลยถึงแม้จะคิดแตกต่างจากผู้พูด เป็นคนรักครอบครัว ชอบช่วยเหลือคนอื่น

สิ่งที่เหมือนกัน : เราเติบโตมาในครอบครัวรับราชการ ซึ่งเกือบจะทุกเรื่องในชีวิตพ่อแม่จะเป็นผู้กำหนด และเลือกให้ และเมื่อโตขึ้นก็พยายามที่จะตัดสินใจหรือทำตามในสิ่งที่เราอยากทำได้แต่ก็ต้องอธิบายให้พ่อแม่รับฟังในสิ่งที่เราอยากทำซึ่งเป็นสิ่งที่เหมือนกัน และการดูแลกันเป็นครอบครัวใหญ่เหมือนกันถึงแม้ว่าจะมีคนแต่งงาน แต่เราก็ยังดูแลกันเหมือนตอนเด็กแบบเดิม และเป็นคนใจร้อนเหมือนกัน

สิ่งที่ต่างกัน : คุณศ.เป็นคนที่ตัดสินใจอะไรได้รวดเร็ว ละเอียดรอบคอบ มองทุกอย่างไปถึงอนาคต และยอมรับที่จะเรียนรู้สิ่งใหม่ๆได้เสมอ

สิ่งที่อย่างเพิ่มเติมแก้ไข : อยากแก้ไขในด้านของอารมณ์ร้อน และพูดอะไรไม่ค่อยคิดถึงผลที่ตามมา และอยากสร้างภาพลักษณ์ที่ดี น่าเชื่อถือแบบคุณศ.

สิ่งที่อยากสร้างสรรค์ร่วมกัน : อยากฝึกความรอบคอบ มองทุกอย่าง อย่างรอบด้าน และหัดที่จะเรียนรู้สิ่งใหม่ๆได้ดีแบบคุณศ.

นางสาววรารัตน์ ร้อยแสง

นางสาววรารัตน์ร้อยแสงรหัส575740237-3Y.16 Sec21

กิจกรรมTheory U (10 ม.ค.2559)

ก่อนฟังคิดว่าเขาเป็นคนอย่างไร

เป็นคนร่าเริงแจ่มใสเจ้าชู้ชอบเที่ยวน่ารัก

ฟังแล้วสรุปเค้าเป็นคนยังไง

หลังจากที่ฟังพี่เค้าพูดพูดสมัยตอนที่พี่เค้าเรียนหนังสือเป็นคนที่ชอบเที่ยวสนุกสนานเฮฮากับเพื่อนๆมากชอบชวนกันไปเที่ยวต่างจังหวัดบ่อยๆแล้วพี่เค้าก็จะเป็นคนที่เชื่อฟังคำสอนของพ่อแม่เมื่อตอนเรียนมหาลัยเค้าก็ไปเรียนที่รามแต่ก็เรียนไม่จบก็เลยกลับมาเรียนที่มหาวิทยาลัยใกล้บ้านจนจบพอจบปริญญาตรีแล้วอธิการก็บอกให้ไปเรียนต่อป.โทต่อพอพี่เค้าเรียนจบก็ได้สมัครงานไว้หลายที่แล้วก็โดนเรียกตัวให้ไปทำหลานก็หลายที่เหมือนกันหนึ่งในนั้นก็สอบติดที่มหาลัยด้วย(ตำแหน่งอาจารย์)ครั้งแรกพี่เค้าก็คิดว่าไม่ค่อยชอบแต่ในทีท่สุดก็เลือกทีท่จะเข้าไปทำงานในมหาลัยจนเป็นอาจารย์มาถึงทุกวันนี้และได้ทำประโยชน์ให้กับสวนรวมก็หลายอย่างผลงานล่าสุดของเค้าก็คือเสนอติดกล้องวงจรปิดจนทั่วมหาวิทยาลัย (ซึ่งไม่มีใครคิดมาก่อนจนเขาเขียนโครงการขึ้นมาเสนอจนผ่านและได้รับการอนุมัติให้ติดกล้องวงจรปิด)ดิฉันประทับใจในพี่เค้าเพราะพี่เค้าเป็นคนที่มีการวางแผนงานก่อนที่จะทำงานทุกอย่างและเป็นคนที่รักครอบครัวดูแลพ่อแม่ได้เป็นอย่างดีมีความรับผิดชอบต่อหน้าที่การงานชอบช่วยเหลือคนอื่นเวลาที่เขาลำบาก

สิ่งดีๆที่อยากได้จากเขา

เป็นคนชอบวางแผนก่อนที่จำทำงานอะไร เขาต้องคิดแล้วว่าจะต้องทำขั้นตอนไหนก่อน-หลังงานถึงจะเสร็จเร็ว

ความเหมือนระหว่างเรากับเขา

การที่ชอบช่วยเหลือบุคคลอื่นเมือเห็นเขาเดือดร้อนเป็นคนรักครอบครัว

ความต่างระหว่างเรากับเขา

จะไม่ค่อยชอบวางแผนคิดอะไรออกก็จะทำอันนั้นก่อนแตกต่างกันคือเขาจะชอบวางแผนก่อนทำ แต่ก็จะฝึกให้ตัวเองมีการวางแผนก่อนที่จะทำงานทุกอย่าง

สิ่งที่อยากเก็บไว้

รักครอบครัวดูแลครอบคัวให้ดีที่สุด

สิ่งที่อยากกำจัดออก

ความกลัว(กลัวว่าจะเลี้ยงลูกไม่ดีจะทำยังไงถึงจำทำให้ลูกเป็นคนดี)ความขี้เกียจ

สิ่งที่อยากสร้างสรรค์ร่วมกัน

เป็นพ่อและแม่ที่ดีที่สุดให้กับลูก

นางสาวชลิดา ศรีสุนทร รหัสนักศึกษา 5757401440-0 Y.16 Sec. 21

กิจกรรม "Theory U"

ผู้ร่วมกิจกรรม : พี่ ว. ประกอบอาชีพเภสัชกร เป็นรุ่นพี่และเพื่อนร่วมงานกันมาประมาณ 1 ปี

ได้เล่าถึงชีวิตตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันว่า ตนเกิดในครอบครัวที่มีฐานะยากจน จึงได้พยามยามตั้งใจเรียนและ ขอทุนการศึกษาตั้งแต่เรียนมัธยม ในช่วงม.๖ จึงตั้งใจสอบขอทุนเพื่อเข้าเรียนในสายการแพทย์เพื่ือความมั่นคงของตนเองและความสุขสบายของครอบครัว แต่ด้วยความที่ไม่ได้เป็นคนเรียนเก่งมากจึงได้ทุนเรียนวิทยาศาสตร์ แต่เมื่อจบการศึกษามาก็ไม่ได้เป็นอาจารย์มหาวิทยาลัยดั่งใจหมาย ในระหว่างช่วงที่ทำงานมาเป็นระยะเวลา4ปี ก็ไม่ได้มีความท้อถอย พยายามตั้งใจอ่านหนังสือเพื่อขอทุนเข้าศึกษาต่อในคณะเภสัชศาสตร์จนสำเร็จ พี่ ว. เข้าเรียนใหม่อีกครั้ง ตอนอายุ 25 ปี และเรียนจบเมื่ออายุ 30 ปี และได้บรรจุเป็นข้าราชการในตำแหน่งเภสัชกรสมความตั้งใจ

ก่อนฟัง : เป็นคนใช้ชีวิตเรื่อยๆ ไม่มีเป้าหมาย ใช้ชีวิตคนเดียว ไม่สนใจใคร

หลังฟัง : เป็นคนมีเป้าหมายในชีวิต มีการวางแผนในทุกขั้นตอน มีความพยายาม สามารถฝ่าฟันอุปสรรคต่างๆจนประสบความสำเร็จได้ สามารถทำให้พ่อแม่ภาคภูมิใจในตัวของเขา มีรายได้ที่ดีและมั่นคง ทำงานทุกวัน ไม่มีวันหยุด โดยไม่มีบ่นว่าเหนื่อย ใช้เงินอย่างประหยัดมัธยัสถ์ เพื่อเก็บหอมรอมริบให้พ่อแม่ใช้จ่ายตามความต้องการ และสร้างบ้านหลังใหม่ให้ เพื่อให้พ่อแม่ได้อยู่อย่างสุขสบาย นอกจากนี้ พี่ ว. ยังมีร้านขายยาของตนเองอีก 2 สาขา มีความตั้งใจในการทำงาน โดยหวังให้ผู้ป่วยมีความเข้าใจในการใช้ยาอย่างถูกวิธี ไม่ใช้ยาฟุ่มเฟือย และหายหรือบรรเทาจากอาการที่เป็น ถ้าหากผู้ป่วยคนใดที่มีกำลังทรัพย์น้อยมาปรึกษาที่ร้านยา ตนก็จะให้การรักษาโดยไม่คิดค่าตอบแทน

ความประทับใจ : พี่ ว. เป็นแบบอย่างที่ดีในการดำเนินชีวิต ทั้งด้านความตั้งใจ ความพยายามฝ่าฟันอุปสรรคต่างๆ มีความกตัญญูต่อครอบครัว มีเมตตาต่อเพื่อนมนุษย์และคนยากไร้

สิ่งที่เหมือนกัน : ความพยายาม ความตั้งใจทำสิ่งที่ปรารถนาให้ประสบความสำเร็จตัวเอง และมีเมตตา

สิ่งที่แตกต่างกัน : มีการตัดสินใจที่ช้า มีเป้าหมายแต่ไม่ได้ลงมือปฏิบัติทันที เนื่องด้วยประสบการณ์และความรู้ที่มียังน้อย

สิ่งที่อยากจะรักษาไว้ : เป็นคนรักครอบครัว คิดถึงคนรอบตัวมากกว่า

สิ่งที่ต้องขจัดออก : ความไม่เด็ดเดี่ยวในการทำสิ่งใดสิ่งหนึ่ง เมื่อมีสิ่งใดมากระทบจะรู้สึกไขว้เขวต้องคิดพิจารณาซ้ำๆอีก

สิ่งที่อยากจะสร้างสรรค์ร่วมกัน : ขอคำปรึกษาที่ดีเพื่อประกอบธุรกิจ เรียนรู้การใช้ชีวิต และการไปสู่เป้าหมายที่ตนเองต้องการ

นางสาวนัฑธีร์ ต้นโพธิ์ รหัส 575740178-3 MBA Y-16 Sec.21

THEORY U

พี่ที่ทำงาน อายุ 27 ปี เล่าเรื่องเกี่ยวกับชีวิตตั้งแต่เด็กจนโต เรียนพิเศษหนักมากตั้งแต่เด็ก มีครอบครัวคอยวางแผนในเรื่องเวลาและการเรียนทุกอย่างให้ จัดเวลาชีวิตอย่างเป็นระเบียบ ที่บ้านของเขาจะปลุกมาใส่บาตรตอนเช้าทุกวันตั้งแต่เด็ก จนตอนนี้ทำงานแล้ว เขาก็ติดมาจนถึงทุกวันนี้ที่จะต้องตื่นมาตักบาตรก่อนไปทำงานทุกเช้า ช่วงชีวิตตอนมัธยมปลายชอบเล่นกีฬามาก ไม่ใช่เพราะรักสุขภาพ แต่เป็นเพราะเป็นการเล่นคล้ายๆพนันอย่างนึงในตอนนั้น แต่อยากจะเรียกว่าพนันเพราะไม่ได้ใช้ดวง แต่เป็นการใช้ความสามารถของตัวเองล้วนๆ เช่นถ้าใครชูทบาสเข้าห่วงก็จะได้เงินไป จนมาถึงช่วงเข้ามหาวิทยาลัยในเทอมแรก ยังเพลิดเพลินและปรับตัวกับการใช้ชีวิตในช่วงมหาวิทยาลัย จึงทำให้เกรดเฉลี่ยตกต่ำมาก เขาจึงเปลี่ยนตัวเองใหม่โดยตื่นตีห้าทุกวันเพื่อมาอ่านหนังสือก่อนไปเรียนในทุกวันจนจบปีสี่ พอขึ้นปีสองเขาได้มีโอกาสเข้าชมรมAutomotiveของมหาวิทยาลัย เขาและเพื่อนๆได้ทุ่มเทสร้างรถแข่งขึ้นมา ทำให้ในปีนั้นมหาวิทยาลัยของเขาได้รางวัลมาครอง และทุกๆช่วงชีวิตของเขาเติบโตมาพร้อมฝาแฝดที่เหมือนกันมากๆอีก1คน

  1. ความเชื่อเดิมเกี่ยวกับคู่สนทนา

มองแว็บแรกแล้วรู้สึกว่าเขาเป็นคนใจดี ใจเย็น สุภาพ เงียบๆ

2. เห็นกับตา หลังฟัง

เขาก็ไม่ได้เงียบอย่างที่เราคิด มีมุมเฮฮา ลุยๆ บ้าบิ่น บุคลิกแบบผู้ชายทุกๆคน แต่ด้วยบุคลิกที่นิ่งๆเป็นคนที่มีเหตุผล คิดแล้วคิดอีกก่อนจะพูดหรือทำอะไร และเป็นคนที่ใจเย็นมากๆอย่างที่เรามองไว้ในตอนแรกจริงๆ

3. สิ่งที่ปิ้งในตัวเขา

เขาเป็นคนที่มีฝาแฝดที่เติบโตและใช้ชีวิตด้วยกันมาโดยตลอด นิสัยใจคอและความคิดต่างๆก็จะคล้ายๆกัน เหมือนเป็นคนที่มีเพื่อนมาตั้งแต่เกิด เป็นเพื่อนสนิทและคู่คิด ที่รู้จักและเข้าใจกันดีในทุกๆเรื่อง ซึ่งเขาไม่เคยรู้สึกว่าเขาอยู่คนเดียวหรือขาดอะไรเลย เวลามีปัญหาหรือมีเรื่องราวดีๆอะไรก็จะแชร์ให้กันและกันฟังตลอด

4.สิ่งที่เหมือนกัน

ความมุ่งมั่นตั้งใจเวลาที่มีเป้าหมายและอยากทำอะไรสักอย่าง ความทะเยอทะยาน

5.สิ่งที่อยากรักษา

การใส่ใจและสังเกตุพฤติกรรมคนรอบข้าง เอาใจเขามาใส่ใจเรา ความมุ่งมั่นตั้งใจ

6. สิ่งที่อยากลด

อยากลดความวู่วามและใจร้อนของเรา อยากใจเย็นและมีเหตุผลได้สักครึ่งนึงของเขา รวมถึงความคิดมากของเรา ซึ่งเราเป็นคนที่เครียดง่าย จัดการกับความเครียดได้ไม่ค่อยดีเท่าไหร่

7. สิ่งที่อยากพัฒนา

อยากพัฒนาในเรื่องของการมองโลกในแง่ดี หัดปล่อยวาง อยากหาเป้าหมายและต้นแบบในชีวิตของตนเองให้เจอจริงๆ เพราะเหมือนตอนนี้ยังคิดและสับสนอยู่กับอะไรหลายๆอย่างมาก อยากมีเป้าหมายที่ชัดๆอีกครั้งเพื่อที่จะได้นำมาเป็นแรงผลักดันที่จะนำมาซึ่งความมุ่งมั่นตั้งใจในชีวิตอีกคร้ัง เหมือนกับเป้าหมายตอนเรียนมหาวิทยาลัยที่เราเคยทำได้ ซึ่งเราชอบตัวเองในตอนนั้นมากๆ

8. สิ่งที่อยากสร้างสรรค์ร่วมกัน

อยากจะไปท่องเที่ยวด้วยกันเพื่อหาแรงบรรดาลใจใหม่ๆและแลกเปลี่ยนประสบการณ์ต่างๆซึ่งกันและกัน อีกทั้งอยากจะเรียนภาษาญี่ปุ่นด้วยกัน เนื่องจากพี่เค้าทำงานในบริษัทญี่ปุ่นและเราเองก็อยากมีภาษาที่สามโดยมีพื้นฐานของภาษาญี่ปุ่นมาบ้าง เพื่อที่จะเป็นประโยชน์ต่อการทำงานในอนาคต

นางสาวชวนพิศ สิงห์แก้ว 575740145-8 Y.16 sec 21

Theory U

บุคคลที่ได้รับฟังเรื่องราวในชีวิตคือ เพื่อนสนิท

เพื่อนเล่าว่า ตอนนี้มีเรื่องกลุ้มใจในที่ทำงาน รู้สึกเหนื่อยกับการทำงาน กับคนที่ทำงาน ต้องมารับผิดชอบงานคนอื่น เป็นงานที่หนัก และเยอะมาก เขาไม่สามารถปฏิเสธได้ จึงต้องอดทนทำงานแต่ละวันให้ดีและผ่านพ้นไป เขาคิดเสมอว่า ชีวิตยังมีพรุ่งนี้เสมอ อนาคตที่สดใสรออยู่ข้างหน้า เขาเป็นคนมองโลกในแง่ดี ใจเย็น คิดในแง่ดี จึงทำให้ผ่านพ้นในช่วงที่แย่ๆไปได้ แล้วต้องอดทนมากๆ เขาเป็นคนมีความมุ่งมั่น เขาบอกว่าตนเองเป็นนักล่าสนามสอบ อาชีพไหนเปิดสอบ เขาก็จะตั้งใจอ่านหนังสือเยอะๆ อ่านทบทวนใช้เวลาออยู่กับหนังสือทั้งวัน ซึ่งเขาได้ผ่านมามากกว่า 20 สนามสอบ สอบผ่านเกือบหมด ต้องขึ้นบัญชีไว้ แต่เรียกไม่ถึงซักที บังเอิญว่างานที่ทำปัจจุบัน ถูกขึ้นบัญชีในอันดับต้น เขาเลยได้เข้ามาบรรจุเป็นพนักงานรัฐวิสาหกิจเต็มตัว เขาได้ไปบรรจุในจังหวัดที่ไกลจากบ้านมาก ซึ่งอยู่คนละภาค เจอวัฒนธรรมใหม่ๆ เพื่อนร่วมงานใหม่ การเริ่มงานใหม่ต้องปรับวิถีชีวิต อาหารการกิน การอยู่ร่วมกันกับคนอื่น เพราะเขาไม่รู้ว่าจะต้องเจออะไรบ้าง ยังฟังภาษาถิ่นไม่ออก แต่เมื่อปรับตัวได้ เขาพบว่า เป็นช่วงเวลาที่ดี และมีความสุขมาก เพราะเจอเพื่อนร่วมงานดี ช่วยเหลือ แบ่งปันกัน (ขณะที่เขาเล่า สังเกตหน้าตาเขาดูมีความสุขกับการนึกถึงเหตุการณ์ในอดีต) งานที่นั่นก็ไม่หนัก ไม่เครียด ซึ่งต่างจากที่ที่ทำปัจจุบัน ซึ่งเขาได้ย้ายกลับมาอยู่ใกล้บ้าน และได้อาศัยอยู่บ้านกับพ่อแม่ เขาบอกว่าที่ทำงานมีแต่ความเครียด แต่เขาเลือกที่จะไม่แสดงออก เพราะไม่อยากให้บรรยากาศในการทำงานเสีย เขาเลือกที่จะยิ้มรับ ยิ้มสู้ มีข้อดีที่ได้อยู่ใกล้บ้าน เวลาเหนื่อยใจก็ได้กลับบ้านมาเจอพ่อแม่ ได้รับประทานอาหารเย็นร่วมกันบางวัน แค่นี้ก็มีความสุข และช่วยคลายเครียดได้บ้าง

สิ่งที่แตกต่าง จากการฟังเพื่อนเล่า เมื่อย้อนมองดูตัวเอง มีความแตกต่างกันในเรื่องของ ความมุ่งมั่นในการอ่านหนังสือสอบ การเป็นนักล่าสนามสอบ ซึ่งเราไม่เคยสอบเข้าทำงาน แข่งขันกับคนจำนวนมากเหมือนที่เพื่อนเขาผ่านมา ทำให้เขามีประสบการณ์เยอะ ทำให้รู้ว่าเขาเป็นคนจริงจังกับชีวิต มีความมุ่งมั่น ซึ่งต่างจากเราตรงที่ เราไม่ได้มีประสบการณ์มากขนาดนั้น เราไม่ได้ตั้งใจหรือมุ่งมั่นมากขนาดนั้น

สิ่งที่ควรรักษาไว้ การเป็นคนมุ่งมั่นตั้งใจ เพราะความมุ่งมั่น ความพยายามของเขา ทำให้เขามีอาชีพการงานที่มั่นคงตั้งแต่อายุยังน้อย

สิ่งที่ควรกำจัด เมื่อย้อนมองดูตัวเอง สิ่งที่อยากกำจัดออกไปคือความขี้เกียจ ไม่ตั้งใจ ต่อให้วางแผนการใช้ชีวิตให้ดี แต่ก็ยังมีความยืดหยุ่น เอาแต่ใจ ทำตามความรู้สึกของตัวเอง

สิ่งที่ควรเพิ่ม คือการมีความพยายาม ความมุ่งมั่นเพื่อที่จะประสบผลสำเร็จ เหมือนอย่างที่เพื่อนเป็น

สิ่งที่อยากสร้างสรรค์ร่วมกัน ณ ตอนนี้เรายังไม่มีอาชีพที่มั่นคง สิ่งที่สร้างสรรค์ร่วมกันคือ เขาอยากให้เรามีอาชีพที่มั่นคง สามารถดูแลตัวเองได้ จึงจะช่วยในเรื่องของการสอบแข่งขันเข้าทำงาน เพราะเราเป็นเพื่อนสนิทกัน มีแต่ความหวังดีให้กัน

พรศุภรัตน์ แสนสุนนท์

Theory U

นางสาวพรศุภรัตน์ แสนสุนนท์ 575740203-0 Y.16 Sec.21

บุคคลที่ร่วมกิจกรรม : พี่ ด. ที่ทำงาน อายุ 32 ปี มีตำแหน่งงานเป็นหัวหน้าของฉัน พี่ ด. เล่าเรื่องตั้งแต่เริ่มทำงานใหม่ๆ เคยทำงานอยู่ธนาคาพาณิชย์สาขาหนึ่งในกรุงเทพ แต่แล้วสุดท้ายก็ขอย้ายมาอยู่ต่างจังหวัด และขอย้ายสายงานเป็นงาน back office เพราะไม่อยากถูกกดดันเรื่องทำยอดและอยากกลับมาอยู่ใกล้บ้าน พี่ ด. เล่าว่าช่วงที่มาอยู่แรกๆ รู้สึกสนุก ด้วยความที่เป็นน้องในที่ทำงานตอนนั้นเลยไม่กดดันอะไรมาก เมื่อทำงานไปคนเราก็ต้องมีการพัฒนา พี่ ด. ได้เลื่อนตำแหน่ง ความรับผิดชอบในงานก็ต้องมีมากขึ้น หลังจากนั้น พี่ ด. ก็เรียนปริญญาโทพร้อมกับทำงานไปด้วย ทุกอย่างดูราบรื่น จนเมื่อไม่นานมานี้พี่ ด. ได้เลื่อนตำแหน่งเป็นหัวหน้างาน และตอนนั้นฉันได้เข้ามาทำงานที่นี่แล้ว 1 ปี 3 เดือน ได้เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงหลายอย่าง พี่ ด. บอกว่ารู้สึกกดดันมาก เครียดกลัวทำได้ไม่ดี กลัวทำให้ทุกคนผิดหวัง ทุกคนต่างให้กำลังใจแก พี่ ด. ต้องปรับตัวอยู่พักหนึ่ง จนทุกอย่างเริ่มเข้าที่ พี่ ด.ก็เริ่มมีความสุขกับงานที่ทำอีกครั้ง และยังคงสร้างเสียงหัวเราะให้กับทุกคนได้เหมือนเดิม

ก่อนฟัง : ความเชื่อเดิม คิดว่าพี่ ด. เป็นคนตลกเฮฮา ชอบทำอะไรที่ดูไร้สาระ สามารถนั่งคิดมุกตลกได้ตลอดเวลา

หลังฟัง : พี่ ด. เป็นคนตั้งใจทำงาน ขยัน และอดทน การที่พี่เขาชอบเล่นมุกตลกๆ เพราะอยากสร้างบรรยากาศในที่ทำงานไม่ให้ตึงเครียด อยากให้ทุกคนทำงานอย่างมีความสุข

ปิ๊งอะไร : ความมีน้ำใจ ให้ความช่วยเหลือเพื่อนร่วมงานอยู่เสมอ มีความเป็นสุภาพบุรุษ ให้เกียรติเพศตรงข้าม

สิ่งที่เหมือนกัน : เป็นคนขี้เกรงใจ

สิ่งที่แตกต่าง : รุ่นพี่เป็นคนที่มีความคิดสร้างสรรค์ มักจะมีไอเดียเก๋ๆในการทำกิจกรรมต่างๆ

สิ่งที่ต้องการเพิ่ม : การวางตัว การพูดจาฉะฉาน มั่นใจ

สิ่งที่ต้องการลด : ความกลัวและความขี้อาย

สิ่งที่จะต้องรักษา : รักษาความจริงใจที่มีให้กับคนรอบข้าง การคิดดี ทำดี การคิดบวกถึงแม้ว่าจะเจอเรื่องราวแย่ๆมา

สิ่งที่จะทำร่วมกัน : ไปเที่ยว วิ่งมาราธอน ออกค่ายอาสา

นางสาวลลิตสา บุตรพันธ์ รหัส 575740232-3 sec.21 Y.16

วันอาทิตย์ที่10 มกราคม 2559 (กิจกรรม Theory U)

ข้อมูลผู้ร่วมกิจกรรม : ชื่อนายB (น้องชาย) อายุ 20 ปี นักศึกษาปริญญาตรี มหาวิทยาลัยขอนแก่น

ความเชื่อเดิม : คิดว่าน้องชายของดิฉันจะเป็นคนที่ค่อยใส่ใจการเรียน ติดเกมส์ ไม่ค่อยไปไหนกับเพื่อน ไม่ชอบเข้าสังคม ไม่ค่อยเชื่อฟังพ่อแม่กับดิฉัน ติดแฟน มีปัญหาอะไรก็ไม่ค่อยชอบเล่าให้คนทางบ้านฟัง ชอบกลับบ้านดึก และเป็นคนไม่จริงจังกับชีวิต

เห็นกับตา : หลังจากได้รับฟังเรื่องราวต่างๆจากน้องชาย ทำให้ทราบว่าน้องชายนั้นใส่ใจการเรียนมากเพราะช่วงสอบหรือแม้กระทั่งช่วงเรียนก็ต้องไปติวหนังสือกับเพื่อนหนักมากซึ่งช่วงนั้นบางวันก็แทบจะไม่ได้เจอกันกับดิฉันเลย เพราะเค้าบอกว่าเค้ากลับบ้านดึกๆดิฉันก็นอนแล้ว แล้วพอตอนเช้าดิฉันก็ออกไปทำงาน จึงทำให้บางครั้งไม่ได้มีเวลาคุยกันเวลาเค้ามีปัญหาเค้าจึงเก็บไม่ได้เล่าให้คนทางบ้านฟังสักที แต่ถ้าปัญหานั้นหนักจริงๆส่วนใหญ่เค้าจะโทรกลับบ้านไปปรึกษาพ่อกับแม่ จึงทำให้เค้าไม่ค่อยเล่าให้ดิฉันฟัง ส่วนเกมส์นั้นเค้าจะเล่นเฉพาะช่วงที่เครียดมากๆหรือไม่ก็ว่างจากการสอบ อยากพักผ่อนสมองจึงเล่น เพราะเค้าเรียนหนักบางทีจึงต้องหาอะไรทำเพื่อคลายเครียด ทุกๆครั้งที่พ่อแม่กับดิฉันสั่งสอนนั้น ไม่ใช่ว่าเค้าไม่เชื่อฟังเค้าฟังแต่แค่อยากจะแสดงเหตุผลให้พ่อแม่กับตัวดิฉันเข้าใจในมุมมองของเค้า เข้าใจในเหตุผลของเค้า และเค้าไม่ได้อยากเถียงเราซึ่งเค้าบอกว่า แม่กับดิฉันชอบว่าเค้าเถียงทั้งๆที่เค้ากำลังอธิบายเหตุผลให้เข้าใจ

เมื่อเปรียบกับตัวของเรา : สิ่งที่เหมือนกันคือ เป็นคนจริงจังกับชีวิตและการเรียนมาก

สิงที่แตกต่างกันคือ ดิฉันจะเป็นคนไม่ค่อยชอบเก็บปัญหา ต้องนำเรื่องราวนั้นไปปรึกษาพ่อแม่ หรือไม่ก็เพื่อน และดิฉันเป็นคนไม่ชอบเล่นเกมส์

สิ่งที่อยากสร้างสรรค์ร่วมกัน : หาเวลาให้กับน้องมากขึ้นเพื่อมีเวลาได้คุยกัน นัดกันกินข้าวบ้างเพื่อน้องชายจะได้ปรึกษาเรื่องที่เค้ามีปัญหา

สิ่งที่อยากรักษาไว้ : การตั้งใจเรียนและความจริงจังของชีวิต เพราะสองสิ่งนี้จะทำให้เราบรรลุเป้าหมายและประสบความสำเร็จ

สิ่งที่อยากกำจัด : การที่เราคิดว่าคำอธิบายนั้นคือการเถียง คือดิฉันควรรับฟังน้องมากขึ้นเนื่องด้วยเราอายุห่างกัน5ปี เราจะคิดว่าคำพูดของน้องนั้นยังเด็ก เราควรจะกำจัดความคิดตรงนี้

สิ่งที่อยากแก้ไข : อยากจะแก้ไขในเรื่องของหาสิ่งที่ช่วยในการพักผ่อนเพื่อผ่อนคลายความเครียดอย่างอื่นที่นอกจากการกินที่ตัวเองชอบ ไปหาอย่างอื่นทำบ้าง เช่นดูหนัง ฟังเพลง เล่นเกมส์ จะได้ไม่อ้วนไม่เสียสุขภาพด้วย

ปัญจพร รอดโพธิ์ทอง

น.ส.ปัญจพร รอดโพธิ์ทอง 575740195-3 MBA Young 16 Sec.21

Theory U

ข้อมูลผู้ร่วมกิจกรรม : ชื่อนายA (พี่ชายซึ่งเป็นพี่ที่ทำงาน) อายุ 29 ปี พนักงานธนาคาร

ความเชื่อเดิม : คิดว่าพี่ชายเป็นคนพูดน้อย เก็บตัวเงียบๆ ไม่ค่อยเข้าสังคม ดูแลใครไม่เป็น ทำงานหนัก ชอบกลับบ้านดึก

เห็นกับตา : หลังจากที่ได้รับฟังพี่ชายเล่าเรื่องราวต่างๆ พี่เล่าว่าเพื่อนๆของพี่ชอบชวนจัดทริปไปเที่ยวตามที่ต่างๆและพี่ก็มักเป็นคนที่รวบรวมเพื่อนหลายๆคน ให้ไปเที่ยวกันครบ ทำให้ทราบว่า พี่เป็นคนที่ชอบไปสนุกสนานเฮฮากับเพื่อนๆ เมื่อเพื่อนชักชวนไปไหน ก็จะไปแทบทุกครั้งที่ว่าง และพี่ยังเล่าอีกว่าเวลาที่ว่างจากการทำงาน ก็จะให้เวลากับแฟนและครอบครัว ขับรถไปหาแฟนที่อยู่ต่างจังหวัด แม้จะระยะทางจะไกล พี่ก็ขับรถไปแม้แต่ไปเช้าเย็นกลับ แค่ไปเจอหน้า กินขนมแล้วก็ขับรถกลับ ก็คุ้มค่าที่จะไป ทำให้ทราบว่า พี่มีแฟน พี่ก็ดูแลเอาใจใส่แฟน พาไปกินข้าว ดูหนัง คอยดูแลตลอด ทั้งตอนที่อยู่ด้วยกัน และตอนที่ไม่ได้อยู่ด้วยกันก็โทรหา ไถ่ถามสภาพความเป็นอยู่เป็นไปในชีวิตแฟนเสมอ เป็นคนใส่ใจคนที่รัก และพี่ชายชอบออกไปเที่ยวต่างจังหวัดกับเพื่อนๆบ่อยครั้ง ออกไปในสถานที่ที่เป็นสถานที่ท่องเที่ยวใหม่ๆ เพื่อเปิดโลกกว้าง สร้างความทรงจำ และชอบเล่นเครื่องเล่นที่หวาดเสียว เช่น บันจี้จัมพ์ สร้างความตื้นเต้นในชีวิต และพี่ชายเป็นคนที่มีความขยันหมั่นเพียรในการทำงาน ไม่ผัดวันประกันพรุ่ง

เมื่อเปรียบเทียบกับตัวของเรา : สิ่งที่เหมือนกัน คือ ชอบเข้าสังคม ไปเที่ยวกับเพื่อนๆ และดูแลเอาใจใส่แฟนและ ครอบครัว

สิ่งที่ต่างกัน คือ เราไม่ชอบเครื่องเล่นที่หวาดเสียว กลัว ไม่กล้าที่จะลองเล่น

สิ่งที่อยากสร้างสรรค์ร่วมกัน : นัดกันออกไปเที่ยวที่ใหม่ๆ ที่ยังไม่เคยไปทั้ง 2 คน ชักชวนเพื่อนๆไปกันหลายๆคน สร้างความทรงจำดีๆในการเดินทางร่วมกัน

สิ่งที่อยากรักษาไว้ : การชอบเข้าสังคม เพราะทำให้กล้าที่จะรู้จักเพื่อนใหม่ๆ มีเพื่อนเพิ่มขึ้น และ การดูแลเอาใจใส่คนที่เรารัก เพราะการดูแลเอาใจใส่ทำให้เรารู้สึกมีความสุขที่จะดูแลใครสักคนที่เรารัก

สิ่งที่อยากกำจัด : ความกลัวในการลองเล่นเครื่องเล่นที่หวาดเสียว หรือ ความกลัวในการทำสิ่งต่างๆที่ไม่คุ้นเคย เมื่อคนอื่นๆ เช่น พี่ชายทำได้ เราก็ต้องทำได้

สิ่งที่อยากแก้ไข : อยากแก้ไขให้ตนเองมีความขยันในการทำงานมากขึ้น ไม่สะสมงานไว้ทำตอนที่ใกล้จะส่งแล้ว และทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ

ธมลพรรณ สิริเพ็ญโสภา

น.ส.ธมลพรรณ สิริเพ็ญโสภา 575740165-2 Young#16 Sec.21

กิจกรรม Theory U

ข้อมูลของผู้เข้าร่วมกิจกรรม : เพื่อนเป็นนักศึกษาปริญญาโท ประเทศอังกฤษ อายุ 25 ปี

1.ก่อนฟังคิดว่าเขาเป็นคนอย่างไร : คิดว่าเขาเป็นคนที่ชอบอยู่คนเดียว มนุษยสัมพันธ์ไม่ดี ไม่ชอบสิ่งแปลกใหม่ เป็นคนเข้ากับคนอื่นยาก ยากต่อการเข้าถึง

2.ฟังแล้วสรุปว่าเขาเป็นคนอย่างไร : เขาเป็นคนที่ชอบความท้าทาย ชอบสิ่งแปลกใหม่ และต้องการเพื่อนหรือคนสนิทที่สามารถไว้วางใจได้ เป็นคนมีความคิดรอบคอบ ขยัน ไตร่ตรองอยู่ตลอดเวลา

3.สิ่งดีๆที่ได้จากเขา : มุมมองในการเลือกคบคน คือ จต้องดูนานๆ ทำความรู้จักให้หลายๆ ด้านก่อนที่จะไว้วางใจใคร เพราะคนอื่นไม่ได้หวังดีกับเราทุกคน แต่เราสามารถมองในส่วนที่เขาทำดีกับเราและเลือกมองแต่สิ่งดีๆ จากคนอื่นก็ได้

4.ความเหมือนระหว่างเรากับเขา : เป็นคนมองโลกในแง่ดี ไม่คิดร้ายกับผู้อื่น อยากลองสิ่งใหม่ๆ อยู่ตลอดเวลา

5.ความต่างระหว่างเรากับเขา : ตัวเราเองจะสามารถคุยได้กับทุกคน รู้สึกไม่อึดอัดที่จะคุยกับคนแปลกหน้า และไม่กลัวการเสียใจในภายหลัง เพราะเชื่อว่าคนเราทุกคนมีความดีอยู่ในตัวเอง แต่เพื่อนจะค่อนข้างระแวงกับการคบคน โดยจะต้องดูคนนานๆ ไม่ไว้วางใจใครง่ายๆ เพราะการถูกหลอกเป็นสิ่งที่แย่และไม่สามารถให้อภัยได้

6.สิ่งที่ต้องการเพิ่ม : การระวังผู้อื่นให้มากขึ้น คืดไตร่ตรองให้รอบคอบ เพราะเราเป็นคนมนุษยสัมพันธ์ดี อาจดึงดูดทั้งคนดีและคนไม่ดีเข้ามาในชีวิต

7.สิ่งที่ต้องการเก็บไว้ : การเป็นตัวของตัวเอง การมีมนุษยสัมพันธ์ดีและความท้าทาย ทำให้เราได้เจอแต่สิ่งแปลกใหม่อยู่เสมอ

8.สิ่งที่ต้องการกำจัดออก : การยอมผู้อื่นมากเกินไป อาจทำให้เราต้องมาเสียใจเองในภายหลัง เพราะผู้อื่นจะไม่มีความเกรงเรา และการกลัว

9.สิ่งที่จะสร้างสรรค์ร่วมกัน : อยากจะไปเที่ยวรอบยุโรปด้วยกันภายใน 3 ปี เพราะเป็นสิ่งที่เคยคิดฝันไว้ว่าอยากจะมีเพื่อนที่สามารถไว้วางได้สักคนไปท่องเที่ยวแบบ Bag Pack ด้วยกัน เพื่อประสบการณ์ใหม่ๆ ที่ท้าทายในต่างประเทศ

นายธัญวัชร พรสุวรรณนภา

นายธัญวัชร พรสุวรรณนภา รหัส575740169-4 Y.16 Sec.21

กิจกรรม Theory U

ข้อมูลผู้ร่วมกิจกรรม : คุณศิริวรรณ อัศวจิตภักดี (พี่ที่ทำงานร่วมกัน)

1.ก่อนฟัง ความเชื่อเดิม เขาเป็นคนอย่างไร

ฉันคิดว่าพี่ที่ทำงานคนที่ฉันนั่งฟังนั้นดูน่าจะเป็นคนที่ไม่ขยัน ไม่ค่อยอดทน

ไม่น่าจะชอบทำงานแบบออกตลาดหาลูกค้า/คู่ค้า แต่ชอบนั่งอยู่ในออฟฟิต และดูน่าจะเป็น

ตัวของตัวเองสูงไม่รับฟังความคิดเห็นใคร

2.หลังฟังสรุปว่าเขาเป็นคนอย่างไร

พี่เป็นคนขยันมาก มีความอดทนสูง เชื่อฟังผู้จัดการสาขา และปฏิบัติหน้าที่ของตนเองได้ดีที่สุด

เป็นคนชอบออกตลาดหาลูกค้า ไม่ค่อยชอบทำงานเอกสารในออฟฟิต ชอบงานบริการ

คุยสนทนากับลูกค้าเก่งมาก สามารถดึงดูดลูกค้าได้ และสามารถทำยอดให้กับบริษัทมาก

เชื่อฟังความคิดเห็นของเพื่อนร่วมงาน และได้รับคำชมจากลูกค้า และผู้จัดการสาขาด้วย

3.สิ่งดีๆที่ได้จากเขา

การเป็นคนขยัน อดทน ใส่ใจกับหน้าที่การงานของตนเอง การบริการลูกค้าที่ดี

4.ความเหมือนระหว่างเรากับเขา

เชื่อฟังผู้จัดการสาขา และทำงานตามหน้าที่ที่ได้รับเป็นอย่างดี ชอบบริการลูกค้า สามารถ

ดึงดูดลูกค้าได้ เป็นคนขยัน และซื่อสัตย์ เข้ากับเพื่อนร่วมงานได้ดี

5.ความแตกต่างระหว่างเรากับเขา

เขาเป็นผู้หญิง เราเป็นผู้ชายเพราะฉะนั้นน้ำเสียงการพูดคุยกับลูกค้าอาจจะแตกต่างกัน

เขาทำงานรอบคอบและละเอียดมากกว่า เขาเป็นคนที่เก่งงาน อีกทั้งเขาสามารถหารายได้ให้กับบริษัทได้มากกว่าเรา

6.สิ่งที่อยากรักษาไว้

ความขยัน อดทน มีความตั้งใจในการทำงาน และมีการบริการลูกค้าที่ดี

7.สิ่งที่อยากกำจัดออก

การที่ตั้งใจทำงานหนักจนเกินไปทำให้เกิดความเครียด

8.สิ่งที่จะสร้างสรรค์ร่วมกัน

ช่วยกันบริการลูกค้าให้ดีที่สุด โดยเอาใจเขามาใส่ใจเรา ให้ลูกค้าเป็นที่1

นางสาววัลย์ลดา สายแสนทอง

นางสาววัลย์ลดา สายแสนทอง 575740240-4 y.16 sec.21

Theory U

ผู้ร่วมกิจกรรม : บิดา อายุ 66 ปี

ความเชื่อเดิม : คิดว่าพ่อจะเป็นคนที่เงียบๆ ไม่ค่อยพูด มีอะไรเก็บไว้ในใจไม่พูดออกมา มีเหตุผล ใจดี

เห็นกับตา : เมื่อได้ฟังพ่อแล้วกลับพบว่าเป็นคนที่อารมณ์ดี คิดบวกในทุกๆอย่าง มองโลกในแง่ดี จะคิดหรือพูดอะไรทำทุกอย่างด้วยเหตุและผล ไม่เอาอารมณ์มาเกี่ยวข้อง เป็นคนที่ชอบอ่านหนังสือจึงมีความรู้รอบตัวในด้านต่างๆเป็นอย่างดี ด้วยจะต้องบริหารทั้งงานและบริหารทั้งคน จึงมีความเครียดอยู่เสมอๆ เมื่อลูกน้องทำงานได้ไม่ตรงตามเป้าหมายที่วางไว้นั้น ก็ไม่เคยจะดุหรือว่าลูกน้อง แต่จะเรียกไปคุยกัน ถามถึงสาเหตุและเหตุผลในเรื่องนั้นๆจะได้มาช่วยกันแก้ปัญหาและหาทางออกเพื่อให้งานบรรลุตามเป้าหมาย แต่เมื่อกลับมาที่บ้านพ่อจะไม่แบกความเครียดกลับมาที่บ้านด้วย มีวิธีกำจัดกับความเครียดคืออ่านหนังสือ และทำใจยอมรับกับสิ่งที่เกิดขึ้นก็จะสบายใจขึ้น ไม่เครียด มองโลกในเชิงบวก และออกกำลังกาย เพื่อเริ่มกับวันใหม่ที่จะต้องดีกว่านี้ รักครอบครัว ในตอนนี้พ่อเกษียณอายุแล้ว ก็ได้ทิ้งเรื่องงานทุกอย่างไว้ที่อายุ60ปี เริ่มปีที่61ด้วยการหาความสุขโดยการได้ทำสิ่งที่ตัวเองรัก อ่านหนังสือ ท่องเที่ยว ออกกำลังกาย ดูแลครอบครัว ซึ่งถือว่าเป็นความสุขที่สุดแล้วกับบั้นปลายชีวิตของพ่อ

เมื่อเปรียบเทียบกับตัวเรา : ตัวเราเป็นคนมองโลกในแง่ดีเช่นกันกับพ่อ แต่ยังไม่มีวิธีที่จะกำจัดความเครียดจากที่ทำงานได้เช่นเดียวกับพ่อ เพราะไม่ชอบอ่านหนังสือ และออกกำลังกาย ทำทุกอย่างด้วยเหตุและผล

สิ่งที่อยากสร้างสรรค์ร่วมกัน : อยากพาพ่อไปเที่ยว ไปพักผ่อนกันเป็นครอบครัวในประเทศที่พ่อไม่เคยไปและมีความสวยงาม เพราะตัวเองก็ชอบท่องเที่ยวเหมือนกัน

สิ่งที่อยากรักษาไว้ : อยากรักษาความใจเย็นและมองโลกในแง่ดีของตัวเองเอาไว้ การคิดหรือพูดด้วยเหตุและผล ไม่ใช้อารมณ์มาเป็นตัวตัดสิน ทำให้เพื่อนๆชอบที่จะมาพูดคุยและปรึกษาในเรื่องต่างๆได้

สิ่งที่อยากกำจัด : ความเครียดจากการทำงาน ไม่สามารถที่จะทำเหมือนพ่อได้ เก็บไว้คนเดียว ไม่อยากให้คนอื่นรับรู้ถึงความเครียดของเรา จนมีอาการปวดหัวอยู่บ่อยครั้ง

สิ่งที่อยากเพิ่ม : อยากดูแลตัวเอง ไม่ปล่อยให้ความเครียดเข้ามาทำร้ายสุขภาพ ต้องหาเวลาออกกำลังกาย หรือหางานอดิเรกที่เราชอบทำในเวลาว่าง เพื่อจะได้เป็นการรักษาสุขภาพของเรา

นายชินวัตร พูลทรัพย์ 575740148-2 Young#16 Sec:21

กิจกรรม Theory U

ผู้ร่วมสนทนา : น.ส.เอ (นามสมมุติ,แฟน)

ข้อมูลผู้ร่วมสนทนา : ตั้งแต่ชั้นประถมศึกษามีปัญหากับคุณครูที่โรงเรียนบ่อยๆเนื่องจากเธอเป็นคนจริงจังจริงใจพูดตรงไม่อ้อมค้อมส่งผลให้คุณครูบางคนไม่ชอบใจ คุณครูจึงเริ่มกลั่นแกล้งลดเกรดทั้งๆที่คุณครูคนอื่นก็อดสถามไม่ได้ว่าเด็กเรียนอย่างเธอทำไมตกวิชานี้วิชาเดียว แต่ถึงอย่างไรคุณครูด้วยกันเองยื่นมือช่วยก็ยังไปช่วยอะไรเธอไม่ได้ ทำให้เธออคติกับคุณครูประเภทนี้ประเภทพวกครูไม่มีความเป็นครู เธอจึงเดินหน้าจะทำลายพวกครูชั่วออกไปเธอจะเริ่มแบบอย่างของคำว่าครูที่ดีเอง ประกอบกับเธอเป็นคนขยันขันแข็งเวลามุ่งทำอะไรก็จะทำไปเรื่อยๆไม่เร่งรีบจนกว่าจะสำเร็จ อย่างเช่น เธอคลั่งดาราญี่ปุ่นจนเกิดแรงบันดาลใจในการเรียนภาษาญี่ปุ่น เพียงเพื่อต้องการมาฟังดาราเขาพูดอะไร จากจุดเล็กๆแค่นั้นทำให้เธอใส่ใจกับภาษาญี่ปุ่นจนกลายเป็นส่วนหนึ่งของเธอในชีวิต เรียนจนเรื่อยๆมา10ปี จนปัจจุบันเธอฟังเป็น พูดเป็น เขียนเป็น ตอนนี้เธอเรียนจบปริญญาตรีครุศาสตร์สาขาสอนภาษาญี่ปุ่นและกำลังรอการบรรจุครูในขณะนี้ แต่ในขณะรอการบรรจุเธอก็ยังทำงานเกี่ยวกับภาษษญี่ปุ่นอยู่เช่น งานแปลเอกสาร เป็นต้น

1.ก่อนหน้าที่จะรู้จัก เธอเป็นคนเงียบๆ ระเบียบเรียบร้อย สุภาพพูดน้อย

2.หลังจากที่รู้จัก โหต่างกันคนละขั้ว(ขั้วโลกเหนือ,ขั้วโลกใต้) เป็นคนค่อนข้างเงียบ แต่ถ้าได้สนิทกับใครแล้วจะพูดจาสุภาพ คุยสนุกสนาน แถมพูดไม่หยุด ชอบแกล้งคน(เกรียน) ทั้งๆที่รูปลักษณ์ภายนอกก็ยังดูเป็นคนเรียบร้อยดุจผ้าขาว(ม้า)พับไว้อยู่ เป็นคนใจดีจนโดนเอาเปรียบบ่อยครั้ง เป็นคนฉลาดทันความคิดคนและเอาจริงเอาจังกับสิ่งที่กำลังตั้งใจอยู่

3.สิ่งดีๆที่ได้เรียนรู้จากเธอ เป็นคนจะจริงจังก็จะจริงจังขึ้นมาทันที ตั้งใจมากไม่ยอมแพ้อะไรง่ายๆ บางอย่างถึงจะใช้เวลานานแต่ถ้าตั้งใจไปเรื่อยๆสัก10ปีอย่างเธอก็จะเห็นผล และรักความยุติธรรมอย่างมาก

4.ความเหมือนระหว่างเรา เป็นคนสนุกสนาน และชอบความยุติธรรม

5.ความต่างระหว่างเรา เธอเป็นคนจริงจังมากและมากที่สุด ในขณะที่เราตั้งใจทำอะไรสักอย่างจะตั้งใจมากเพียงชั่วครู่เดียว ถ้าท้อเมื่อไหร่ จะมีโอกาสยอมแพ้ง่าย

6.สิ่งที่ฉันจะรักษาไว้ในตัวเองคือ ความยุติธรรมความถูกต้อง ความเป็นคนสนุกสนาน

7.สิ่งที่ฉันจะสร้างขึ้นใหม่ในตัวเองคือ ความยุติธรรมในเกณฑ์ระดับที่ทำให้เราดำรงชีวิตได้อย่างปลอดภัยต้องรักษาคนรอบข้างให้ปลอดภัยได้ด้วย

8.สิ่งที่ฉันจะตัดทิ้งในตัวเองคือ การเป็นคนยอมแพ้ง่าย ไม่กล้าเผชิญหน้า ความเป็นคนสนุกสนานมากเกินไป

9.สิ่งที่จะสร้างสรรค์ร่วมกัน ความเจริญทางความคิดและอนาคต

นางสาวเบญจพร ศรีสุระ รหัสประจำตัว 575740188-0 Y.16 sec.21

นางสาวเบญจพร ศรีสุระ รหัสประจำตัว 575740188-0 Y.16 sec.21

กิจกรรม Theory U

คู่สนทนา : คุณ ก.

ข้อมูลผู้ร่วมกิจกรรม : ปัจจุบันคุณ ก. อายุ 29 ปี มีอาชีพเป็นวิศวกร อยู่ที่บริษัทเอกชนแห่งหนึ่งและกำลังศึกษาต่อในระดับปริญญาเอก ที่คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น คุณ ก เล่าถึงปัญหาในการทำงานและปัญหาในการบริหารเวลาสำหรับการเรียนปริญญาเอก เล่าถึงความไฝ่ฝันในอนาคต ซึ่งคุณ ก นั้นมีความไฝ่ฝันที่จะเป็นอาจารย์ในมหาวิทยาลัย นอกจากนั้นยังได้เล่าถึงการวางแผนการใช้ชีวิตในแต่ละวัน เพื่อให้บรรลุเป้าหมายที่วางไว้ในอนาคต

ก่อนฟัง : เป็นบุคคลที่มีลักษณะสุขุม มีความเป็นผู้นำสูง บุคลิกภาพดี พูดจาน่าเชื่อถือ ขี้อาย ขยัน มีความอ่อนน้อมถ่อมตน

หลังฟัง : เนื่องจากเขาเป็นพี่ชายคนโต พ่อแม่อยากให้รับราชการ เพื่อจะได้มีอาชีพที่มั่นคงและเป็นหน้าเป็นตาให้แก่วงตระกูล เขาจึงเป็นความหวังของครอบครัว ซึ่งทำให้เขามีความกดดันค่อนข้างสูง ในขณะเดียวกันก็ต้องมีความรับผิดชอบ ขยัน เพื่อเป็นแบบอย่างให้กับน้องๆ เขามีการวางแผนชีวิตที่ดีมาก ทั้งในเรื่องการงาน การเรียน และการเงิน ประกอบกับเป็นคนขยันสม่ำเสมอเขาจึงประสบความสำเร็จ นอกจากนั้นเขายังเคยเป็นนายกสโมสรของคณะวิศวกรรมศาสตร์และเป็นที่นับถือของน้องๆในคณะอีกด้วย

สิ่งดีๆที่ได้จากเขา : การวางแผนชีวิตที่ดี ความขยัน ความมุมานะ ความรับผิดชอบ ความเป็นผู้นำ

ความเหมือนระหว่างเรากับเขา : ความมุมานะในการทำสิ่งใดสิ่งหนึ่งให้ประสบความสำเร็จ มีเป้าหมายในชีวิต ขยันและมีความรับผิดชอบ

ความแตกต่างระหว่างเรากับเขา : ลักษณะของความเป็นผู้นำ เขากล้าพูดกล้าทำและชอบเข้าสังคมแต่เราเป็นคนขี้อาย

สิ่งที่อยากเก็บไว้ : ความขยัน ความรับผิดชอบ และอดทน

สิ่งที่อยากกำจัดออก : ความกลัวและความกังวลในอนาคตที่ยังมาไม่ถึง

สิ่งที่จะสร้างสรรค์ร่วมกัน : ไปเที่ยวในเดือนกุมภาพันธ์ และหาแนวทางในการดำเนินธุรกิจร่วมกัน ซึ่งจะเริ่มจากทำธุรกิจเล็กๆก่อนเพื่อหาประสบการณ์ และค่อยๆพัฒนาเป็นธุรกิจที่ใหญ่ขึ้นไปเรื่อยๆตามงบประมาณที่มี

Theory U

ข้อมูลบุคคลที่ร่วมกิจกรรม : คุณวี (นามสมมติ)

ก่อนฟังคิดว่าเขาเป็นคนอย่างไร : เป็นคนที่ไม่ค่อยมีความรับผิดชอบต่องาน ไม่มีความอดทน ขี้เกียจ มีความเชื่อมั่นในตัวเองสูง เป็นคนที่ไม่มีระเบียบ เข้ากับผู้อื่นได้ยาก

หลังฟังคิดว่าเขาเป็นคนอย่างไร : หลังจากที่ได้ฟังเรื่องราวของคุณวีตั้งแต่วัยเด็ก คุณวีจะเป็นคนที่ดื้อ

มาก ชอบแกล้งน้องๆ ไม่ชอบเรียนหนังสือ ชอบโดดเรียนไปเล่นกับเพื่อน จึงทำให้คุณวีโดนแม่ดุเป็น ประจำ จนมีวันหนึ่งแม่ไม่สบายหนักมาก ทำให้คุณวีคิดได้ว่าเขาเป็นพี่คนโต มีหน้าที่ที่จะต้องดูแลน้อง จึงทำให้คุณวีเปลี่ยนแปลงตัวเอง จากเด็กชอบเที่ยว ไม่ตั้งใจเรียน ก็เปลี่ยนเป็นเด็กเรียนเก่ง ช่วยงานที่ บ้าน ดูแลน้องๆช่วยแม่ เป็นคนขยัน รักครอบครัว รักเพื่อน และยังได้รับความไว้วางใจจากผู้อื่น

มองตัวเอง : สิ่งที่มีความเหมือนกัน คือ เป็นคนรักครอบครัว รักเพื่อน ชอบท่องเที่ยว สิ่งที่ต่างกัน คือ เป็นคนที่ไม่ชอบวางแผนก่อนทำ เป็นคนที่ไม่มีความอดทน ไม่กล้าตัดสินใจ ชอบเอาแต่ใจ ไม่รับฟังผู้อื่น

สิ่งที่ต้องการเพิ่ม : กล้าตัดสินใจให้มากขึ้น ต้องมีการวางแผนให้รอบคอบ

สิ่งที่ต้องการลด : ความเอาแต่ใจตัวเอง ฟังผู้อื่นให้มากขึ้น

สิ่งที่ต้องรักษา : รักครอบครัว รักเพื่อน ความกตัญญู ความจริงใจที่มีต่อผู้อื่น

สิ่งที่อยากทำร่วมกัน : ไปท่องเที่ยวด้วยกันและคอยเป็นที่ปรึกษาให้กันและกัน

ศิรดา สมเทศน์ 575740248-8

ศิรดา สมเทศน์ 575740248-8 MBA Y16 sec.21

Theory U : สนทนากับคุณ mk

คุณ mk เล่าคร่าวๆ ถึงชีวิตในวัยเด็ก สิ่งต่างๆ ในชีวิตที่ได้พบเจอมาตั้งแต่เรียนประถมศึกษา มัธยมศึกษา จนถึงมหาวิทยาลัย กิจกรรมที่ชื่นชอบพร้อมกับความเป็นมาของความประทับใจต่างๆ ที่เกิดขึ้นตลอดระยะเวลา 23 ปี

  • ตัดสินจากประสบการณ์ในอดีต

เมื่อมองภายนอกดูเหมือนว่า mk จะเป็นคนสนุกสนาน เฮฮาชอบสังสรรค์กับเพื่อนพี่น้อง มีเพื่อนเยอะแยะมากมาย กีฬาที่ชอบคือกีฬาฟุตบอล เพราะชอบเตะฟุตบอล เป็นนักกีฬาฟุตบอล อยู่ชมรมฟุตบอลของคณะและรักคนในชมรมมาก

  • เห็นกับตาและรู้สึก

และในความเป็นจริงนั้น mk เป็นผู้ชายที่ชื่นชอบและคลั่งไคล้ในกีฬาฟุตบอลมากกว่าที่เห็นในตอนแรก มีเรื่องราวที่เกี่ยวข้องในชีวิตเกินครึ่งหนึ่งคือฟุตบอล มีเดวิด เบ็คแฮม และสโมสรแมนเซสเตอร์ยูไนเต็ดในฟุตบอลลีคก์อังกฤษอยู่ในหัวใจ เขามีความเชื่อมั่นในสิ่งนี้มากๆ ทำให้ชมรมฟุตบอลของคณะที่เขาอยู่เป็นสิ่งที่น่าศรัทธาและอยู่ในใจเสมอ mk เป็นที่รักของทุกๆ คนในชมรม รวมทั้งเราด้วย ยิ่งได้รู้จักเขาก็ทำให้เห็นมุมมองใหม่ๆ มากมายจากการเล่าประสบการณ์ที่ผ่านมาของเขา แต่ mk เป็นคนคิดมากกับทุกเรื่อง เป็นคนที่จิตใจอ่อนไหวมากสิ่งเล็กน้อยก็กระทบความรู้สึกได้อย่างมากมาย บางเวลาเขาชอบติดกับความคิดและสิ่งที่อยู่ในอดีตมันผ่านไปแล้วแต่ยังคงอยู่ในใจ ไม่ใช่มองว่าเป็นบทเรียน แต่กลับวนอยู่ที่เดิมกับความรู้สึกเดิม ไม่ปล่อยวาง ทำให้คนรอบข้างได้รับความรู้สึกไม่ดีเหล่านั้น ซึ่งบางครั้งเราก็รู้สึกถึงความแย่เหล่านั้นไปด้วย

  • ตัวเองเป็นอย่างไร

พอย้อนกลับมาดูตัวเราเอง เราเป็นคนไม่ใส่ใจในอดีตเลย เราคิดถึงเพียงตอนนี้และวันข้างหน้า เรามีความคิดที่ว่าเราไม่สามารถเดินย้อนกลับไปวันวานได้ แต่เราสร้างวันข้างหน้าได้แน่นอน เรารู้ว่าในอดีตมันไม่ได้ถูกทั้งหมดที่เราทำไป เรารู้ตัวเองว่าไม่ได้เป็นคนที่คิดบวกตลอด ส่วนใหญ่คิดไม่เหมือนคนอื่นเลย แต่แล้วยังไงให้เดินกลับไปเหรอ มันเป็นไปได้ไหม ตรงนี้ที่เราต่างกันกับ mk เขายังคิดถึงอดีตจำอดีตได้แต่เราไม่ใช่บางอย่างลืมไปแล้วด้วยซ้ำ เรามองว่าความคิดของเราสามารถทำให้เราเป็นตัวเราและดำเนินชีวิตต่อได้อย่างไม่มีข้อแม้ เราว่านี่เป็นส่วนดีของเราที่อยากรักษาไว้

ด้วยความที่เขาเป็นนักกีฬาเขาจะมีความฟิตมากและต้องการออกกำลังกายเสมอ ซึ่งนั่นไม่ใช่นิสัยเราเท่าไหร่ในเมื่อเราขี้เกียจที่จะออกกำลังกาย สิ่งที่อยากกำจัดออกจากชีวิตประจำวันคือ ความเกียจคร้านในการออกกำลังกาย ทั้งๆ ที่เราก็มีอุปกรณ์ออกกำลังกายครบมาก

ส่วนสิ่งที่เหมือนกันของเราก็คือ เราชอบกินอะไรที่อร่อย ฟังเพลงแนวคล้ายๆ กัน ชอบดูฟุตบอล มีสไตล์คล้ายกัน ไม่ใช่ว่าทุกสิ่งทุกอย่างเราเหมือนกัน แต่เราคิดว่าการที่เราทำกิจกรรมต่างๆ ด้วยกันแล้วมันรู้สึกดีมากๆ เราชอบความรู้สึกตรงนี้มาก เรามีความสุขที่มีคนฟังความคิดเห็นของเราและมองว่ามันไม่ใช่เรื่องราวใหญ่โต และเราก็คิดว่าเขาก็รู้สึกเช่นเดียวกัน

  • มองเห็นอะไรดีๆ ที่น่าจะทำร่วมกันได้

ทุกวันนี้เราคิดว่าเราทำดีที่สุดแล้ว สิ่งดีๆ ที่อยากทำด้วยกันก็ยังทำอยู่ในทุกๆ วัน เรามองหาร้านกาแฟใหม่ๆ เพื่อสัมผัสบรรยากาศใหม่ๆ เรายังไปนั่งร้านกาแฟที่ชื่นชอบอยู่บ่อยๆ เช่นกัน เราทั้งสองคนมีเมนูเครื่องดื่มที่ยังดื่มอยู่เป็นประจำ และเราก็ยังลองสั่งเมนูใหม่ๆ อีกเช่นเดียวกัน เราได้ไปฟังนักดนตรีที่เราชอบและอีกหลายครั้งที่เราก็จะไปด้วยกัน เราได้เดินทางไปในที่ที่เราทั้งคู่ไม่เคยไป และเป็นประสบการณ์ที่สนุกมาก เรามีจุดหมายต่อไปที่เดียวกัน และเราก็จะออกเดินทางอย่างแน่นอน

  • สร้างสรรค์สิ่งที่ดีร่วมกัน

เราต่างมีหน้าที่ที่ต้องรับผิดชอบ ซึ่งคือการเรียนให้จบในระดับปริญญาโท และในทุกๆ ครั้งที่เราคิดอะไรไม่ออก mk ก็จะช่วยให้กำลังใจเรา มันไม่ได้ทำให้งานเราคืบหน้า แต่ก็ทำให้เรารู้สึกดีได้ และในทางกลับกันงานเขียนของเขาก็จะมีคำวิจารณ์ของเราเสมอ ในหลายๆ ครั้ง เราจะแลกเปลี่ยนมุมมองความคิดของตัวเอง แนวคิดที่ได้จากคลาสที่เรียนของทั้งคู่ มันเป็นอะไรที่ใหม่มากเพราะเราทั้งสองเรียนคนละด้าน มุมมองเราจะต่างกัน เป็นช่วงเวลาที่ทำให้รู้สึกตื่นเต้น และน่าสนใจเวลาที่ได้เจอกัน พูดคุย เล่าเรื่อง แสดงความคิดเห็นของตัวเองให้กันและกันฟัง ในร้านกาแฟที่ชอบ และพรุ่งนี้ก็จะเป็นกิจกรรมแบบเดียวกัน และวันต่อๆ ไป ในทุกๆ วัน

นางสาว กมลชนก กันติวงศ์ รหัสนักศึกษา 575740112-3 Sec.21

ชื่อ นางสาว กมลชนก กันติวงศ์ รหัสนักศึกษา 575740112-3 Sec.21

กิจกรรม Theory U ( 10 ม.ค. 2559 )

ข้อมูลบุคคลที่ร่วมกิจกรรม : คุณเรืองพศิน ตั้งภัทรกิตติ์

1. ก่อนฟังคิดว่าเขาเป็นคนอย่างไร

  • คิดว่าเป็นผู้ชายเงียบๆ มีระเบียบ
  • 2. ฟังแล้วสรุปว่าเขาเป็นคนอย่างไร

  • เป็นคนที่รู้ว่าตัวเองไม่เก่งอะไร ก็จะพยายามศึกษาเรื่องนั่นให้มากๆ จนรู้และเข้าใจ ชอบฟังมากกว่าพูด ทั้งใจเย็นและอารมณ์ร้อนในบ้างเรื่อง เป็นคนคิดมาก และชอบที่จะศึกษาอะไรใหม่ๆ
  • 3. สิ่งดีๆที่ได้จากเขา

  • การที่เขามีความพยายามตั้งใจทำในสิ่งที่รู้ว่าตัวเองมีข้อด้อยหรือไม่เก่ง เขาจะตั้งใจศึกษาค้นคว้าหาข้อมูลให้ถึงที่สุด มีการวางแผนอนาคตและทำการแผนที่ตัวเองได้วางเอาไว้ได้สำเร็จ
  • 4. ความเหมือนระหว่างเรากับเขา

  • ความเหมือนคือ การพยายามทำในสิ่งที่อยากทำให้สำเร็จ มีความร่าเริง อัธยาศัยดี ชอบที่จะอยากรู้สิ่งใหม่
  • 5. ความต่างระหว่างเรากับเขา

  • เขาเป็นคนคิดมาก ในสิ่งที่มันยังเกิดขึ้น ส่วนเราจะไม่ค่อยคิดมาก เรื่อยๆ
  • เราชอบเป็นผู้พูด ส่วนเขาชอบเป็นผู้ฟัง
  • เขาเริ่มมีการวางแผนอนาคตว่าอยากจะทำสิ่งไหนต่อไป
  • 6. สิ่งที่อยากเก็บไว้

  • การพยายามทำทุกอย่างให้สำเร็จ แม้จะมีความขี้เกียจอยู่ในตัวก็ตาม
  • 7. สิ่งที่อยากกำจัดออก

  • ความขี้เกียจในตัวเอง ชอบผัดวันประกันพรุ่ง
  • 8. สิ่งที่จะสร้างสรรค์ร่วมกัน

  • สร้างธุรกิจสักอย่างร่วมกัน
  • ปิติภพ พรมดวงสี รหัสนักศึกษา 575740197-9 Sec.21

    นายปิติภพ พรมดวงสี 575740197-9 sec.21 young16

    Theory U

    ผู้ร่วมสนทนา: A อายุ 57 ปี อาชีพ ธุรกิจส่วนตัว

    ก่อนได้คุยกัน : มีความคิดของตนเองเป็นที่ตั้ง ไม่ใส่ใจคนอื่น เข้ากับคนอื่นได้ยาก

    หลังจากได้ฟัง : A เกรงใจผู้อื่นอย่างมาก และมีความใส่ใจต่อบุคคลรอบข้างเป็นอย่างมาก เพื่อให้บุคคลที่ตนเองรักมีอนาคตที่ดี โดยเรื่องที่วางแผนไว้นั้น มาจากประสบการณ์ชีวิตของตนเองที่เคยล้มเหลวและผิดพลาด จึงห่วงใยผู้อื่นไม่อยากให้เกิดเหตุการณ์แบบเดียวกัน โดยไม่ได้เกิดจากความคิดของตนเองเท่านั้น แต่ผ่านการปรึกษาจากบุคคลที่มีความเชี่ยวชาญมาเป็นอย่างดี และรู้จักกับผู้คนหลากหลาย

    สิ่งที่เหมือนกัน : มีความใส่ใจและห่วงใยบุคคลที่ตนเองรัก และมีการหาข้อมูลอย่างถี่ถ้วนก่อนจะลงมือตัดสินใจอะไร

    สิ่งที่ไม่เหมือน : มีวิธีการพูดที่สามารถมัดใจคน และให้คนเคารพเชื่อถือได้ และชอบพบปะผู้คนเพื่อสร้างความสนิทสนม

    สิ่งที่ต้องเพิ่ม : ทักษะการพูด เพื่อให้สามารถติดต่อสื่อสารกับคนอื่นได้ดี และความขยันหมั่นเพียร

    สิ่งที่ต้องรักษา : ความรอบคอบในการทำงาน

    สิ่งที่ตัดออก : ความเกรงใจต่อบุคคลอื่นมากจนเกินไปทำให้ไม่กล้าตัดสินใจอะไรบางอย่างที่สำคัญๆ

    อยากทำร่วมกัน : พูดคุยเพื่อแลกเปลี่ยนประสบการณ์ และออกไปพบปะพูดคุยกับบุคคลอื่นเพื่อสร้างความสัมพันธ์

    นนทรัตน์ ชินนรเศรษฐ์ 5757401725 y. 16 sec.21

    นางสาวนนทรัตน์ รหัส 575740172-5 Y.16 Sec. 21

    Theoty U

    ข้อมูลบุคคล

    นามสมมติ เอ อายุ 29 ปี อาชีพ ทำงานบริษัทเอกชนแห่งหนึ่ง

    ก่อนฟัง

    เอ เป็นคนมีความมั่นใจ กล้าตัดสินใจ มีระเบียบกฎเกณฑ์ ถือความคิดตัวเองเป็นหลัก ตรงต่อเวลา จริงใจ

    หลังฟัง

    เอเป็นคนที่มีระเบียบเนื่องจากตอนเรียนได้อยู่โรงเรียนประจำทำให้ต้องมีระเบียบวินัยอยู่ในกฎเกณฑ์ ถ้านัดกับใครแล้วใครมาไม่ตรงต่อเวลาจะไม่พอใจ ถ้าเวลาที่ตัดสินใจอะไรส่วนมากคนเชื่อและทำตามเอเนื่องจากเวลาที่ตัดสินใจอะไรใช้เหตุผลประกอบที่สมเหตุสมผลและเลือกทางเลือกที่ดีที่สุดทำให้คนเชื่อในการตัดสินใจ แต่ถ้ามีบุคคลอื่นที่คิดแตกต่างและมีเหตุผลมากพอก็จะยอมรับฟังความคิดเห็นของบุคคลนั้น และถ้าเห็นเพื่อนที่ทำงานมีข้อผิดพลาดซึ่งส่งผลต่องานก็จะพูดตรงๆ จริงใจ และเมื่อเพื่อนพูดถึงข้อผิดพลาดของเอก็ยอมรับฟังแก้ไข ปรับปรุงตัวเองเพื่อให้งานมีประสิทธิภาพ เป็นคนค่อนข้างที่จะคิดมาก รักครอบครัว รักเพื่อน เวลาที่ครอบครัวหรือเพื่อน มีปัญหาคอยแก้ปัญหา คอยให้ความช่วยเหลือเสมือนปัญหาของตัวเอง เมื่อใครมาปรึกษาจะช่วยหาทางแก้ไข หาทางเลือกที่ดีที่สุดจนตัวเองเก็บไปคิดมาก

    สิ่งที่ได้

    เป็นคนที่มีความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่แก่คนที่รัก เมื่อเห็นคนอื่นทำผิดตักเตือน และเมื่อตัวเองทำผิดยอมรับและแก้ไขสิ่งต่างๆให้ดีขึ้น

    ความเหมือน

    การยอมรับฟังความคิดเห็นของบุคคลอื่นที่คิดแตกต่างจากตัวเอง และเมื่อตัวเองทำผิดยอมรับข้อผิดพลาดของตัวเองและแก้ไข และความจริงใจต่อผู้อื่น

    ความแตกต่าง

    ความมั่นใจ ความกล้าตัดสินใจ เป็นคนที่ไม่กล้าตัดสินใจ ความมีระเบียบกฎเกณฑ์ เป็นคนที่ค่อนข้างยืดหยุ่น ไม่ชอบให้มีกฎเกณฑ์ที่เคร่งครัดเกินไป ความตรงต่อเวลา

    สิ่งที่อยากกำจัด

    ความไม่กล้าตัดสินใจ ไม่ตรงต่อเวลา

    สิ่งที่อยากเก็บไว้

    ความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ จริงใจ

    สิ่งที่สร้างสรรค์ร่วมกัน

    ไปเที่ยวแบบผจญภัยธรรมชาติเพื่อแลกเปลี่ยนเรียนรู้ซึ่งกันและกัน

    Phavilai Philaphandeth Y#16

    575740592-3 Sec.21

    Theory U

    • ก่อนฟังคิดว่าเป็นคนอย่างไร
    เป็นคนดื้อรั้น ไม่ชอบวางแผนมีความคิดที่แตกต่าง ไม่กล้าตัดสินใจและไม่ลงมือทำสักที
    • ฟังแล้วสรุปว่าเขาเป็นคนอย่างไร

    เป็นบุคคลที่มีการวางแผนธุรกิจที่ดีมีวิสัยทัศน์ มีความมานะอดทนสูงมาก เนื่องจากเขาเกิดในครอบครัวที่รับราชการ เครือข่ายญาติก็รับราชการกันหมด เขามีความคิดที่แตกต่างออกมาคืออยากออกมาทำธุรกิจเป็นของตัวเอง พอเรียนจบจากประเทศเวียดนามคุณยายจะให้เข้ารับราชการแต่เขาปฏิเสธที่จะไม่ทำ เขาเลือกที่จะออกมาทำธุรกิจโดยให้เหตุผลว่าทำงานราชการได้เงินเดือนน้อย เขาอยากออกมาทำธุรกิจของตัวเองก่อน ถ้าไปไม่รอดแล้วจะกลับไปรับราชการ หลังจากที่ตัดสินใจเขามีเงินเพียงเล็กน้อยแต่อยากทำธุรกิจหลายอันซื่งเขามองเห็นว่าตอนนี้ สปปลาวกำลังมีการขยายกานก่อสร้างเขาจืงมีความคิดริเริ่มอยากทำธุรกิจก่อสร้าง ซื่งธุรกิจนี้ต้องใช้เงินลงทุนที่สูงมาก เขาเป็นคนทีถ้าตัดสินใจจะเดินออกมาแล้วจะไม่หวังพื่งใคร พอได้ฟังในสิ่งที่เขาพูด สิ่งที่เราคิดว่าเขาพูดเรี่อยเปี่อยไม่ลงมือทำสักทีเป็นเพราะเขาขาดเงินลงทุน ธุรกิจที่เขาจะทำมีต้นทุนสูงมากเกินไป การจะทำธุรกิจนี้ต้องมีปัจจัยหลายอย่าง ไม่ใช้อยากจะเปิดก็เปิดได้

    • สิ่งดีๆที่ได้จากเขา
    ความกล้าที่จะออกมาทำกับสิ่งที่ตัวเองไม่ถนัด เป็นคนที่มีป้าหมายชัดเจนและจะทำให้สำเร็จ
    • ความเหมือนระหว่างเรากับเขา
    ความดื้อรั้นที่อยากจะแตกต่าง ไม่อยากทำในสิ่งที่มีใครบังคับให้ทำ
    • ความแตกต่างระหว่างเรากับเขา
    เขาจะเป็นคนที่มี่ความคิดแตกต่างแต่กล้าพูดกล้าที่จะลงมือกว่าเรา
    • สิ่งที่อยากจะเก็บไว้
    ความเป็นตัวของตัวเอง ความคิดแตกต่าง
    • สิ่งที่อยากกำจัดออก
    ความขี้เกียจที่จะเปลี่ยนแปลงในสิ่งใหม่ๆ
    • สิ่งที่จะสร้างสรรค์ร่วมกัน

    ร่วมมือทำธุรกิจ เนื่องจากบ้านเราทำธุรกิจเราจะเป็น Connectionให้เขา

    น้ำทิพย์ นาคะประเวศ 575740565-6 MBA EX.14

    Theory U คลาสเรียน MBA มข ณ.วิทยาเขต กรุงเทพฯ

    Generation Y

    การรับฟังคนในครอบครัวซึ่งมีอายุต่างกันถึงยี่สิบปี

    น้องแมว(นามสมมติ)เป็นลูกคนเดียว เกิดมาท่ามกลางความรักและเอาใจใส่ของแม่ซึ่งยังเป็นวัยรุ่น ต่อมาเกิดวิกฤตปี 40 วิกฤตที่ทำให้ชีวิตน้องแมวเปลี่ยนไป สิ่งที่น้องแมวเล่าวันนี้คือ หนังเรื่อง Big Short เป็นเรื่องที่เกี่ยวกับวิกฤตแฮมเบอเกอร์ Hamburger Crisis วิกฤตการเงินครั้งประวัติศาสตร์ของชาติมหาอำนาจอย่างอเมริกา น้องแมวเล่าว่าการที่ดูหนังเรื่องนี้ทำให้น้องแมวตระหนักว่าบ้านเมืองเราอาจเข้าสู่วิกฤต 40 อีกครั้ง ครั้งนี้มันอาจทำให้ประเทศเราฟื้นตัวกลับมาได้ยากไม่เหมือนครั้งก่อนเนื่องจากว่าประเทศเพื่อนบ้านเรามีความเจริญและมีศักยภาพในหลายๆด้านไม่แพ้หรือมากกว่าเราด้วยซ้ำ ด้วยเหตุผลดังกล่าวจะทำให้นักลงทุนหันไปลงทุนในประเทศเพื่อนบ้านมากกว่า และคราวนี้เราอาจเจอวิกฤตยาวจนไม่สามารถฟื้นตัวได้ น้องแมวเล่าว่าการที่น้องแมวชอบดูหนังแนวนี้เนื่องจากน้องแมวชอบอะไรที่ต้องใช้ความคิด ชั้นเชิงกลยุทธ์ และตัวละครต้องมีมุมมองหรือความพยายามในการแก้ปัญหาไม่ยอมแพ้ปัญหาหรือท้อใจง่ายๆ

    ความเชื่อเดิม ที่มีต่อน้องแมว คือ ผู้ฟังมองว่าน้องแมวเป็นเด็กยุค Gen Y ทำอะไรไม่มีความอดทน เจอปํญหาก็ไม่สู้ คิดถึงแต่ตัวเอง เอาตัวเองเป็นที่ตั้ง

    สิ่งที่ค้นพบเมื่อหยุดรับฟัง สิ่งที่ได้คือ เด็กรุ่นใหม่มีวิธีคิดที่แตกต่าง กล้าคิด กล้าตัดสินใจ ไม่ยอมแพ้อะไรง่ายๆ มีความฉลาดรอบรู้หลายๆด้าน

    สิ่งที่แตกต่างจากตัวเรา น้องแมวมีความคิดที่ฉลาดมาก ชอบอะไรที่มีความเป็นเอกลักษณ์ไม่ตามเทรนด์แฟชั่นดารา การคิดที่เป็นเหตุเป็นผลที่มาพร้อมกับการใช้จินตนาการความคิดสร้างสรรค์ มีภาวะผู้นำอันเป็นเลิศ มีความเชื่อมั่นและศรัทธา ส่วนผู้ฟังนั้นทำทุกอย่างจากอารมณ์ล้วนๆขาดการคิดอย่างมีระบบและตามเทรนด์แฟชั่นมากไป

    สิ่งที่คิดจะสร้างสรรค์ร่วมกัน คือ การทำธุรกิจที่ต้องใช้ความคิดสร้างสรรค์ของน้องแมวนั้นคือ การทำแบรนด์เสื้อผ้า และร้านอาหารแนวๆที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว โดยน้องแมวจะนั่งตำแหน่งผู้บริหารร่วมกับผู้เขียน


    ID 565740306-9 Y.12 MBAKKU

    Theory U วันที่ 7 กพ. 2559

    นาย น. เป็นคนที่เรียนดีเรียนเก่งมาตั้งแต่เด็ก และมีเพื่อที่รักกันเรียนมาด้วยกัน แข่งขันกันทั้งด้านการเรียน ซึ่งนาย น. นั้นเรียนเก่งกว่ามาตลอด แต่มาถึงช่วงเวลาที่จะเข้ามัธยมปลาย ซึ่งนาย น. ไม่สามารถเข้าเรียนต่อมัธยมได้ แต่ต้องไปเรียนด้านสายอาชีพ เนื่องจากฐานะทางบ้านไม่สู้ดีนัก แต่เพื่อนอีกคนนั้นได้เรียนต่อมัธยม ซึ่งทำให้ต้องแยกกัน นาย น. จำใจ ต้องไปเรียนด้านสายอาชีพทั้งๆ ที่ใจไม่รัก และไม่ต้องการ จนวันนึงได้ นาย น. ได้อาจารย์ที่ปรึกษาแนะแนวสายวิชาที่เหมาะสม นาย น. ลงเลือกสายบัญชี เนื่องจากเป็นคนที่เก่งเลข เรียนจนจบ ปวช. นาย น. ตัดสินใจ สอบเข้ามหาวิทยาลัยพร้อมเพื่อนๆในห้อง ทั้งๆที่ทางบ้านประสงค์จะให้เรียนต่อ ปวส. แต่ นาย น. มีความมุ่งมั่นที่จะเข้ามหาวิทยาลัยให้ได้ จนผลประกาศ ออกว่านาย น. นั้น สอบเข้ามหาวิทยาลัยได้เพียง 1 คนทั้งชั้นเรียน นาย น. มีความมุ่งมั่นว่าจะต้องเรียนให้ดีที่สุด และต้องจบตามหลักสูตร เมื่อทราบข่าวเพื่อที่ต้องแยกจากกันตอนมัธยมปลาย เข้าสอบเข้าหมอได้ที่มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ นาย น. จึงมีความรู้สึกเศร้า ที่ตนไม่มีโอกาสได้เรียนต่อ ม.ปลาย ซึ่งความฝันจริงๆ ตนอยากเป็นอาจารย์มหาวิทยาลัย แต่ตนก็ไม่ท้อ มุ่งมั่นเรียนต่อจนจบปริญญา และทำงานสายบัญชีที่บริษัทแห่งหนึ่ง จนได้เลื่อนตำแหน่งเป็นผู้จัดการด้านบัญชี ตนก็รู้สึกภูมิใจ แม้ว่าจะไม่ได้เรียนต่อ ม.ปลายเหมือนเพื่อนตน แต่ตนก็ประสบผลสำเร็จได้ และได้เลี้ยงดูมารดา ดั่งที่ตั้งใจ และตนยังเลี้ยงดูแมวจรจัด เพราะด้วยความเมตตาที่ทนเห็นสัตว์เลี้ยงที่ถูกทิ้งไม่ได้ แต่ตนก็ยังมีความใฝ่รู้ที่จะศึกษาด้านภาษาเพิ่มเติม แต่เพียงยังไม่มีโอกาสที่จะเรียนอย่างจริงจัง เป็นต้น

    ปิ้งอะไร : ไม่ควรมองคนแค่ภายนอก ควรรู้จักเขาจากข้างใน ซึ่ง นาย น. นั้น หากมองจากภายนอกเป็นคนแรง ครึม แต่แท้จริงแล้วเป็นคนเมตตา และกตัญญู

    อะไรที่แตกต่างกับเรา : โอกาส เรามีโอกาสมากกว่าเ นาย น. แต่ก็ไม่ค่อยจะใช้โอกาสนั้นให้มีประโยชน์อย่างที่สุดต่อตนเอง และนิสัยการออม เรารักกการออม แต่ นาย น.ไม่มีการวางแผนการออม

    สิ่งที่จะเพิ่มเติม : เพิ่มความอดทน มุ่งมานะ

    สร้างสรรค์ร่วมกัน : การศึกษาเพิ่มเติมด้านภาษา เพราะทั้งเราและ นาย น.ทำงานกับบริษัทต่างชาติเช่นเดียวกัน

    วรรณา กตกุลรุ่งโรจน์ 575740572-7 EX-WE# 14 , MBA KKU at BKK

    Theory U วันที่ 7 กพ. 2559

    นาง ส. เป็นแม่ค้าธรรมดาคนหนึ่งซึ่งได้ทำอาชีพนี้มาตั้งแต่ 8 ขวบ จนถึงปัจจุบันนี้ก็ 54 ปี ขายทุกวันจันร์ ถึง ศุกร์ เป็นคนที่ชอบเรียนหนังสือ มีพี่น้อง 5 คน เป็นคนที่สาม เป็นคนเรียนหนังสือเก่งสอบได้ที่ 1 ของห้อง แต่ด้วยที่ไม่สามารถเรียนหนังสือต่อได้นั้น เป็นเพราะมีน้องอีกสองคนเรียนหนังสือเลยต้องออกมาขายของแทนการเรียนหนังสือ แต่การที่ไม่ได้เรียนหนังสือนั้นก็ไม่ได้หมายความว่าเค้าจะไม่มีความรู้ ความสามารถในการใช้ชีวิตประจำวัน การเรียนรู้ในมหาวิทยาลัยชีวิตเป็นสิ่งที่ยากที่จะคาดเดาได้ อย่างการเรียนหนังสือในโรงเรียน มหาวิทยาลัยมีแบบแผนตายตัว แต่การเรียนรู้จากชีวิตจริงมันเป็นสิ่งที่ยากที่จะมีแบบแผนให้เราศึกษา มันเป็นการเรียนรู้เองโดยไม่มีใครสอนเรา แม่ค้าคนนี้มีลูกสาวหนึ่งคน เลี้ยงเองคนเดียว เป็นคุณแม่เลี้ยงเดี่ยว ด้วยที่เป็นแม่ค้าคนอื่นภายนอกเห็นอาจจะเห็นว่าคน ๆ นี้ไม่มีการศึกษา บ้าๆ บอ ๆ ไปวัน ๆ ไม่มีอนาคตให้ลูก แต่แม่ค้าคนนี้วางแผนไว้ให้ลูกทุกอย่าง เริ่มด้วยทุกวันหลังจากขายของเสร็จก็จะนำเงินฝากเข้าบัญชีวันละ 100 บาท เมื่อสมัย 40 ปีที่แล้ว ซึ่งอาจจะดูน้อยนัก แต่แม่ค้าคนนี้มีกำลังเพียงเท่านี้ แต่ไม่เคยที่จะขาดการเดินเข้าธนาคารจนถึงทุกวันนี้ก็ยังเดินเข้าธนาคารเอาเงินไปฝากด้วยจำนวนที่มากขึ้น โดยมีการวางแผนไว้เพื่อเก็บเงินให้ลูกเรียนหนังสือ ด้วยเหตผลที่ว่ายิ่งโตลูกต้องให้เงินเยอะ ซึ่งก็เป็นความจริง เริ่มตั้งแต่อนุบาล ก็เรียนใกล้ ๆ บ้านแต่เป็นเอกชน พอจบอนุบาล ก็ให้ลูกเรียนโรงเรียนวัดตั้งแต่ป. 1 ถึง ป.6 และก็เรียน มัธยมต้นก็รัฐบาล หลังจากนั้น เรียน ปวช ก็เอกชนด้วยค่าเทอมประมาณ 8,000 บาท และเรียนมหาวิทยาลัยก็เอกชน ซึ่งเป็นอันดับต้น ๆ ของ ม.เอกชน ด้วยที่ค่าเทอมที่แพง แต่แม่ค้าคนนี้สู้ทุกอย่างเพื่อลูกสาวของเธอ ด้วยตัวของแม่ค้าเองโดยไม่มีการกู้ยืมจากกู้นอกระบบ ไม่มีการกู้เงินของภาครัฐ แม่ค้าคนนี้มีความรักต่อลูกสาวของเธอมาก จนวันที่ลูกสาวเรียนจบไปงานรับปริณญาลูกแม่ค้าคนนี้เธอมีความภูมิใจในตัวของเธอมาก สามารถส่งลูกเรียนจนจบได้ แล้วก็ไม่ได้เป็นมหาวิทยาลัยที่ไม่มีใครรู้จัก ด้วยความรักทั้งสิ้นและความมุ่งมั่น

    ความเชื่อเดิม : น่าจะไม่มีอะไรน่าค้นหาในความเป็นแม่ค้าคน ๆ หนึ่ง

    ปิ้งอะไร : ในสนามชีวิตเป็นสิ่งที่คาดเดาไม่ถูก หากมองจากภายนอกคนทั่วไป ก็จะดูถูกว่าไม่สามารถส่งลูกเรียนจบมหาวิทยาลัยดี ๆ คงไม่มีเก็บเงิน แต่แท้จริงแล้วเหมือนผ้าขี้ริ้วห่อทอง มีความมุ่งมั้นในการเลี้ยงลูกด้วยตัวเอง มีการวางแผนในชีวิตตลอดเวลา

    อะไรที่แตกต่างกับเรา : การศึกษาสูงกว่าแม่ค้า นาง ส. มาก แต่เราค่อนข้างที่จะสบาย ๆ กับชีวิต ไม่ค่อยมีการวางแผนอะไรมากมาย รักอิสระมากเกินไปซึ่งบางครั้งอาจจะไม่ได้ประโยชน์อะไรกับตัวเองมากนัก

    สิ่งที่จะเพิ่มเติม :สร้างความมุ่งมั่นกับตัวเองให้มากขึ้น มีแบบแผนกับชีวิตมากขึ้น

    สร้างสรรค์ร่วมกัน : ขอแรงบันดาลใจในการทำงาน เพื่อให้มีความสุขในการทำงาน

    นางสาว วริฏฐา เตรียมไธสง ID 575740536-3 Y.12 MBAKKU BKK

    นางสาว วริฏฐา เตรียมไธสง ID 575740536-3 Y.12 MBA KKU BKK

    การบ้าน Theory U

    พ่อเป็นข้าราชการเกษียณอายุราชการ ก่อนเกษียณพ่อเป็นข้าราชการระดับสูงของกระทรวง กระทรวงหนึ่งที่ดูแลเรื่องสังคม ปัจจุบันพ่อยังรับงานช่วยเหลือสังคมอยู่ ไม่กี่วันที่ผ่านมาพ่อได้ไปร่วมการประชุมเรื่องเด็กและเยาวชน พ่อได้เล่าให้ฟังว่า ตอนนี้ปัญหาของประเทศไทยที่ไม่เจริญเท่าที่ควรคือปัญหาเด็กและเยาวชน พ่อมองว่าตอนนี้ผู้ใหญ่หรือผู้ที่มีหน้าที่รับผิดชอบในเรื่องการดูแลเด็ก เหมือนกับเอาเด็กเป็นตัวประกัน คอยเอางบประมาณอ้างว่าไปพัฒนาเด็ก แต่ความจริงแล้ว ไม่ได้เอางบประมาณแผ่นดินไปใช้ให้เกิดประโยชน์เท่าที่ควร ทุกหน่วยงานของภาครัฐ จะมีหน้าที่ช่วยกันในเรื่องของเด็กและเยาวชนหมด แต่ไม่มีใครไปจริงจังเลย ต่างเกี่ยงกันไปเกี่ยงกันมา พ่อให้ความเห็นว่าเหตุผลที่คนที่มีหน้าที่รับผิดชอบพวกนี้ไม่จริงจังและปล่อยละเลย เป็นเพราะสังคม พ่อเชื่อว่าสังคมที่หล่อหลอมให้เกิดเป็นคนดีคือสังคมครอบครัว ถ้าเราใส่ใจเด็กซึ่งเป็นอนาคตของชาติได้ ประเทศเราก็จะเป็นประเทศที่เจริญ เมื่อเด็กเหล่านั้นโตเป็นผู้ใหญ่ ก็จะเป็นพลเมืองที่ดีของชาติ ตอนนี้ทุกคนมองแต่ว่าเศรษฐกิจไม่ดี ไทยได้เปรียบเสียเปรียบ มีแต่คนแก้ปัญหาที่ปลายเหตุ ถ้าเราแก้ที่ต้นเหตุจริงๆ ไทยคงจะมีความเจริญได้แบบยั่งยืนมากกว่านี้ พอเศรษฐกิจไม่ดี คนไม่กล้าเสี่ยง ไม่กล้าแม้แต่จะมีครอบครัว มีลูก จนทำให้ประชากรไทยมีแต่คนแก่ แล้วต่อไปก็เข้าสู่ยุคที่เป็นเมืองคนแก่ที่ยากจนอย่างเต็มตัว แล้วอย่างนี้ต่างชาติจะไม่มาสนใจเรา เศรษฐกิจก็ไม่ดีอย่างจริงจัง และยากที่จะคืนมา ถ้าหากคืนมาคงได้แค่ฉาบฉวย

    ปิ๊งอะไร : พ่อเล่ามุมมองว่าประเทศจะเจริญได้ต้องมาจากต้นเหตุซึ่งเป็นสถาบันสังคมครอบครัว ไม่ใช่แค่เรื่องเศรษฐกิจและการลงทุนอย่างเดียว

    สิ่งที่แตกต่างกับเรา : พ่อเป็นคนในหน่วยงานราชการ แต่ดิฉันเป็นคนภาคธุรกิจ ไม่เคยมองเห็นในจุดนี้ มองแต่ว่าเศรษฐกิจไม่ดี เพราะการลงทุน ซึ่งจริงๆแล้วหากเราฟังให้มากขึ้น ทำให้เราเปิดมุมมองใหม่ๆได้ ในเรื่องที่พ่อเล่ามานี้ ทำให้เห็นได้ว่า ทุกคนมีจุดมุ่งหมายเดียวกัน คือ อยากให้ประเทศเจริญ เศรษฐกิจมั่นคง ไม่เสียเปรียบต่างชาติ

    สิ่งที่จะสร้างสรรค์ร่วมกัน : ใส่ใจในครอบครัวมากขึ้น

    นาย ณัฐวุฒิ ติรนาควิทย์ ID 575740510-1 Y.12 MBA KKU At BKK

    Theory U

    พ่อเล่าเรื่องชีวิตการทำงานที่ผ่านมาให้ฟังโดยหลังจากเรียนจบ ปวส.ที่สถาบันแห่งหนึ่งย่านจรัญ 13 และพ่อได้เข้าทำงานที่ธนาคารแห่งหนึ่งซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของการทำงานธนาคารมาตลอดทั้งชีวิตการทำงานจนใกล้ถึงเวลาเกษียณอายุโดยเริ่มต้นพ่อได้ทำงานในตำแหน่งเจ้าหน้าที่คีย์ข้อมูลซึ่งในยุคนั้นไม่มีคอมพิวเตอร์จะใช้แค่เพียงเครื่องพิมพ์ดีดซึ่งในขณะนั้นพ่อได้เงินเดือนแค่ 7,000 บาท ซึ่งถือว่าไม่มากไม่น้อยในสมัยนั้น พ่อเริ่มจากจุดเล็กๆของระบบธนาคารจนพ่อทำงานได้ระยะหนึ่งก็ได้เรียนปริญญาตรีภาคค่ำซึ่งเป็นจุดเปลี่ยนทำให้พ่อได้ขยับตำแหน่งไปอยู่ในส่วนของงานสินเชื่อซึ่งพ่อได้ทำงานด้านสินเชื่อนี้มาถึง25ปีผ่านมา2ธนาคาร จากพนักงานพิมพ์เอกสารจนถึง ผู้อำนวยการฝ่าย ใช้เวลาและความพยามอย่างมากและมาถึงจดเปลี่ยนอีกครั้งเมื่อธนาคารที่พ่อทำงานนั้นถูกกลุ่มธนาคารจากมาเลเซียเข้ามาซื้อกิจการไปและพ่อได้ทำงานกับธนาคารของมาเลเซียนี้อยู่สักระยะหนึ่งจึงออกมาสู่ธนาคารหนึ่งซึ่งเป็นธนาคารในกำกับของรัฐ จนถึงปัจจุบัน

    ปิ๊งอะไร

    ในปัจจุบันผมทำงานอยู่ในต่ำแหน่งเล็กๆของธนาคารแห่งหนึ่งเหมือนกับพ่อในขณะนั้นและเห็นตัวอย่างจากพ่อว่าความพยามและอดทนจะทำให้สามารถก้าวไปสู่ตำแหน่งที่ดีได้

    สิ่งที่แตกต่างกับเรา

    เราเป็นคนมีความอดทนต่ำมีความคิดว่าจะออกหรือเปลี่ยนงานตลอดเวลาซึ่งเป็นอุปสรรค์ขัดขวางในการทำงาน

    สิ่งที่จะเพิ่มเติม

    เพิ่มความอดทน มุ่งมานะเพิ่มมากขึ้น

    สร้างสรรค์ร่วมกัน

    ศึกษาจากพ่อว่าการทำงานที่เริ่มจากจุดเล็กๆสามารถก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งที่สูงขึ้นอย่างไร

    มาลินี สิทธาจารย์กุล 575740588-4 MBA EX 14

    Theory U คลาสเรียน MBA มข ณ วิทยาเขตกรุงเทพ

    การรับฟังความคิดเห็นของเพื่อน ที่ชื่อพร พรเกิดในครอบครัวที่มีฐานะดี มีการศึกษาดี เรียนจนจบปริญญาตรี และมีงานการทำเป็นหลักแหล่ง การงานมั่นคง และเมื่อมีเวลาว่าง มักจะไปเที่ยวต่างประเทศ เช่น เวียดนาม สิงคโปร์ ฮ่องกง มาเลเซีย แต่เมื่อทำงไปเรื่อย ๆ เกิดความเบื่อหน่าย อยากจะเปลียนงานใหม่ และมีความคิดว่าจะไปเปิดบริษัทเป็นของตนเอง แต่ติดปัญหาทางด้านภาษาอังกฤษ จึงต้องมีการเตรียมความพร้อมทางด้านภาษาก่อน ที่จะทำการเปิดบริษัทในต่างประเทศ และคิดว่าจะไปทำการฝึกภาษาก่อนเป็นอันดับแรก และจะต้องศึกษากฎหมายระหว่างประเทศ


    ความเชื่อเดิม ไม่เคยคิดออกนอกกรอบ ไม่กล้าออกไปเสี่ยงข้างนอก

    งานของเราคืออะไร ทำให้รู้ปัญหาว่า เราควรคิดนอกกรอบบ้าง ออกไปเสี่ยงบ้าง

    สร้างวิสัยทัศน์ร่วมกัน ชวนกันไปร่วมทำธุรกิจในต่างประเทศในประเทศเวียดนาม








    วรางคณา ปรีชาเมธากุล

    Theory U

    วรางคณา ปรีชาเมธากุล รหัส 575740573-7 Ex14WE มหาวิทยาลัยขอนแก่น ณ กรุงเทพมหานคร

    ผู้เล่าเรื่อง นาย อ.

    เรื่อง ความใส่ใจในการหาความรู้

    คู่สนทนา น้องชาย อายุ 30 ปี เป็นหหารเรือ เป็นเด็กเกเร และไม่ตั้งใจศึกษาเล่าเรียน แต่สามารถสอบติดทหาร และเป็นเสาหลักในการดูแลพ่อแม่ ยามแก่ชราในเรื่องของค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาล

    น้องเล่าว่าน้องมีความสนใจเรื่องใด น้องจะศึกษาค้นคว้าหาข้อมูลอย่างลึกซึ้งและถ่องแท้ อย่างเช่นอยากได้จักรยานพับได้สักคัน ก็ต้องศึกษาจนรอบรู้ ถึงประเภทของจักรยาน เลือกอย่างไร วัสุดมีกี่แบบ ซื้อที่ไหน สนใจการทำไร่แตงกวา และยังมีเรื่องอื่น ๆ อีกมากมายที่น้องให้ความสนใจ และจะเข้าไปศึกษาหาข้อมูลศึกษาอย่างถ่องแท้เหลือเพียงลงมือทำเท่านั้น

    1.ความเชื่อเดิมกับคู่สนทนา เป็นเด็กที่เกเร ไม่ค่อยมีความคิด ไม่สนใจอะไร

    2. เห็นกับตา หลังฟัง ให้น้องเล่าเรื่องที่น้องอยากเล่า ให้สนใจ น้องเล่าเรื่องได้อย่างน่าฟัง ว่าตัวน้องนั้น ถ้าสนใจสิ่งใดหรือต้องการที่จะซื้อของสักหนึ่งอย่าง น้องจะต้องหาข้อมูลอย่างถ่องแท้จากอินเตอร์เนต บทความ หรือ ตรวจสอบกับผู้เชี่ยวชาญ

    3. รู้สึก น้องเป็นคนที่มีความพากเพียรพยายามศึกษาสิ่งที่สนใจด้วยตนเอง อย่างถ่องแท้ เป็นคนที่รู้อะไรต้องรู้ให้ลึก รู้ให้จริง ให้ครอบคลุม มีข้อมูลอยู่ในตัวเยอะมาก

    4. ปลดปล่อยความเชื่อ จากเดิมที่คิดว่า น้องเป็นคนไม่เคยสนใจอะไร ไม่ตั้งใจศึกษาเล่าเรียน ก็คงเป็นเด็กที่ไม่สามารถเอาดีได้ แต่สามารถเป็นคนที่มีความรู้รอบด้าน ในสิ่งที่ตนสนใจจนสามารถเป็นที่พึ่งของคนรอบข้างในเรื่องของข้อมูล และเป็นที่ไว้วางใจของเจ้านายอย่างมาก

    5.เราคือใคร งานของเราคืออะไรปกติเป็นคนไม่ใส่ใจรายละเอียดกับอะไรมากนัก หาข้อมูลประกอบบ้างพอสมควร ทำให้บางครั้งตัดสินใจเร็วไป ทำให้เสียเปรียบ หรือซื้อของแล้วได้ของแพงไม่คุ้มราคา และมักไม่ฟังความคิดเห็นคนอื่น

    6.เปิดรับความคิดใหม่ๆ

    สิ่งที่ต้องละทิ้ง การขาดความรอบคอบ และตัดสินใจเร็ว โดยไม่ฟังคำคัดค้านของคนอื่น

    สิ่งที่ต้องรักษา เป็นคนที่หาข้อมูลประกอบการตัดสินก่อนที่จะจัดสินใจ แม้จะไม่ละเอียดมากนักแต่ดีกว่าไม่ทำอะไรเลย หรือทำอะไรโดยขาดข้อมูล

    สิ่งที่ต้องเพิ่ม ควรมีความละเอียดรอบคอบมากขึ้น หาข้อมูลประกอบการตัดสินใจมากขึ้น

    7.สร้างวิสัยทัศน์ร่วมกัน มองหาอาชีพเสริมที่จะทำหลังจากเกษียณจากการทำงานออฟฟิศ และมองหาพื้นที่การทำเกษตรกรรม อย่างเช่นปลูกแตงกว่า หรือเมล่อน

    8.วางแผนสร้างสรรค์ร่วมกัน ร่วมกันหาข้อมูล แบ่งปันข้อมูลและวางแผนธุรกิจและศึกษาความเป็นไปได้ รวมทั้งวางแผนทางการเงิน

    9.สร้างสรรค์ร่วมกัน วางแผนที่จะใช้ความเอาใจใส่ในสิ่งต่างๆที่น้องเค้ามีผลักดันให้เกิดธุรกิจในครอบครัวเพื่อเป็นรายได้เสริมในระยะยาว

    ผู้เข้าร่วมกิจกรรม นายเอ (นามสมมติ) เพื่อนร่วมงานในทีมขาย

    สิ่งที่ชอบ : คนเราถ้ามีเป้าหมายชัดเจน และมีความพยายาม จะทำอะไรก็สามารถทำได้

    ความเชื่อเดิมเกี่ยวกับเอ : เอเป็นน้องคนสุดท้องมีนิสัยร่าเริง ชอบเล่น น่าจะยังสนุกและทำงานนี้ไปเรื่อยๆ ไม่น่าจะต้องแบกรับภาระอะไรมากมาย

    เห็นกับตา : เอเป็นคนที่ต้องแบกรับภาระไว้เยอะมากแต่ยังคงมีกำลังใจ และมีความพยายามในการสร้างตัว คิดจะทำอะไรแล้วทำได้สำเร็จ ไม่ใช่แค่คิดแต่มีการเริ่มต้นลงมือทำ

    ย้อนกลับมาดูตัวเอง : มีแต่ความคิดอยากจะทำ ไม่มีการเริ่มต้น เป้าหมายยังไม่ชัดเจน

    การพัฒนาตนเองและการสร้างสรรค์ร่วมกัน : ใน 10 วันข้างหน้าจะต้องมีเป้าหมายชัดเจนในชีวิต และเอเสนอจะให้คำปรึกษาและแนวคิดในการทำธุรกิจที่เอมีอยู่ ได้แก่ ร้านยา ร้านน้ำ แต่งหน้า อสังหาริมทรัพย์ หากต้องการ และพร้อมจะแนะนำให้รู้จัก connection ดีๆอีกด้วย

    นางสาวจุฑามาส เปี่ยมวารี 575740561-4 MBA Ex-Weekend#14

    Theory U

    นางสาวจุฑามาส เปี่ยมวารี 575740561-4 MBA Ex-Weekend#14

    ผู้เข้าร่วมกิจกรรม นายเอ (นามสมมติ) เพื่อนร่วมงานในทีมขาย

    นายเอกำลังจะลาออกจากงาน เป็นโอกาสที่ดีที่ได้ทำกิจกรรม Theory U เพื่อรับฟังนายเอซึ่งทำงานร่วมกันมานาน 4ปี เป็นเวลาครึ่งชั่วโมง เอได้เล่าเกี่ยวกับจุดเปลี่ยนในชีวิตและสาเหตุของการลาออก เรื่องของนายเอมีอยู่ว่า……นายเอจบเภสัชศาสตร์มาทำงาน Medical representative ตั้งแต่จบ เอเป็นน้องคนสุดท้อง มีพี่น้องสามคน ช่วงปีที่สามของการทำงานเอประสบปัญหาทางบ้านอย่างหนัก พ่อเอเป็นโรคหลอดเลือดในสมอง พี่ชายเอคนโตขับรถชนเพื่อนที่นั่งมาด้วยเสียชีวิตและเป็นคดีความ ตัวเอเองขับรถเสียหลักลงข้างทางรถพังยับแต่เอปลอดภัยดีแต่ภาระทางการเงินและการดูแลทางบ้านทุกอย่างมาตกอยู่กับเอ หลังจากอุบัติเหตุเฉียดตายของเอวันนั้นทำให้เอมีความคิดอยากเลิกทำอาชีพนี้ เพราะคิดว่าได้ไม่คุ้มเสีย และอยากที่จะดูแลพ่อแม่ เอจึงพยายามทำธุรกิจส่วนตัวโดยตอนแรกก็ไม่รู้ว่าจะทำอะไรดีเอเลยเริ่มจากสิ่งเอเรียนมาคือเภสัชโดยการเริ่มเปิดร้านขายยาแต่ร้านยายังไม่ให้กำไรมากพอที่จะออกจากงานประจำได้จึงต้องเริ่มหาทางหารายได้เพิ่มโดยการเปิดร้านขายน้ำหน้าร้านยา แต่ทั้งสองกิจการก็ยังให้กำไรไม่มากเท่างานประจำบางเดือนก็ขาดทุน เอก็บอกตัวเองเสมอว่าต้องทำได้จึงหาสิ่งอื่นทำเสริม เอมีความสนใจการแต่งหน้าจึงไปเรียนแต่งหน้าทำผมจากช่างที่มีชื่อเสียงมากที่ภูเก็ตทำให้เกิด connection เอเริ่มมีงานแต่งหน้ารายได้เริ่มดีขึ้นแต่ยังไม่มั่นคงพอที่เอจะออกจากงาน อีกเรื่องที่เอสนใจคือเรื่องอสังหาริมทรัพย์ ทำให้เอพยายามหาความรู้เข้าคอสอบรม เข้าร่วมกลุ่มต่างๆ และได้เข้าสู่วงการอสังหาริมทรัพย์ เมื่อเวลาผ่านมา 1 ปี จากวันที่เกิดอุบัติเหตุเอมีธุรกิจเป็นของตัวเองเริ่มมีความมั้นคง จึงอยากไปโฟกัสธุรกิจ และดูแลพ่อแม่จึงตัดสินใจลาออกในตอนนี้

    สิ่งที่ชอบ : คนเราถ้ามีเป้าหมายชัดเจน และมีความพยายาม จะทำอะไรก็สามารถทำได้

    ความเชื่อเดิมเกี่ยวกับเอ : เอเป็นน้องคนสุดท้องมีนิสัยร่าเริง ชอบเล่น น่าจะยังสนุกและทำงานนี้ไปเรื่อยๆ ไม่น่าจะต้องแบกรับภาระอะไรมากมาย

    เห็นกับตา : เอเป็นคนที่ต้องแบกรับภาระไว้เยอะมากแต่ยังคงมีกำลังใจ และมีความพยายามในการสร้างตัว คิดจะทำอะไรแล้วทำได้สำเร็จ ไม่ใช่แค่คิดแต่มีการเริ่มต้นลงมือทำ

    ย้อนกลับมาดูตัวเอง : มีแต่ความคิดอยากจะทำ ไม่มีการเริ่มต้น เป้าหมายยังไม่ชัดเจน

    การพัฒนาตนเองและการสร้างสรรค์ร่วมกัน : ใน 10 วันข้างหน้าจะต้องมีเป้าหมายชัดเจนในชีวิต และเอเสนอจะให้คำปรึกษาและแนวคิดในการทำธุรกิจที่เอมีอยู่ ได้แก่ ร้านยา ร้านน้ำ แต่งหน้า อสังหาริมทรัพย์ หากต้องการ และพร้อมจะแนะนำให้รู้จัก connection ดีๆอีกด้วย

    นายธเนศ สวมชัยภูมิ รหัส 575740564-8 Ex - Weekend#14

    นายธเนศ สวมชัยภูมิ รหัส 575740564-8 Ex - Weekend#14

    Theory U (12 ก.พ. 2559)

    คุณแหม่ม ตำแหน่งนักจัดหาที่ดินระดับปฏิบัติการ เล่าเรื่องประสบการณ์ชีวิต ตั้งแต่เด็กเป็นคนชอบการอ่านและการพูดมาก ครั้งหนึ่งได้เข้าร่วมตอบคำถามด้านกฎหมายในระดับม.ต้น และได้รับรางวัลที่หนึ่งของจังหวัด จึงเป็นจุดประกายที่อยากจะทำงานด้านกฎหมาย ซึ่งอาชีพที่ใฝ่ฝันอยากจะทำคือ ผู้พิพากษา อัยการ ทนายความ และนักจัดรายการวิทยุ จึงได้ตัดสินใจเรียนคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนดุสิตและคณะรัฐศาสตร์มหาวิทยาลัยรามคำแหง เรียน 2 สถาบันและจบพร้อมกัน ช่วงขณะที่เรียนได้มีโอกาสจัดรายการวิทยุ และได้นำสิ่งที่เรียนด้านกฎหมายมาพูดให้คนอื่นได้ฟัง ตอนนั้นมีความสุขมากที่ได้จัดรายการวิทยุ มีแฟนคลับ มีความรู้ประสบการณ์และได้พัฒนาทักษะทางด้านการพูด หลังจากเรียนจบมาได้มีความพยายามได้การสอบใบอนุญาตว่าความ เป็นใบวิชาชีพของทนายความ และได้มีโอกาสว่าความในชั้นศาลและได้รับคำชมจากผู้พิพากษาว่า พูดเก่ง และใช้คำถามได้ดี งานที่เกี่ยวกับการพูดจะทำได้ดี เคยพูดนานที่สุด 8 ชั่วโมง

    ความเชื่อเดิม : เป็นคนนิ่งๆ เป็นคนสันโดษชอบอยู่แต่กับหนังสือด้านกฎหมาย แต่บุคลิกมีความน่าเชื่อถือ

    ปิ้งอะไร : คือ การอ่านหนังสือด้านกฎหมาจำนวนมาก และการบริหารจัดการด้านเวลา ที่ต้องเรียน 2 ที่พร้อมกัน ประกอบทำงานหารายได้พิเศษคือ จัดรายการวิทยุ ต้องมีความอดทนอย่างมาก

    อะไรที่แตกต่างกับเรา : คุณแหม่มเป็นชอบการอ่านและการพูด จะทำงานด้านการพูดออกมาได้ดี แต่ตรงข้ามกับข้าพเจ้าที่ไม่ชอบการอ่านและการพูด แต่ชอบด้านการคำนวณ ตัวเลข และไม่ชอบท่องจำ

    สิ่งที่จะเพิ่มเติม : ฝึกความอดทน และความพยายามทำในสิ่งที่ตนเองชอบ ทำได้หรือทำไมได้ ก็ขอให้ได้พยายามลงมือทำก่อน และทำออกมาให้ดี สุดท้ายไม่ย่อท้อและให้กำลังใจตัวเอง

    สร้างสรรค์ร่วมกัน : เริ่มต้นจากการฝึกพูดให้มากขึ้น อาจจะมีการถามโต้ตอบสนทนากัน เพื่อให้ได้มีทักษะการพูด พูดให้ดี พูดให้ได้ใจความ พูดให้เกิดประโยชน์แก่คนฟัง และสุดท้ายพูดเพื่อที่จะพัฒนาตนเอง

    นางสาวณภาภัช เพียรโป้ย 575740562-2 MBA Ex-Weekend#14

    นางสาวณภาภัช เพียรโป้ย รหัส 575740562-2 Ex.We.14

    Theoty U

    ข้อมูลผู้ร่วมกิจกรรม นามสมมติ คุณซูซี่ อายุ 53 ปี อาชีพ พนักงานบริษัทเอกชนแห่งหนึ่ง

    คุณซูซี่ได้เล่าให้ฟังถึงประสบการณ์ในการทำงานในอดีต ที่ภาคภูมิใจ หลังจากคุณซูซี่จบการศึกษาสายวิชาชีพ ด้านการตลาด พอเรียนจบคุณน้าก็ฝากเข้าทำงานเกี่ยวกับธุรการ แต่ด้วยความที่เป็นวัยรุ่นอยากจะมีรายได้เพิ่มมากขึ้น จึงได้ตกลงกับพี่สาวเพื่อจะหารายได้เพิ่มจึงตัดสินใจขายเครื่องประดับ เช่น ต่างหู และสร้อยคอ ที่พาหุรัดระหว่างพักเที่ยง พอช่วงบ่ายก็รีบกลับเข้าไปทำงาน คุณซูซี่บอกว่าถึงแม้จะลำบาก เหน็ดเหนื่อยแต่ภูมิใจมากที่ได้หาเงินได้ด้วยตนเองตอนนั้นขายได้เงินแบ่งผลกำไรกับพี่สาวคนละ 500 บาท คุณ ซูซี่ได้ทำงานกับคุณน้าสักระยะหนึ่งก็ได้เข้ามาทำงานเกี่ยวกับค่ายเพลง ของบริษัท นิธิทัศน์ โปรโมชั่น ได้ทำงานเกี่ยวกับงานธุรการและได้พัฒนามาอยู่ในตำแหน่งฝ่ายประสานงานศิลปินเกี่ยวกับคอนเสิร์ต ได้ทำงานร่วมกับศิลปินนักร้อง อ๊อด โอภาส, ก้อย พรพิมล ธรรมสาร, วงเพื่อน, วงฟอร์เอฟเวอร์ และศิลปินอีกมากมาย คุณซูซี่ได้เล่าว่า “ทุกครั้งที่เห็นศิลปินร้องเพลงบนเวที เราภูมิใจและหายเหนื่อย” ต่อมาได้มาย้ายมาทำงานที่ มูเซอ มิวสิค เซอร์วิส จำกัด ได้เรียนรู้งานด้านบริหารจัดการและเรื่องการสร้างภาพลักษณ์ให้แก่ศิลปิน (Artist Management) จากคุณชนินทร์ นินจา และสิ่งที่คุณซูซี่ ภูมิใจอีกเรื่องคือ ได้คิดโปรเจค Free Media ให้แก่บริษัท ได้พาศิลปินมาออกรายการทีวี เพื่อให้ศิลปินได้โปรโมทผลงานเพื่อสร้างการจดจำ และที่สำคัญเป็นการโปรโมทศิลปินที่ Free ทำให้สร้างความประทับใจแก่หัวหน้างานได้เลื่อนตำแหน่งและปรับเงินเดือน จนทำให้ มีคนรู้จักคุณซูซี่มากขึ้นในสายค่ายเพลง ต่อมาได้ย้ายเข้าทำงาน วอร์เนอร์มิวสิค (ประเทศไทย) รับผิดชอบงานมากขึ้น เช่น ดูแลศิลปิน วงทีโบน, คุณสุกัญญา มิเกล และวงคาราบาว เป็นต้น ได้พาศิลปินมาออกรายการ ชิงร้อยชิงล้าน, มาสเตอร์คีย์ เป็นการผลักดันในเรื่อง Free Media และได้รับการโปรโมทจากหัวหน้างาน และปรับเงินเดือน หลังจากที่ได้ร่วมงานกับค่ายเพลงทำให้ได้เรียนรู้ประสบการณ์ ต่อมาก็ได้ไปทำงานกับรายการทีวี บริษัท แพลนเน็ท ทาเรี่ยม จำกัด ผู้ผลิตรายการซี้ย่ำปึ๊ก ทางช่อง 5 ฝ่ายประสานงานพิธีกรกับคุณ ซูโม่กิ๊ก ร่วมงานกับดารา อาทิ คุณมาช่า, คุณญาญ่า หญิง, คุณศรราม เทพพิทักษ์ และศิลปินอีกมากมาย ดูแลจัดการงานสตูดิโอ เอ็นเตอร์เทรนคนดู ไฟ แสงสี เสียง เป็นงานที่หนักมาก แต่ก็แอบภูมิใจกับผลงานที่ออกมาตอนที่ได้ดูเทปออกอากาศ จนได้รับฉายยาว่า “คุณป้า สุดยอด” สุดท้ายที่ได้ทำงานด้านบันเทิงก่อนที่จะมาทำงานที่ บริษัท สื่อโฆษณาที่ทำอยู่ปัจจุบัน ได้เข้าทำงานที่ อราทิส แกรมมี่ (มหาชน) เป็นความภูมิใจมากๆ ที่ได้ทำงานในบริษัทที่ตนใฝ่ฝัน ทำหน้าที่หาศิลปิน ผลักดันเข้าวงการ เช่น หมอโอ๊ค สมิธ, คุณทีน สราวุฒิ, คุณตั๊ก บงกช และศิลปินอีกมากมาย

    ก่อนฟัง

    คุณซูซี่ เป็นคนที่รักสวยรักงาม มีความคิดสร้างสรรค์ เป็นคนที่มีมนุษย์สัมพันธ์ที่ดี คุยเก่ง

    หลังฟัง

    คุณซูซี่เป็นคนที่มุ่งมั่น มีความพยายามสูง ขยัน ไม่หยุดที่จะเรียนรู้หรือหาประสบการณ์ในการทำงานใหม่ๆ เสมอ จากที่ได้เริ่มต้นจากทำธุรการบริษัทเล็กๆ ทำงานเอกสาร แต่ก็คิดที่จะหารายได้ให้ตัวเองโดยการไปขายเครื่องประดับกับพี่สาว เพราะคิดว่าการทำงาน ได้เงินรู้สึกสนุก คนซูซี่ก็ไม่หยุดที่จะพัฒนาตนเองได้มีโอกาสทำงานค่าเพลง ทำรายการทีวี แลศิลปิน ที่ต้องเจอปัญหา และงานที่หนักต้องให้จิตวิทยาและความอดทนสูงในการทำงานร่วมกับคนหมู่มาก ด้วยความที่เป็นคนขยัน ไม่หยุดอยู่กับที่ คิดที่จะใฝ่หาความรู้อยู่เสมอ ทำให้ได้รู้ว่าการทำงานเบื้องหลังสายบันเทิง เป็นงานที่เหนื่อยมาก และต้องใช้ความอดทนสูง แต่ความสุขที่ได้รับคือเมื่องานประสบความสำเร็จทุกครั้ง และศิลปินที่ได้ดูแลประสบความสำเร็จในหน้าที่ การงาน ถึงแม้บางครั้งตนเองจะเป็นผู้ผลักดันเบื้องหลังก็ตาม ได้เห็นรอยยิ้มทีมงาน จากศิลปิน ก็เป็นรางวัลที่ล้ำค่าไม่สามารถประเมินเป็นค่าของเงินได้

    ปิ้งอะไร

    การได้ทำงานในสิ่งที่ตนรัก ถึงแม้เราจะเป็นผู้ที่อยู่เบื้องหลังก็ตาม แต่ความสำเร็จขององค์กร ของคนที่อยู่เบื้องหน้า เป็นเสมือนของขวัญที่ล้ำค่าที่ไม่สามารถตีราคาเป็นเงินได้

    ความเหมือน

    ในเรื่องของความรับผิดชอบในหน้าที่การงานที่ทำ กล้าคิด กล้าทำ กล้าตัดสินใจ ชอบงานท้าทาย มีความมุ่งมั่นสูง ไม่กลัวต่อความเหนื่อยหรือลำบาก และสามารถสร้างสรรค์ผลงานได้ด้วยตัวเอง สามารถคิดแก้ปัญหากับสิ่งที่เกิดขึ้นเฉพาะหน้าได้ดีและเสียสละเวลาส่วนตนเพื่อเจ้านายได้

    ความแตกต่าง

    เรื่องของความอดทนในการทำงานร่วมกับคนหมู่มาก และการควบคุมอารมณ์ของตนเองให้นิ่งมากขึ้นเพื่อมีสติ

    สิ่งที่อยากกำจัด

    เรื่องของการควบคุมอารมณ์ ที่เป็นเหตุให้เป็นคนหงุดหงิดง่าย ใจร้อน

    สิ่งที่อยากเก็บไว้

    เรื่องของความรับผิดชอบ ต่อหน้าที่งาน เป็นคนกล้าคิด กล้าทำ กล้าตัดสินใจ มีความขยันหมั่นเพียร ชอบเรียบรู้งานใหม่ๆ เสมอๆ

    สิ่งที่สร้างสรรค์ร่วมกัน

    ชวนกันไปนั่งปฏิบัติธรรม ในวันทุกๆ วันพระที่วัดใกล้บ้าน และฝึกการทำสมาธิโดยการนับ 1-10 ในใจในขณะที่เกิดปัญหากับเพื่อนร่วมงานเพื่อฝึกการควบคุมอารมณ์

    นายสราวุฒิ มีปาน 5757405907 MBA Ex-Weekend#14

    นายสราวุฒิ มีปาน 5757405907 (EXWE#14 , MBAKKUBKK)

    ข้อมูลบุคคลที่ร่วมกิจกรรม : นาย A

    ก่อนฟัง

    นายเอ คนแนวศิลปิน เอาแน่เอานอนกับชีวิตไม่ได้

    หลังฟัง

    นายเอ มีความสนใจสนเรื่องการออกแบบเป็นอย่างมาก เนื่องด้วยครอบครัวอยู่ในฐานะปานกลางจึงไม่ค่อยได้สนับสนุนให้นายเอ ศึกษาศาสตร์ทางนี้มากนัก ด้วยความพยายามและอดทนของนาย A พยายามทำงานแล้วซื่อเครื่องคอมพิวเตอร์ด้วยตัวเองโดยการทำงาน Part time ระหว่างเรียน และศึกษาศาสตร์ด้านออกแบบตามห้องสมุดต่างๆ และลองทำหัดใช้โปรแกรมต่างๆ จนสามารถใช้งานได้อย่างชำนาญ ซึ่งปัจจุบันนาย A กำลังจะไปทำงานที่ต่างประเทศด้านการออกแบบ

    สิ่งที่ได้

    ความพยายาม จะนำพาให้ประสบความสำเร็จ

    มองตนเอง

    ยังไม่ค่อยพยายามเท่าที่ควร

    สิ่งที่ต้องการพัฒนา

    ทักษะการออกแบบ และ การใช้เครื่องมือต่างๆ

    สิ่งที่ต้องการรักษา :

    ความอดทน ความพยายาม

    สิ่งที่ต้องการกำจัด

    ไม่ค่อยจิงจังมากนัก ชิวส์จนเกินไป

    สิ่งที่อยากสร้างสรรค์ร่วมกัน

    จะขอคำแนะนำเรื่องการออกแบบ และ การใช้งานโปรแกรมกราฟฟิค

    นายบัณฑิต ถิระเศรษฐกิจ รหัส 575740567-2 (EX WEEKEND#14 )

    ข้อมูลบุคคลที่ร่วมกิจกรรม : คุณเบน (น้องชาย)

    เบนเป็นเด็กที่มีความคิดเป็นตัวของตัวเองสูงมาก เป็นเด็ก Gen Y เต็มขั้นก็ว่าได้ ตอนนี้เบนยังทำงานที่บ้านอยู่ คือเบนมีความชำนาญด้านการซ่อมและประกอบคอมพิวเตอร์ รวมทั้งลงโปรแกรมอื่นๆ เท่าที่ได้ถามเบนเกี่ยวกับการทำงาน เบนเล่าให้ฟังว่า เคยทำงานเป็นผู้ดูแลระบบ ITให้กับกสิกรไทยมาก่อนแล้วเกิดว่าไม่ชอบการเป็นลูกน้องใคร อีกทั้งยังไม่ถนัดและเบื่องาน จึงไปเรียนซ่อมประกอบคอมพิวเตอร์ และโดยขอพ่อของเบน (อาของผมเอง) ลงทุนหน้าร้านให้ แต่ด้วยความที่ทำเลไม่ดี จึงไม่ค่อยได้มีลูกค้ามากนัก ซึ่งเบนเล่าต่ออีกว่าจะทำแบบนี้ไปเรื่อยๆ แม้ว่ามันจะไม่ดีนัก ออกจะขาดทุนด้วยซ้ำ แต่เบนจะพยายามทำในสิ่งที่เบนทำได้ดีที่สุด คือการซ่อมประกอบคอมพิวเตอร์ เคยคุยกับเบนก่อนหน้าที่จะมาทำ Theory U ครั้งนึงว่าทำไมไม่ไปเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับเขียนโปรแกรม หรือแขนงอื่นเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ เบนก็ยังยืนยันที่จะทำในที่เบนรักและทำได้ดีที่สุด จนกว่ามันจะประสบผลสำเร็จ

    1. ก่อนฟังคิดว่าเขาเป็นคนอย่างไร

    คิดว่าเบน เป็นคนที่ดื้อ หัวแข็ง และไม่ฟังใคร แม้แต่พ่อแม่ของตัวเอง ไม่ค่อยกล้าเปลี่ยนแปลงเพราะกลัวว่าจะทำได้ไม่ดี

    2. ฟังแล้วสรุปว่าเขาเป็นคนอย่างไร

    พบว่าเบนเป็นคนที่มีความมุ่งมั่น พยายาม และอดทน แต่ขาดความกระตือรือร้นในการหาความรู้ใหม่ๆเข้ามาสู่ตัวเอง ทำให้ตัวเบนนั้นขาดการพัฒนาตัวเอง

    3. สิ่งดีๆที่ได้จากเขา

    เบนเป็นคนที่มีความมุ่งมั่น อดทน พยายามจะทำในสิ่งที่ตัวเองถนัดให้ออกมาได้ดีที่สุด จุดนี้เป็นที่ดีเนื่องจากเบนไม่ไขว้เขว่ไปกับสิ่งแวดล้อมหรือแรงกดดัน จากคนรอบข้าง ซึ่งต่างจากเด็ก Gen Y อื่นๆที่เปลี่ยนใจง่าย

    4. มองตนเอง

    มองว่าเป็นคนที่มีมุ่งมั่นและอดทน คล้ายคลึงกับเบน แต่จะฟังคนรอบข้างบ้างในบางเรื่อง และจะพยายามพัฒนาตนเองไปเรื่อยๆ

    5. สิ่งที่ต้องการพัฒนา

    จุดดีของเบน คือมีความมุ่งมั่นและไม่ไขว้เขว่ไปกับสิ่งแวดล้อมหรือแรงกดดัน จากคนรอบข้าง ซึ่งถ้านำมาปรับใช้จะทำให้เป้าหมายในชีวิตชัดเจนขึ้น แน่วแน่มากขึ้น

    6. สิ่งที่อยากเก็บไว้

    ความความมุ่งมั่น อดทน พยายามจะทำในสิ่งที่ตัวเองถนัดให้ออกมาได้ดีที่สุด และไม่ไขว้เขว่ไปกับสิ่งแวดล้อมหรือแรงกดดัน จากคนรอบข้าง

    7. สิ่งที่อยากกำจัดออก

    ความขี้เกียจไม่อดทน ชอบคิดมากกับคำพูดของคนอื่น และเรื่องของการระงับอารมณ์

    8. สิ่งที่จะสร้างสรรค์ร่วมกัน

    พยายามให้เบนมาช่วยงานในด้าน IT support เพื่อให้กิจการมีความทันสมัยและระบบคอมพิวเตอร์ทำงานได้อย่างราบรื่น

    ​นายกวินพัฒน์ จิระหิรัญนนท์ รหัส 575740497-7 MBAKKU-BKK Y.12

    Theory U

    ข้อมูลบุคคลที่ร่วมกิจกรรม: เพื่อนผู้หญิงชื่อ อร อายุ 35 ปี อาชีพปัจจุบันเป็นไกด์ทัวร์ต่างประเทศ สถานะเป็นหม้าย อาศัยอยู่ที่จังหวัดเชียงใหม่

    1.
    ก่อนได้ฟัง
    อรเป็นเพื่อนที่ผมสนิทมาก ผมรู้จักกับเธอผ่าน โลกโซเชียลที่ชื่อ facebook อรมีอาชีพ เป็นไกด์ รับงานอิสระทั่วไป งานของเธอเดินทางบ่อยและรายได้ค่อนข้างสูง ผมอิจฉาการใช้ชีวิตของเธอที่ต้องเดินทางไปรอบโลก และมีเงินใช้ไม่ขาดมือ หลายครั้งที่เรานัดเจอกันเธอจะมีของติดไม้ติดมือมาฝากผมเสมอ อร ไม่ใช่ผู้หญิงสวยเฉี่ยวที่พบเห็นได้เกร่อในสังคมเมือง แต่อรเป็นผู้หญิงที่แฝงไปด้วยเสน่ห์ รอยยิ้ม แววตา ท่าทาง สามารถมัดใจคู่สนทนาได้ไม่ยาก เพราะบุคลิกของเธอเป็นคนที่น่าพูดคุยด้วย ผมยังอดแปลกใจไม่ได้ว่า ทำไมเพื่อนสนิทผมคนนี้ถึงไม่ลงเอยกับใครสักที
    2.หลังได้พูดคุย
    หลังจากที่ผมได้พูดคุยกับอร ผมต้องเปลี่ยนความคิดจากอิจฉาเป็นสงสารเธอมากกว่า เพราะแม้ว่าเธอจะประสบความสำเร็จในหน้าที่การงาน แต่เธอเป็นคนที่ไม่สมหวังในความรักและต้องใช้ชีวิตอยู่เพียงลำพัง เนื่องจากอร เคยหมั้นหมายกับชายหนุ่มที่เธอรัก แต่เขากลับเสียชีวิตในอุบัติเหตุก่อนที่ทั้งคู่จะได้แต่งงานกันเธอพยายามทำงานอย่างหนักเพื่อให้แต่ละวันผ่านไปแบบไม่ต้องคิดมากเธอทำงานจนแทบไม่มีเวลาใช้เงิน ไม่มีเวลากลับบ้าน เพราะไม่อยากเห็นอะไรเดิมๆเหมือนเมื่อครั้งที่แฟนยังมีชีวิต เธอลืมเขาไม่ได้ มันจะเหมือนมีอะไรมากระตุ้นต่อมความเจ็บปวดทุกครั้งที่คิดถึงอีกฝ่าย กล่าวได้ว่าชีวิตในแต่ละวันของเธอนั้นแทบไม่มีความสุขเลย เพราะการยึดติดแต่กับภาพของคนรักในอดีตที่จากไปอย่างไม่มีวันกลับ
    3.สิ่งดี ๆ ที่ได้จากเขา
    อรสอนให้ผมระมัดระวังในการใช้ชีวิต ระวังทุกย่างก้าวเพราะเราไม่ทีทางรู้ว่าสิ่งที่เราเห็นมันคือหลุมพรางชีวิตหรือทางดอกไม้อันแสนสวย หากเราไม่รังเราตกลงไปก้นหลุมจะมีแต่หอกคอยทิ่มแทงเราให้เจ็บปวด ยากที่ใครจะดึงเราขึ้นได้ หากวันนี้บุคคลที่เรารักยังมีชีวิตอยู่ จงดูแลและเอาใจใส่เขาให้ดีที่สุด เพราะชีวิตคนเรานั้นไม่แน่นอน และไม่สามารถรู้ได้เลยว่าจะสูญเสียคนที่เรารักไปตอนไหน
    4.สิ่งที่เหมือน
    เราทัศนคติ มุมมองด้านการเมือง เป็นคนมีความมั่นใจเหมือนกัน ค่อนข้างใจร้อน แข็งนอกอ่อนใน เป็นคนหัวไว คิดเร็ว ตัดสินใจเร็ว การกล้าตัดสินใจและเคารพในสิ่งที่ตัดสินใจไปแล้ว การเป็นคนที่ต้องการความรักจากใครสักคนที่เขารักเราอย่างไม่มีเงื่อนไข เพราะเราทั้งคู่เป็นคนที่รักใครยาก แต่ถ้ารักและจะมีความผูกพันธ์อย่างแน่นแฟ้นมากและยากที่จะตัดใจให้ลืมคนนั้นได้

    5. สิ่งที่แตกต่าง
    ความมีระเบียบในการวางแผนสิ่งต่างๆ อรจะมีน้อยกว่าผม เพราะด้วยอาชีพอรจะมีคนวางแผนให้ว่าต้องทำแบบไหน ส่วนผมต้องวางแผนด้วยตนเองอยู่เสมอ

    6.สิ่งที่จะรักษาไว้
    ความซื่อสัตย์และศรัทธาในความรัก การที่รักใครคนนึงโดยไม่หวังผลตอบแทน รวมถึงความมุ่งมั่นตั้งใจและขยันหมั่นเพียรในการทำงาน โดยใฝ่หาความรู้ใหม่ ๆ อยู่เสมอ

    7.สิ่งที่ฉันจะสร้างขึ้นมาใหม่ในตัว
    ความระมัดระวังในการใช้ชีวิต เพราะเรื่องบางอย่างถ้าตัดสินใจพลาด มันเอากลับมาไม่ได้ รวมถึงการดูแลและเอาใจใส่คนที่เรารักให้ดีมากยิ่งขึ้นกว่าเดิม ทั้งกับบุคคลในครอบครัว แฟน และเพื่อนฝูง
    8.สิ่งที่ต้องการตัดทิ้ง
    การเป็นคนที่จิตใจอ่อนไหวในความรัก ไม่สามารถทำใจให้หลุดพ้นจากสิ่งที่สูญเสียไปแล้วได้ รวมถึงการตัดสินคนจากภายนอกหรือจากระยะเวลาสั้น ๆ เป็นสิ่งที่ต้องตัดทิ้งไปจากตัว
    9.สิ่งที่จะสร้างสรรค์ไปด้วยกัน

    หาเวลาไปปฏิบัติธรรมร่วมกัน เพื่อทำจิตใจให้สงบยิ่งขึ้นและกล้ายอมรับความจริงกับที่เกิดขึ้นในโลกใบนี้ให้ได้ รวมถึงการวางแผนท่องเที่ยวเพื่อพักผ่อน เพราะเราทั้งคู่ค่อนข้างเคร่งเครียดกับการทำงานและการใช้ชีวิตประจำวัน ทำให้การดำเนินชีวิตดูตึงเกินไป

    นางสาว ศิริวรรณ เชื้อสมบูรณ์ 575740575-3 MBA Ex-Weekend#14

    นางสาว ศิริวรรณ เชื้อสมบูรณ์

    ID: 575740575-3 (EX #14 Weekend, MBAKKUBKK)

    Theory U

    กิจกรรม ห้อยแขวน

    ข้อมูลบุคคลที่ร่วมกิจกรรม : นางสาว B (หัวหน้าในแผนก ฝ่ายการตลาด)

    บริษัทผลิตสื่อโฆษณาเอกชนแห่งหนึ่ง ในกรุงเทพมหานคร

    นางสาว B (หัวหน้าในแผนก ฝ่ายการตลาด) B ได้เล่าถึงเรื่องในอดีตที่ผ่านมา เยอะแยะมากมาย ไม่ว่าจะเป็นครั้งสมัยในวัยเด็ก เรื่องเรียน และเล่าเรื่องการทำงาน มีทั้งเรื่องผิดพลาดบ้าง ภูมิใจบ้างและเรื่องข้อคิดที่ได้จากการเรียนรู้ต่างๆ

    ปัจจุบัน B ทำงานทั้ง Freeland ด้านละคร และก็ทำงานประจำอยู่บริษัทผลิตสื่อโฆษณา B เล่าให้ฟังว่าล่าสุดได้ไปที่กองถ่ายละคร และได้ยินผู้จัดมาเล่าให้ฟังว่า เด็กสมัยนี้ไม่เหมือนสมัยก่อน พอจะเล่าเรื่องราวครั้งอดีตให้ฟัง ชอบพูดย้อนว่า “จริงหรา” ทำให้เค้าไม่ค่อยอยากจะเล่า ซึ่งไม่เหมือนพี่นะพี่ชอบฟัง ไม่ใช่อะไรหรอก ทุกวันนี้เราเล่าอะไรให้เค้าฟังเค้าก็ไม่ค่อยเชื่อ และทุกวันนี้วัฒนธรรมดีๆ ของเรามันก็ค่อยๆ เลือนหายไปหมด คงเพราะสมัยนิยม

    B เล่าต่ออีกว่า ถึงแม้ว่าพี่จะอายุเยอะแล้ว แต่พี่ก็ยังเป็นคนที่มีแนวคิดสมัยใหม่นะ ชอบแฟชั่น ชอบอะไรใหม่ๆ เพราะคนเรามีแนวคิดที่แตกต่างกัน พี่เป็นคนที่มีแนวคิดอะไรใหม่ๆ นะ เป็นคนใจร้อน คิดอะไรปุ๊ป ปั๊ป คิดแล้วทำเลย พี่ชอบเรียนรู้อะไรใหม่ๆ อาจจะด้วยพี่ทำ Freeland ด้วยหรือเปล่านะ พี่จะบอกน้องๆอยู่ตลอดเวลาว่า ถ้าอยากได้อะไรใหม่ๆ ก็ต้องออกไปหา ขับรถออกไปเลย เปิดหูเปิดตา เพื่อจะไดเรียนรู้โลกกว้าง พี่ไม่ชอบรอนะ อยากได้คือออกไปเลย เพราะว่าการที่เราไปดูอะไรต่างๆ ที่เราไม่เคยเห็น ไม่เคยรู้มาก่อน มันทำให้เราได้เรียนรู้ ได้งาน ได้กำไร ได้ข้อมูล ถึงแม้เราจะเริ่มต้นแบบผิดๆ ถูกๆ ก่อนก็เถอะ ชอบไม่ชอบ อย่างน้อยเราก็ได้ลองได้รู้ว่ามีอะไรใหม่ๆ เทคโนโลยีอะไรที่เราไม่เคยเห็น เราก็ได้รู้ได้เห็น แล้วนำมาปรับใช้กับงานของเรา

    B เล่าอีกว่า สมัยเด็กๆ อย่างพวกเราพี่เคยผิดพลาดและเป็นคนที่กลัวการผิดพลาด ไม่กล้าที่จะยอมรับและไม่กล้าที่จะแสดงออก พอโตขึ้นมา พี่ก็ได้มาเจอ พี่ตั้ว ศรัญญู วงศ์กระจ่าง พี่แกก็พาพี่ไปเรียนรู้ และพาพี่ไปเล่นละคร การแสดงต่างๆ ทำให้พี่เป็นคนกล้า กล้าทำ กล้าคิด กล้าแสดง และกล้าที่จะยอมรับความผิดพลาด ปัจจุบันพี่ภูมิใจมากนะ ที่ได้ถูกเชิญไปสอนหนังสือ สอนการแสดง เพราะพี่ได้ใช้ความรู้ วิชาการแสดง แล้วมาสอนเด็กๆ ทำให้เด็กๆ ยอมรับพี่ได้

    ดึงข้อมูล ความเชื่อเดิม มาตัดสิน:

    จากความเชื่อเดิม เรามองว่า B เป็นคนที่เข้ากับคนง่าย กล้าคุย คุยเก่ง เป็นคนที่ไม่คอยสนใจเรื่องงานในออฟฟิส ซึ่งเป็นงานประจำของตัวเอง B จะทุ่มเวลาหรือทำเรื่องงาน Freeland ของตัวเองมากกว่า

    ปิ๊งอะไรสำหรับเรื่องที่ได้ฟัง :

    จากที่ได้ฟังเรื่องราวแนวความคิดของ B เราจะมองว่า B เป็นคนที่มีความตั้งใจในทุกๆเรื่อง ชอบการเรียนรู้อะไรใหม่ๆ ด้วยตัวเอง กล้าที่จะลองผิด ลองถูก กล้าที่จะคิด กล้าที่จะทำ และกล้าที่จะแสดงออก และB เป็นคนที่มีแนวคิดที่ดีมาก ชอบที่ B บอกว่า หากเราอยากจะได้ประสบการณ์ใหม่ๆ ก็ต้องกล้าที่จะออกไปศึกษาหาความรู้เพิ่มเติม จากหนังสือบ้าง โลกภายนอกบ้าง ลองออกไปสัมผัสสิ่งใหม่ๆ เพื่อจะได้รู้ว่า โลกทุกวันนี้เค้ามีอะไรพัฒนาไปบ้าง มีเทคโนโลยีใหม่ๆ ที่เราไม่เคยเห็น มันทำให้เราได้เรียนรู้ ได้งาน ได้กำไรชีวิต ได้ข้อมูล ไม่ว่าสิ่งนั้นเราจะชอบหรือไม่ชอบ อย่างน้อยเราก็ได้ลอง ได้รู้และได้ทำ ซึ่งเราก็ยังสามารถนำกลับมาปรับใช้กับงานของเราได้

    สะท้อนมองดูตัวเราเอง :

    จริงด้วย ! เราคิดแต่ว่า นั่งทำงานในออฟฟิศ เรียนรู้งานในออฟฟิสอย่างเดียว ก็คงพอแล้วละ แต่จริงๆ แล้ว ไม่ใช่เลย เราควรจะออกไปดูหน้างาน สถานการณ์จริงๆ ด้วยว่าข้างนอกเค้ามีอะไรเกิดขึ้นใหม่ๆ บ้าง จะได้เห็นโลกกว้างขึ้น และมีมุมมองใหม่ๆ มากขึ้น แล้วนำมาปรับใช้กับงานของเรา เพื่อที่จะพัฒนาตัวเอง

    สร้างสรรค์ร่วมกัน :

    เราควรจะออกไปดูหน้างาน สถานการณ์จริงๆ ด้วยว่าข้างนอกเค้ามีอะไรเกิดขึ้นใหม่ๆ บ้าง เพื่อจะนำกลับมาปรับใช้กับงานของเรา

    วางแผนสร้างสรรค์ร่วมกัน:

    หลังจากที่เราได้ฟัง และมองย้อนกลับหาตัวเองแล้ว เราก็ได้ปรึกษาและหลังจากนี้ไป ก็จะมีการคุยกันให้มากขึ้น ทำกิจกรรมร่วมกัน มีการแชร์เพื่อหาประสบการณ์ใหม่ๆ ร่วมกัน แลกเปลี่ยนความคิดเห็นและ ทัศนคติและฟังให้มากขึ้น และออกไปพบปะพูดคุยกับลูกค้าให้มากขึ้น

    สร้างวิสัยทัศน์ร่วมกัน :

    สร้างความกล้าที่จะเจอในสิ่งที่กลัว หรืออุปสรรคต่างๆที่จะเข้ามาร่วมกัน เพราะต่างคนก็ถนัดกันคนละแบบ แล้วมาแชร์กันเพื่อที่จะได้ช่วยเหลือกันได้ภายในองค์กร

    นางสาวรัชนีวรรณ คอนจำนงค์


    นางสาวรัชนีวรรณ คอนจำนงค์ ID.575740597-1 Y12 MBA KKU

    Theory U วันที่ 7 ก.พ.2559

    พี่ อ. เป็นลูกสาวคนกลางของครอบครัวข้าราชการครู มีบ้านเกิดอยู่ที่จังหวัดนครราชสีมา ในวัยเด็ก พี่ อ. เป็นคนขยันมาก ทำงานบ้านช่วยแบ่งเบาภาระครอบครัวเป็นอย่างดี เป็นคนมีฝีมือและชอบทำอาหารเป็นประจำ มีปัญหาความเครียดเนื่องจากถูกล้อเรื่องความอ้วนตั้งแต่วัยเด็ก ทำให้บางครั้งมีความน้อยใจ แต่ก็เป็นแรงผลักดันให้พี่ อ. ตั้งใจปฏิบัติตนให้มีความเก่งรอบตัวทั้งเรื่องงานบ้าน และการเรียน พี่ อ. เป็นคนเรียนมาตั้งแต่วัยเด็ก มักสอบได้ที่ 1 และถูกรับคัดเลือกเป็นหัวหน้าห้อง เพราะมีบุคลิกสุขุมและเป็นผู้นำได้ อย่างไรก็ตามพี่ อ. บอกว่าบางครั้งพี่ อ. ก็เป็นคนขี้อาย จนกระทั่งเรียนจบชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 พี่ อ. ได้สอบเข้าเรียนในคณะวิศวกรรมศาสตร์ สาขาวิศวกรรมไฟฟ้า และเรียนจบ ในเวลาต่อมาพี่ อ. ได้เข้าทำงานในบริษัทเอกชนในจังหวัดกรุงเทพฯ จนถึงปัจจุบัน ด้วยความที่พี่ อ. มีความขยัน มีความอดทน มีความเด็ดขาดในการตัดสินใจ สามารถปรับตัวได้ดี ประกอบกับสามารถเข้ากับผู้อื่นได้ง่าย ทำให้พี่ อ. ประสบความสำเร็จในงาน Senior Sale Engineer เป็นอย่างดี


    ปิ๊งอะไร

    ในปัจจุบันดิฉันทำงานอยู่ในต่ำแหน่งเล็กๆ (ข้าราชการ) ของกรมแห่งหนึ่ง ภายใต้กระทรวงอุตสาหกรรม และเห็นตัวอย่างจากพี่ อ. ว่าความขยัน ความอดทน ความเด็ดขาดในการทำงาน ความสามารถในการปรับตัว และการมีมนุษยสัมพันธ์ที่ดีจะทำให้สามารถก้าวไปสู่ตำแหน่งที่ดีได้

    สิ่งที่แตกต่างกับเรา

    เราเป็นคนมีความขี้เกรงใจ ทำให้ไม่มีความเด็ดขาด ทำให้เป็นอุปสรรค์ขัดขวางในการทำงาน

    สิ่งที่จะเพิ่มเติม

    เพิ่มความอดทน ความเด็ดขาดในการทำงาน

    สร้างสรรค์ร่วมกัน

    เปิดธุรกิจร้านอาหารร่วมกัน เนื่องจาก พี่ อ. เป็นคนชอบทำอาหารและมีไอเดีย ส่วนเราจะช่วยวางแผนการตลาดให้


    นายธนวัต เดโชวิวัฒน์เสถียร

    นายธนวัต เดโชวิวัฒน์เสถียร 575740513-5 Y#weekend12

    กิจกรรม Theory U (7 ก.พ. 2559)

    MBA มข. ณ กรุงเทพ

    การรับฟังเรื่องราวของน้องร่วมรุ่น

    น้องทิฟฟานี่ (นามสมมติ) เป็นน้องที่เพิ่งเรียนจบมาใหม่ แล้วศึกษาต่อปริญญาโทเลย ยังไม่มีประสบการณ์ในด้านการทำงาน ระหว่างเรียนนั้นน้องได้ไปสมัครงานเพื่อทำงานหาประสบการณ์ และแบกเบารายจ่ายทางบ้านที่ต้องส่งค่าใช้จ่ายให้ใช้ น้องดีใจที่ได้งานทำ แต่น้องก็ทำงานได้ไม่ถึงสามเดือนน้องเกิดทนไม่ไหว ต้องลาออก เพราะน้องไม่สามารถปรับตัวได้กับงานที่ทำ ซึ่งค่อยข้างหนักสำหรับคนที่ไม่มีประสบการณ์ด้านการทำงาน และน้องบอกว่างานที่ทำไม่ค่อยชอบ ไม่ตรงกับสิ่งที่เคยเรียนมา น้องตัดสินใจที่จะลาออกเลย โดยไม่ลังเล น้องเล่าถึงความฝันที่ต้องการเปิดร้านขายชุดแต่งงาน ในจังหวัดบ้านเกิด พร้อมช่วยดูแลกิจการที่บ้านไปด้วย หลังจากที่ออกจากงานน้องมีความสุขมากขึ้น ไม่เครียด ไม่บ่นกับเพื่อนๆว่า พรุ่งนี้วันจันทร์อีกแล้ว

    ความเชื่อเดิม มองว่าเด็กที่เรียนจบตรีแล้วต่อโทเลย โดยไม่ต้องทำงานทางบ้านมีการส่งเสียนั้น เป็นเด็กที่ไม่คิดอะไรมาก

    ไม่ต้องรับผิดชอบอะไรมากนัก มาเรียนตามความต้องการของที่บ้าน และมองว่าน้องทิฟฟานี่เป็นเช่นนั้น

    สิ่งที่ค้นพบเมื่อหยุดรับฟัง สิ่งที่ได้พบ คือ น้องมีความคิดที่ต้องการอยากช่วยเหลือที่บ้านมาก น้องอยากกลับบ้านเพื่อไปช่วยกิจการที่บ้าน แต่ทางที่บ้านกลับอยากให้ทำงานในกรุงเทพหรือเป็นข้าราชการ น้องไม่ได้มีความคิดตามแบบนี้เราเชื่อข้างต้น

    สิ่งที่แตกต่างจากเรา น้องมีความกล้าที่จะลาออกจากงานเลย เมื่อรู้สึกว่างานที่เราทำแล้วไม่มีความสุข ต่างกับเราที่ลังเลใจกับการลาออก กลัวคนอื่นมองว่าไม่มีความอดทนเลย

    สิ่งที่คิดจะทำร่วมกัน เป็นพี่น้องที่ปรึกษา พูดคุยกัน แบ่งปันประสบการณ์ต่างๆ แชร์ความคิดเห็นในเรื่องต่างๆกัน

    นายวยุษฏิ์ สัจจวีวรรณ

    Theory U

    นายวยุษฏิ์ สัจจวีวรรณ 575740571-1 Ex14WE มหาวิทยาลัยขอนแก่น ณ กรุงเทพมหานคร

    ผู้เล่าเรื่อง คุณ อ

    คู่สนทนา คุณ อ เป็นเพื่อนของพี่สาว ที่เล่าเรื่องการใช้ชีวิตในต่างประเทศ เป็นระยะเวลา 6 ปี ซึ่งเธอสมัครไปทำงานที่นั่น เนื่องมาจากเธอมีจุดประสงค์เพื่อที่ต้องการเงินไปส่งเสียน้องชายของเธอที่กำลังจะเข้าศึกษาต่อในระดับมหาวิทยาลัย และต้องใช้เงินเยอะ เมื่อบริษัทเดิมเปิดโอกาสให้เธอจึงสมัครไป และได้ไปทำงานต่างประเทศสมความตั้งใจ ด้วยผลต่างจากค่าเงิน ทำให้เธอมีรายได้เพียงพอที่จะจุนเจือครอบครัว และส่งเสียน้องชายจนเรียนจบปริญญาตรีได้ตามมุ่งหวัง ประสบการณ์การใช้ชีวิตในต่างแดนเป็นระยะเวลานาน เธอได้เล่าให้ผมฟัง ถึงความยากลำบากที่เธอต้องพบเจอ ทั้งปัญหาด้านภาษา เรื่องกินเรื่องอยู่ รวมถึงเธอได้เจอ เหตุการณ์ที่เธอโดนเจ้าของห้องเช่าขโมยเงิน และมีความไม่ปลอดภัยในการพักอาศัย

    1.ความเชื่อเดิมกับคู่สนทนา เป็นคนที่มีเงื่อนไขในการใช้ชีวิตมากมาย ดูเรื่องมาก และ ปรับตัวยาก

    2. เห็นกับตา หลังฟัง เป็นคนที่มีความอดทนสูง และแก้ปัญหาเฉพาะหน้าได้ดี อีกทั้งยังสามารถปรับตัวได้ดีกว่าที่ผมคาดคิดไว้ รวมถึงเธอมีความมุ่งมั่นและมีจุดมุ่งหมายในชีวิตที่ชัดเจน

    3. รู้สึก พี่ อ เป็นคนที่ผมต้องการนำมุมมองในการใช้ชีวิตของเธอมาปรับใช้กับชีวิตของผม

    4. ปลดปล่อยความเชื่อ จากเดิมที่ผมเคยเข้าใจว่า พี่เค้าเป็นคนที่อยู่ร่วมกับคนอื่นยาก กลายเป็นเค้าสามารถปรับตัวในการอยู่ร่วมกับผู้อื่นได้ดี และกลายเป็นคนที่กล้าตัดสินใจ และมีความเด็ดเดี่ยว

    5.เราคือใคร งานของเราคืออะไร ผมเป็นพนักงานบริษัทคนหนึ่งที่ต้องทำงานเป็นกะ และต้องมีการผลัดเวรกันเพื่อนร่วมงาน ตามตารางเวลา เมื่อเวลาไม่ตรงกับคนอื่น ทำให้บางครั้งร่างกายต้องการๆพักผ่อน เมื่อถึงวันหยุดพัก ก็ไม่อยากจะทำอะไร คนรอบข้างก็ไม่เข้าใจ และผมเป็นคนที่เอาแต่ใจตัวเอง มักไม่ชอบให้ใครมาบังคับ รวมถึงคนในครอบครัว และเพื่อนร่วมงาน

    6.เปิดรับความคิดใหม่ๆ คิดว่าการที่เราต้องปรับตัว ปรับเปลี่ยนนิสัยของเรา เพื่อการใช้ชีวิต และการทำให้อยู่รอดได้อย่างดีในสังคม เป็นสิ่งที่ผมต้องพิจารณา และการที่คนเรามีจุดมุ่งหมายในชีวิตที่ชัดเจน จะทำให้เรามีแนวทางในการดำเนินชีวิตที่ชัดเจนขึ้น

    สิ่งที่ต้องละทิ้ง นิสัยเอาแต่ใจ ไม่ชอบให้ใครมาบังคับ หรือบอกให้ทำอะไร หรือไม่ทำอะไร

    สิ่งที่ต้องรักษา ความตั้งใจทำงาน ไม่ย่อท้อต่อความยากลำบาก หรือความอยุติธรรมที่มีในที่ทำงาน

    7.สิ่งที่จะสร้างสรรค์ไปด้วยกัน ช่วยกันชี้แนะในสิ่งที่ถูกต้อง เมื่อเกิดปัญหาในชีวิต นำประสบการณ์และความเด็ดขาดในการตัดสินใจ มาช่วยชี้นำหนทางในการดำเนินชีวิต

    น.ส.จันทร์ธิดา มงคลพันธ์ 575740560-6 MBA Ex-Weekend#14

    น.ส.จันทร์ธิดา มงคลพันธ์ 575740560-6 MBA Ex-Weekend#14

    Theory U

    ข้อมูลบุคคลที่ร่วมกิจกรรม:น้องF อายุ 29 ปี ภูมิลำเนา จ.กรุงเทพมหานคร

    ข้อมูลและประวัติโดยย่อ จบปริญญาเอก จากมหาวิทยาลัยเกษตรศาตร์ เรียนที่ตั้งแต่ ปริญญา ตรี โท เอก เรียนคณะเดิมมาโดยตลอด ตอนที่เรียนมีโอกาสได้ทำงานวิจัยกับโครงการณ์ของมหาวิทยาลัย และ มีชื่อในเอกสารวิชาการตีพิมพ์ในวรสารต่างๆมากมาย เป็นที่รู้จักในแวดวงวิชาการ ก่อนที่จะจบปริญญาเอกได้ทุนไปเรียนภาษาจีนที่เซี้ยงไฮ้ 1 ปี และ อาจารย์ที่มหาวิทยาลัยเซี้ยงไฮ้ ชักชวนให้เรียนต่อ Post Doctor แต่น้องปฏิเสธเพราะอยากจะออกมาทำงานเพื่อหาประสบการณ์ก่อน พอจบปริญญาเอก ก็เริ่มมองหางานในด้านของงานวิจัยในภาครัฐ และ เอกชน ระหว่างรองานมีรุ่นน้องทำงานขายอยู่ที่บริษัทยาแห่งหนึ่งได้ชักชวนให้ไปทำงานเพราะมีตำแหน่งว่าง ก็เลยลองตัดสินใจสมัครงานขาย และ ลองหาประสบการณ์ในด้านที่ไม่เคยทำมาก่อน และ ได้เริ่มงานกับบริษัทยาแห่งนี้เป็นที่แรก ในตำแหน่งผู้แทนฝ่ายขาย ในส่วนของงานที่รับผิดชอบต้องออกพื้นที่ไปพบเกษตรกรตามฟาร์มที่เป็นลูกค้าของบริษัท พบว่ามีความรู้สึกชอบได้นำความรู้ที่เรียนมาแลกเปลี่ยนกับประสบการณ์ของลูกค้า ได้เรียนรู้สิ่งใหม่ๆ เพราะโดยส่วนตัวแล้ว เป็นคนเรียนรู้ไว และ ทำอะไรแล้วตั้งใจจริง จึงเป็นจุดเริ่มต้นที่อยากทำในสิ่งที่ชอบ อยากเรียนรู้เรื่องของการทำฟาร์มให้มากกว่านี้ จึงตัดสินใจลาออก และ ได้นำเรื่องนี้ไปปรึกษากับทางบ้าน แต่ทางบ้านไม่เห็นด้วย เนื่องจาก เป็นผู้หญิง ไม่มีประสบการณ์การทำฟาร์มมาก่อน และ ใช้ต้นทุนสูงในการทำฟาร์ม อาจจะเสี่ยงมากเกินไป จึงกลับมาตั้งหลักใหม่ วางแผนขอไปฝึกงานกับฟาร์มของรุ่นพี่ที่รู้จักกัน เตรียมตัวอ่านหนังสือ เตรียมความพร้อมให้กับตนเองในการเรียนรู้งานในฟาร์ม เปิดใจยอมรับกับสิ่งใหม่ อดทนกับการทำงานหนัก เรียนรู้แบบน้ำไม่เต็มแก้ว เพราะมีความเชื่อว่าสิ่งที่สำคัญที่สุดต้องมีศรัทธาในตัวเอง มุ่งมั่น ตั้งใจ เพื่อที่จะทำให้ได้เดินตามเป้าหมายที่ตั้งใจเอาไว้

    ปิ้งอะไร: เป้าหมายชัดเจน , ถ้าเชื่ออะไรแล้วไม่ลังเลที่จะทำ และ ไม่ยึดติดกับคำว่าดร.

    อะไรที่แตกต่างจากเรา: กล้าตัดสินใจ ,รู้ในสิ่งที่ตัวเองชอบ และ มีความศรัทธาในตัวเองสูง

    สิ่งที่จะเพิ่มเติม: การเตรียมความพร้อมให้กับตัวเอง เพื่อเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ และ อดทนกับการทำงานหนักในฟาร์ม

    สร้างสรรค์ร่วมกัน: เรียนรู้แบบน้ำไม่เต็มแก้ว เพราะการเรียนรู้ไม่มีที่สิ้นสุด เปิดใจยอมรับกับสิ่งใหม่ๆไม่ยึดติดกับตำแหน่งหรือว่าหัวโขน

    นางสาวตะวัน บุญมี

    575740512-7 MBA Ex-Weekend#14

    น.ส.จำปา (นามสมมุติ) เป็นคนต่างจังหวัด มีพี่น้อง 3 คน ใช้ชีวิตโดยการช่วยเหลือและดิ้นรนเอง ตอนเด็กก็พยายามหาเงินเองโยเก็บผักเก็บหญ้ามาขายถุงละ 5 บาท ปั่นจักรยานขายตามหมู่บ้าน ได้เป็นค่าขนมไปโรงเรียนได้ ซึ่ง น.ส จำปาได้เรียนโรงเรียนวัดในหมู่บ้าน ซึ่งตอนเด็กเขาเป็นเด็กที่เรียนดี สอบได้ที่ 1 มาโดยตลอดจนถึง ป.6 เมื่อจบป.6 ก็ต้องหาโรงเรียนมัธยมเขาก็ได้อยู่โรงเรียนประจำตำบล เขาก็มีผลการเรียนที่ดีเช่นเดิมสอออบด้เป็นที่ 1 ของสายชั้นเรียน และด้เรียนต่อ ม.ปลาย ได้อยู่สายวิทย์ จนมาสออบเข้มหาวิทยาลัยก็สามารถสอบติดมหาวิทยาลัย เกษตรศาสตร์ เป็นคนแรกขอองโรงเรียนสอบเข้ามหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียง ซึ่งแม่ของ น.ส.จำปา ร้องไห้เสียใจเมื่อลูกสออบได้ไม่ใช่ว่าดีใจ แต่เป็นเพราะไม่มีเงินส่งให้ลูกเรียนต่ออ แต่น.ส. จำปา ก็ต้องทำงานไปเรียนไปและได้กู้เงินเรียน และช่วงที่เริ่มเรียนในปีแรก น.ส.จำปา เรียนแล้วได้เกรดน้อยมาก แต่เขาได้สงสัยกับตัวเองว่าทำไมตั้งแต่เล็กจนโตฉันสอบด้ที่ 1 มาโดยตลอด และทำไมวันนี้ผลการเรียนถึงเป็นแบบนี้ เขาท้อจนที่ไม่อยากจะเรียนต่อ และเขาได้คิดว่าการเรียนที่ 1 นั้นมันคือการเก่งอยู่แต่ในกะลา เมื่อวันหน่งได้ออกมาเจออดลกที่กว้างก็มีคนที่เก่งออีกเยอะแยะ เพราะคนรอบข้างตอนนั้นมีแต่คนไม่เก่งเพราะเป็นต่างจังหวัดด้วย และเขาก็ได้มีความพยายาม และอดทนมานะที่จะเรียนต่อเรียนให้ได้ A ถึง 5 ตัวแล้วจะได้เรียนฟรีในแต่ละเทอมเพื่อเป็นการประหยัดเงินในกรจ่ายค่าเทอม ซึ่งเขาสามารถปรับตัวได้ใน ปี 3 และ ปี 4 และเรียนจบเขาก็ได้มีอาชีพด้านการขาย ด้านการทำงานเขาก็ประสบความสำเร็จเช่นกัน พยามยามทำงานให้ได้ดีและเป็นมีไฟแรง จนบางครั้งเจอกับปัญหากับการทำงานเพราะเขาเป็นคนทำงานดี ซึ่งทำให้มีผลงานดีกว่าคนอื่น จนทำให้มีการกดดันเรื่อยอดขายซึ่งเขาก็งง กับหัวหน้าทไมต้องกดดันเรื่องยอดขายเฉพาะเขาและคนออื่นๆ ที่อยู่มาก่อนทำไมถึงไม่โนแบบนี้บ้าง ปัญหาจนทำให้เขาคิดที่จะลาออก แต่ปัญาก็ได้คลี่คลายเพราะเปิดใจคุยกันตรงๆ กับทางหัวหน้า ทำให้ทุกอย่างดีขึ้นและเข้าใจในสิ่งที่หัวปฏิบัติกับตน ทำให้ทั้ง 2 คนได้รับฟังกันอย่างมีเหตุผลและเข้าใจ จึงทำให้ น.ส.จำปา ทำงานได้ถึงปัจจุบันนี้

    คววามเชื่อเดิม : การที่คนเราเรียนได้ที่ 1 ต้องเป็นคนเก่งเสมอ ทำให้ได้มุมมองใหม่คือ การที่เป็น 1 ไม่ใช่ตัวเองเก่งเสมอไปแต่คนรอบข้างเราไม่ได้เก่งเท่านั้น เราจึงคิดเช่นนั้น

    ปิ้งอะไร : การที่จะประสบความสำเร็จทุกอย่างเราจะต้องพยามยามอดทนมาก่อน ผลสำเร็จถึงจะตามมา

    อะไรที่แตกต่างกับเรา : เขาเป็นที่มีความฉลาดอยู่กับตัวเอง และต้องพยามที่จะต้องทำให้ได้ถึงที่สุด

    สิ่งที่จะเพิ่มเติม : จะต้องมีความพยายามให้กับตัวเองมากขึ้น ไม่บ่นและจะต้องไม่ถ้อกับอุปสรรคที่เจอ ถ้อได้แต่จะถอยหยุดพักให้กับตัวเองและรวบรวมสติและเดินต่อไป

    สร้างสรรค์ร่วมกัน : อยากเรียนรู้ทักษะของเขาในการทำงานของการเป็นเซลล์ ที่สามารถทำยอดได้ถึงทุกเดือน เพราะในอนาคตออยากจะทำงานในสายงานด้านนี้บ้าง

    นายธนรรณพ องอาจอภิชาตกุล

    รหัส 575740563-0 MBA KKU BKK Ex-Weekend 14

    ผู้เข้าร่วมกิจกรรมน้องชาย ทำงานเป็นวิศวกรที่ ปตท. ระยอง

    Story: น้องผมเล่าว่าทุกวันนี้เข้าทำงานอยู่ที่ระยอง เป็นงานประจำที่ไม่ค่อยจะมีอะไรแปลกใหม่ ค่อนไปทางน่าเบื่อ บางวันเสร็จเร็วบางวันเสร็จช้า แต่ก็มักจะมีเวลาว่างเหลือเสมอ ซึ่งเวลาว่างส่วนใหญ่มักจะถูกเอาไปใช้ทำอย่างอื่นเสมอส่วนใหญ่หนักไปทางออกกำลังกาย เข้าห้องฟิตเนสที่ทำงาน เล่นเวทสร้างกล้ามเนื้อไปเรื่อย ซึ่งเป็นการฆ่าเวลาที่ดีเพราะในฟิตเนส เราใช้เวลาอยู่ได้เป็นชั่วโมง ๆ เลย (ที่ใช้คำว่าเราเพราะผมก็เล่นด้วยเหมือนกันแต่เล่นที่ กทม. นะครับ) พอถึงตรงนี้ผมก็ถามเขาเรื่องการคุมอาหาร น้องผมจึงเล่าต่อว่าอาหารก็เน้นโปรตีนเป็นหลักตามตำราการสร้างกล้ามเนื้อทั่วไป ลดแป้งและไขมันให้น้อยที่สุด กินเท่าที่จำเป็น เน้นกินอาหารมื้อเช้าและเที่ยงเป็นสำคัญ แล้วบ่าย ๆ ส่วนมื้อเย็นเขาไปซื้อไข่มาเป็นแผงต้มแล้วกินเฉพาะไข่ข้าวส่วนไข่แดงทิ้ง แล้วกินนมร่วมด้วย น้องผมบอกว่ากินแบบนี้ประหยัดกว่าซื้อข้าวตามสั่งกินมาก เพราะคิดตกต่อมื้อไม่ถึง 30 บาท พอถึงจุดนี้การสนทนาเริ่มเงียบผมจึงถามอีกว่า แล้วเวลาว่างมีทำอย่างอื่นมั้ยนอกจากเล่นฟิตเนส น้องผมเขาบอกว่าเล่นหุ้น เล่นโดยเริ่มจากซื้อหนังสือมาอ่าน และอ่านเอาความรู้จากเว็บเพจและ/หรือ บล็อกต่าง ๆ แล้วก็ซื้อหุ้นเล่นเป็นตัว ๆ ทั้งหุ้นพื้นฐานและหุ้นเทคนิคปน ๆ กันไป ปัจจุบันเขาขายหุ้นพื้นฐานทิ้งหมดแล้วด้วยเหตุผลที่ตลาดอยู่ในช่วงขาลง และเอาแน่เอานอนไม่ได้ เหลือหุ้นเทคนิคบางตัวที่ถือไว้เกร็งกำไร ปัจจุบันตั้งแต่เขาเริ่มเล่นหุ้นเขามีกำไร แม้ไม่มากแต่ก็กำไร จากนั้นบทสนทนาก็จบลงเพราะครบเวลา

    ปล.นี้เป็นการคุยกันของเราสองคนพี่น้องที่นานที่สุดตั้งแต่ผมขึ้น ม.ปลาย มาจนถึงปัจจุบันเป็นเวลา 13 ปี เพราะเมื่อก่อนเราทะเลาะกันบ่อยมากจากเรื่องแย่งกันเล่นเกมส์ (ตามประสาเด็กผู้ชาย) หลังจากนี้เป้าหมายแรกที่ตั้งคือคุยกับคนในครอบครัวตัวเองให้นานขึ้น เพราะการคุยกันทำให้เราเรียนรู้ และเข้าใจกันมากขึ้น

    ปิ๊งอะไร: น้องชายผมเป็นคนที่มีความตั้งใจและโฟกัสในสิ่งที่ทำมากกว่าที่ผมคิดมาก ทั้งที่ตอนเด็กผมมีความตั้งใจในการทำกิจกรรมต่าง ๆ มากกว่าเขาเยอะ แต่ผมในวันนั้นตอนนี้ไปนอนอยู่ที่ไหนซักแห่งในตัวผมนี้แหละ

    สิ่งที่ผมจะทำเพิ่มเติมหลังจากนี้: อย่างแรกคือคุยกับคนในครอบครัวอย่างที่บอกใน Story และสิ่งที่ผมได้เรียนรู้จากน้องชายผมคือ ผมต้องไปปลุกตัวผมที่มีความตั้งและโฟกัสในสิ่งที่ทำ ให้ลุกขึ้นมาทำในสิ่งที่ผมควรลงมือทำนานแล้ว คือการลงทุนในเรื่องของหุ้นซึ่งเป็นความตั้งใจของผมเองเมื่อ 3 ปีก่อนสมัยเรียนจบใหม่ ๆ แต่ปัจจุบันยังไม่ได้เริ่มเสียที

    สิ่งที่จะทำร่วมกัน: กลับบ้านที่จันทบุรีแล้วไปกินข้าวร่วมกัน 4 คน พ่อ แม่ ลูก ให้บ่อยขึ้น เพื่อให้มีโอกาสที่เราจะได้คุยกัน ใช้เวลาร่วมกันให้มากขึ้นกว่าที่เป็นในปัจจุบัน ^^
    อริยา แสนทรงสิริ 575740577-9

    ข้อมูลของผู้เข้าร่วมกิจกรรม : นางสาว B (เพื่อน ของเพื่อนร่วมงาน )

    ก่อนฟัง : เป็นคนหยิ่ง มีความมั่นใจในตัวเองสูง ไม่น่าคบหาด้วย

    หลังฟัง : นางสาว B มีความรู้ทางด้านภาษา เนื่องจากได้มีโอกาสไปเรียนปริญญาโทที่อเมริกา ได้เล่าเพิ่มเติมเกี่ยวกับการเตรียมตัวก่อนที่จะได้ทุนไปเรียนที่อเมริกาว่าต้องเตรียมตัวหนักมาก เนื่องจากตอนนั้นภาษาอังกฤษไม่ดี แต่ก็พยายามทำจนสอบชิงทุนไปเรียนได้สำเร็จซึ่งภาษาอังกฤษมีความสำคัญมาก กิจกรรมอีกอย่างที่เค้าทำในวันหยุดคือสอนภาษาอังกฤษให้กับเพื่อนหรือคนรู้จักที่สนใจในภาษาอังกฤษ

    ปิ๊งอะไร : ความพยายามและความอดทน เพื่อให้บรรลุถึงเป้าหมายที่หวังไว้

    มองตนเอง : ขาดความทุ่มเทและแรงบันดาลใจในการเพิ่มทักษะทางด้านภาษาอังกฤษ

    สิ่งที่ต้องการพัฒนา : ความพยายามที่จะพัฒนาภาษาอังกฤษของตัวเองให้ดีขึ้น

    สิ่งที่อยากสร้างสรรค์ร่วมกัน : นางสาว B จะสอนภาษาอังกฤษให้เพื่อไปสอบ TOEIC ให้ฟรีในวันหยุด

    นายวริทธิ์ธร ศรีสุจารักษ์ 575740543-6 we 14 mba กรุงเทพมหานคร

    กิจกรรม THEORY U 7 กุมภาพันธ์ 2559

    ผู้เข้าร่วมกิจกรรม ผู้ใต้บังคับบัญชา

    ลูกน้อง ใหม่เพิ่งมาร่วมทำงานด้วยกัน มีความต้องการที่จะเรียนรู้งานสินเชื่อ เนื่องจากทราบมาว่า ผมในฐานะ ผจก.มีความชำนาญอย่างมาก แต่น้องไม่เคยทำสินเชื่อที่ผู้กู้ เป็น เจ้าของธุรกิจ ที่ซับซ้อน และเมื่อมอบหมายงานให้ทำจึงไม่สามารถที่จะเรียนรู้ ทัศนคติ และสิ่งที่ผมต้องการได้ ว่าเป็นอย่างไร ลูกน้องคนนี้ เคยได้รับการประเมินผลงานที่ดีมา ก่อนหน้านี้ 3 ปี แต่เมื่อปี 2558 เมื่อย้ายมาอยู่สาขาปัจจุบันทำให้ ผลงานตัวเองเป็นแค่ พอใช้ และเมื่อรู้ว่า นโยบายธนาคารจะเน้นสินเชื่อธุรกิจ SME จึงต้องการเรียนรู้ และ เมื่อทราบว่า ผู้่จัดการ ที่มาควบคุมตน เป็นผู้ที่มีความชำนาญสินเชื่อ จึงต้องการเรียนรู้ น้องคนนี้ สถานภาพหย่า มีบุตร 1 คน ฐานรายได้ตามเกณฑ์ไม่มากนัก สิ่งที่ผมเห็นจากน้องคนนี้คือ อยากให้น้องมีความรู้ เนื่องจากผมเป็นคนที่ แพ้คนที่เป็นแม่ ผมเชื่อว่าแม่รักลูกมาก ผมเชื่อว่าผมทำได้ทุกอย่างแต่ผมไม่สามารถเอาหัวใจของอีกคนมาอยู่ในตัวผมได้ เมื่อเห็นดังนั้นผมจึงอยากที่จะสอน และให้ความรู้กับเขาอย่างที่สุด เพื่อ โปรโมท เข้าให้เป็นหัวหน้า และมีรายได้เพิ่มโดยไม่ต้องรอการพิจารณาเงินเดือน เลย แต่ เนื่องจากอยู่ระหว่างปรับตัว ทั้งอุปนิสัยและ ความรู้ จึงโดน ผมในฐานะ ผู้บังคับบัญชาต่อว่า และ เสียใจร้องไห้ จนเป็นที่มาที่ผม อยากจะฟังน้องเขาเป็นเวลา ครึ่งชั่วโมง ว่า เขาคิดยังไงเขาต้องการอะไร และอยากให้ผมปรับตัวอย่างไร น้องเขารับรู้ได้เลยว่าผมเก่งมากๆ แต่ เคส สินเชื่อที่ผมเอามาให้ใช้วิธีคิดที่หลากหลาย และเหมือนอ่านใจคนอนุมัติได้ แต่ปัญหาคือ เขาไม่รู้เขาไม่ได้ทำ และ เขาได้รับการ บอกกล่าวจาก ผู้บริหารท่านก่อนว่าเขาเก่งนะ แต่ความจริงแล้วเขาทำมาแค่ 4 เคส เอง เขารู้สึกว่าผมเสียงดัง ยิ่งเวลาโกรธ ยิ่งเสียงดังมาก เขายิ่งกลัวเขาเลยคิดว่าเขาควรเงียบดีกว่า เมื่อเห็นดังนั้นเขาจึงไปปรึกษาคนอื่น เพราะกลัวว่าผมจะมองว่าเขาโง่ ผลก็คือ ปรึกษาใครก็ไม่ตรงใจผมสักที จึงเข้าใจว่าผมมีปฏิกิริยาต่อต้าน เขา รวมทั้งเชื่อว่าผมอวดเก่งไม่ฟังใคร ไม่เข้าใจว่าทำไม เอกสารหลายๆ อย่างที่ส่งให้ สำนักงานใหญ่ ทำไมผมถึงต้อง ลงนามเอง สรุปคือ เขาไม่เข้าใจผม ว่าคิดกับเขาอย่างไร และจะทำอย่างไรดี ผมฟังน้องเขานานมากกว่าทุกครั้ง จนเขางง แต่พูดเยอะมาก เขาอึดอัดมาก จนเขารู้สึกว่า ทำไมสินเชื่อในสไตลค์ผู้บริหารคนอื่น ไม่เห็นยากแบบผม และผมก็อธิบายให้เขาฟังไม่เคลียร์ ผมเลยบอกให้เขาพูดให้จบทุกอย่างเลย ภายในครึ่งชั่วโมง และ ขออนุญาติให้ความรู้ได้หรือเปล่า เขาบอกว่า สินเชื่อธุรกิจมันยากวิธีการคิดรายได้ หรือทุกอย่างวุ่นวาย ทำไม ผู้บริหารคนอื่น แค่ให้ไปถ่ายรูป ทำไมนายต้องให้ แชร์ LOCATION และ SEARCH GOOGLE เพื่อ แนบส่งทีมอนุมัติฯ ทำไมการดู CREDIT BUREAU (เครดิต บูโร) แค่ดูเกรด ของลูกค้าไม่พอเหรอ ทำไมต้องดูลึก ว่าเป็นสินเชื่อประเภทไหน รวมทั้งดูสถานภาพลูกค้าว่า สถานะ เป็นอย่างไร ทำไม ทำไม ทำไม มันลอยในหัวเขาตลอดเวลา ก่อนที่ผมจะพูดเขาตอบผมว่า ปกติ ผมไม่เคยฟังนาน ปกติผมจะจดเพื่อแก้ข้อโต้แย้งเขา ปกติผมจะแสดงอาการ แต่วันนี้ดูผมสนใจเขามากกว่าปกติ จะเล่นงานเขาหรือเปล่า และจะแก้ข้อโต้แย้งของเขาได้หมดเหรอ

    ผมตอบว่า ไม่มีข้อโต้แย้ง อะไร อยากฟังคุณเพื่อให้มีประโยชน์ระหว่างเรา ผมรักคุณ เพราะคุณคือน้อง คุณเป็นแม่ที่ดีและน่ารักมาก ผมลำบากมากในการเรียนรู้สินเชื่อ เพราะไม่มีคนสอน มีแต่คนหยิ่ง และถ้าคุณได้เลื่อนเป็นหัวหน้า คุณจะได้รับเงินเพิ่มโดยไม่ต้องรอเงินเดือนขึ้น 3 ปี เพราะมันจะขึ้นตามตำแหน่งเหมือนที่ผมเคยได้มาตลอด และ สุดท้ายคุณจะเป็นหัวหน้าที่ มีความรู้ทั้งเรื่องเงินฝาก และ เรื่องสินเชื่ออย่างแท้จริง ทั้งหมดคือเหตุผลที่ผมอยากบอกคุณแต่ไม่เคยบอก เพราะผม อายถ้าจะบอกแบบนี้กับใคร

    1.ความเชื่อเดิมของคู่สนทนา เป็นคนแรงๆ แต่มีจุดเด่นในการเป็น SALES สินเชื่อ เพราะมีบุคลิกภาพที่ดี

    2.หลังจากที่เล่าจะพบว่า เรามีปัญหาในการสื่อสารกับน้อง ถ้าเราคิดอะไรกับเขาก็ควรบอกเขาไปเลยเพื่อจะได้ปรับทัศนคติที่ดีต่อกัน

    3.ความรู้สึก คือ น้องเป็นคนที่เก่ง กล้าแสดงออก แต่ขาดความรู้อย่างมาก และเขาก็รู้เกิน เนื่องจากประสบการณ์ของเรามากกว่าเขาเยอะมาก เราควรค่อยๆ เพิ่มความรู้ให้เขาต่อไป

    4.เลิกคิดเรื่องที่มีใครบอกว่าเขารู้เรื่อง พยายามสอนกับเขาใหม่ให้เขาคิดมากขึ้น และชี้แจ้งเขาเพิ่มขึ้น เช่น ทำไมถึงต้องลงนามเอง เพราะ ที่ สำนักงานใหญ่มีคนรู้จักเขาหลายคนดังนั้น เขาจึงมี ความน่าเชื่อถือในระดับหนึ่ง

    5.ผมบอกกับน้องว่า ความรู้ผมมาตักตวงนะ ผมจะสอนให้เยอะที่สุด และ จะเริ่มเดินด้วยกัน พยายามให้เขาเน้นเรื่องครอบครัว ลูก และ ความก้าวหน้าของตัวเองเยอะๆ เพราะ ลูกสาวคงอยากเห็น แม่เป็น ผจก.เร็วๆ นะ

    6.สร้างสรรค์ร่วมกัน คือ ต่อไปนี้น้องจะต้องมีผลงานเป็นอันดับหนึ่ง (มกราคม) สาขาเป็นอันดับสองในกลุ่มแข่งขัน ต่อไปนี้เราจะเป็นแชมป์ด้วยกัน เคส จะเสร็จเร็วขึ้น ต้องตาม VISION ระหว่างผมกับน้อง "เร็ว เยอะ ยาว" ทำเคสให้เร็วขึ้น วงเงินให้เยอะที่สุด และ ให้ประวัติผ่อนชำระยาวยาว เพื่อให้ลูกค้าเลือกเราในภาวะแข่งขัน ถึงแม้ดอกเบี้ยเราจะมีราคาที่สูงกว่าคู่แข่งขัน

    นายณัฐพล กุลบุญเรืองรัตน์

    นายณัฐพล กุลบุญเรืองรัตน์

    รหัส 575740583-4 MBA KKU BKK Ex-Weekend 14

    บุคคลที่ร่วมกิจกรรม : พี่สาว (ญาติ) ปัจจุบันเป็นพนักงานสินเชื่อธุรกิจ แต่ที่บ้านขายหมูสะเต๊ะโดยเป็นที่นิยมของคนในละแวกนั้น

    Story

    เค้าได้เล่าเรื่องเกี่ยวกับอยากจะขยายกิจการโดยการเพิ่มมูลค้าและการขยายให้เป็นที่รู้จักมากขึ้น แต่ยังไม่เริ่มที่จะทำเพราะว่ากลัวสิ่งอาจจะเกิดขึ้นเช่น ปัจจุบันเศรษฐกิจก็ยังไม่ดี กลัวลงทุนไปแล้วจะไม่คุ้มกับสิ่งที่ลงทุนไป ตอนนี้ก็ยังทำงานประจำอยู่กลัวออกไปทำแล้วจะขายไม่ดีก็จะมีผลต่อมาก็คือเงินไม่พอใช้ ถึงพี่เค้าจะรู้ว่าขายได้แต่เค้าก็กลัวว่ารายได้นั้นจะน้อยกว่าที่เป็นอยู่โดยปัจจุบันพี่เค้าก็ไปช่วยมารดาขายหมูสะเต๊ะในวันหยุดและก็เห็นว่ามารดานั้นอายุมากแล้วอยากจะให้พักผ่อน และอยากจะมาทำต่อจากมารดาโดยรักษากิจการนี้ไว้ เพราะเป็นสิ่งที่ๆครอบครัวรักในกิจการนี้ และอยากให้มียอดขายเพิ่มขึ้นถือว่าเป็นความสำเร็จในชีวิต โดยที่เล่าอีกว่าเดิมที่บ้านนั้นมีฐานะยากจนที่มีทุกวันนี้ได้เพราะมากจากการขายหมูสะเต๊ะที่แม่เป็นคนทำ โดยมีสูตรเฉพาะที่เป็นของตัวเอง (ผมเองก็เคยชิม อร่อยมากๆ) คนที่เคยมากทางก็ชมไปต่างๆนาๆ พี่เลยอยากรักษามันไว้ พี่เค้าได้วางแผนไว้นานแล้วแต่ยังไม่ได้ทำสักทีโดยมีความลังเลว่าจำทำดีมั้ย การตัดสินใจถูกหรือป่าว เพราะว่าพี่นั้นเห็นความผิดพลาดของคนอื่นมากเยอะก็เลยกลัวบวกกับเป็นคนที่ไม่มั่นใจ....

    ปิ้งอะไร: มีความคิดนอกกรอบ มีความคิดใหม่ๆ อยากพัฒนาสิ่งที่มีให้ดีขึ้น

    อะไรที่แตกต่างจากเรา: ไม่กล้าตัดสินใจ กลัวในสิ่งที่ยังไม่เกิดขึ้น

    สิ่งที่จะเพิ่มเติม: อยากให้มีความมั่นใจในตัวเอง กล้าทำในสิ่งที่คิด

    สิ่งที่จะสร้างสรรค์ร่วมกัน: อยากช่วยให้พี่มีความมั่นใจมากขึ้นกล้าคิดพร้อมทั้งตัดสินใจในสิ่งที่คิดและให้ลงมือทำ

    นายภูริวัฒน์ ตนานุประวัติ


    นายภูริวัฒน์ ตนานุประวัติ

    รหัส 575740570-3Ex 14 MBA KKU BKK

    กิจกรรม Theory U ( 12 ก.พ. 2559 )

    ข้อมูลบุคคลที่ร่วมกิจกรรม: แฟนกำลังศึกษาทันตแพทย์เฉพาะทางด้านเด็กชั้นปีที่ 2 (Resident2) ที่คณะ

    ทันตแพทย์ศาสตร์มหาวิทยาลัยมหิดล โดยเนื้อหาของเรื่องคือ แฟนได้มีการนำเสนอเคสที่ทำการรักษาให้กับอาจารย์และเพื่อนได้ฟัง ซึ่งเป็นงานที่ทำเป็นประจำทุกเดือน ในเคสนี้เป็นเคสที่ต้องดมยาสลบก่อนจะทำหัถการ โดยเด็กคนนี้อายุ 2 ขวบ ก็มีการนัดหมายกับผู้ปกครอบและมาทำตามวันและเวลาที่กำหนด เมื่อจะเริ่มทำและให้ยาดมสลบไปเรียบร้อยปรากฎว่า เด็กคนนี้มีการทาเล็บมา ซึ่งเป็นปัญหาที่ไม่คาดคิดมาก่อนเพราะจะทำให้ไม่สามารถวัดระดับอ๊อกซิเจนในเลือดของเด็กได้ ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญมากในการดมสลบที่จะต้องติดตาม ทำให้ต้องใช้เวลาไประยะหนึ่งเพื่อหาน้ำยาล้างเล็บมาล้างให้สะอาด โดยต้องทำให้เร็วที่สุดเพื่อให้อยู่ในช่วงเวลาที่ยาดมสลบออกฤทธิ์ ซึ่งเหตุการณ์นี้ก็ผ่านไปได้ด้วยดี แต่เมื่อนำมาเสนอให้อาจารย์ฟัง แฟนก็ได้เล่าในส่วนนี้ไปด้วย ทำให้ถูกอาจารย์ต่อว่าอย่างหนักเนื่องจากไม่เตรียมคนไข้ให้ดีก่อนที่จะทำหัถการ และทำให้ผู้ช่วยทันตแพทย์ถูกต่อว่าด้วย ซึ่งแฟนรู้สึกว่ามันเป็นเรื่องที่คาดไม่ถึงว่าเด็ก 2 ขวบจะทาเล็บมา จึงไม่ได้คำนึงถึงเรื่องนี้มาก่อน และนอกจากนี้จุดนี้ก็เป็นเพียงส่วนหนึ่งของการนำเสนอเท่านั้น ในเรื่องของผลจากการรักษาที่ดีหลังจากทำเสร็จ อาจารย์ไม่ได้ให้ความสำคัญ ซึ่งแฟนมองว่าในเคสนี้สามารถทำได้ดี แต่กลับไม่ได้รับความสนใจแม้แต่น้อย ทำให้เกิดความรู้สึกท้อใจในการเรียนในช่วงนี้ และรุ้สึกผิดที่ทำให้ผู้อื่นเดือดร้อนไปด้วย

    1.ก่อนฟังคิดว่าเขาเป็นคนอย่างไร

    ด้วยความที่รู้จักกันมานานกว่า 10 ปี ก็มองเห็นเค้าเป็นคนจิตใจดี โอบอ้อม เห็นใจผู้อื่น ตรงไปตรงมา มีความคิดเป็นของตัวเอง สามารถแก้ไขปัญหาต่างๆได้ด้วยตัวเอง แต่บางทีก็ตรงไปตรงมาเกินไป และเห็นใจคนอื่นจนทำให้ตัวเองทุกข์อยู่บ่อยครั้ง

    2.หลังจากการฟังแล้วสรุปว่าเขาเป็นคนอย่างไร

    1.อย่างแรกที่รู้สึกเลยคือ เป็นคนตรงไปตรงมา ด้วยความที่เรื่องที่เด็กทาเล็บมานั้น ไม่จำเป็นต้องเล่าให้อาจารย์ฟังก็ได้

    2.เป็นคนจริงจังกับการเรียน และคาดหวังกับการเรียนค่อนข้างสูง เพราะโดยปกติแล้วเรื่องทั่วๆไป เค้าจะไม่เก็บมาคิดและรู้สึกท้อใจแบบนี้

    3.มีแนวคิดและทางออกของตัวเองอยู่แล้ว เพราะที่เล่านั้น ไม่ได้ต้องการหาทางออก เพียงแต่อยากเล่าเพื่อระบาย และต้องการคนเข้าใจเท่านั้น

    4.เป็นผู้ที่เห็นอกเห็นใจผู้อื่น คำนึงความรู้สึกคนอื่นเสมอ

    3.สิ่งดีๆที่ได้จากเขา

    1.การตรงไปตรงมานั้นก็มีทั้งข้อดีและข้อเสีย ซึ่งเราควรจะต้องพิจารณาก่อนว่า ผลกระทบของมันนั้นจะเป็นอย่างไร เกิดประโยชน์หรือผลเสียกับใครหรือไม่

    2.การมีแนวคิดเป็นของตัวเอง ทำให้สิ่งต่างๆที่มากระทบนั้นมีอธิพลลดน้อยลงได้

    3.ความมุ่งมั่นตั้งใจ คาดหวังทำในสิ่งที่ตนรับผิดชอบอยู่อย่างดีที่สุด

    4.การเห็นอกเห็นใจผู้อื่นทำให้เป็นที่รักของคนรอบตัว

    4.ความเหมือนระหว่างเรากับเขา

    1. การมีแนวคิดเป็นของตัวเองและหาทางออกด้วยตนเอง

    2. ความมุ่งมั่นตั้งใจทำในสิ่งที่เรารับผิดชอบ

    5.ความต่างระหว่างเรากับเขา

    1.ในเรื่องของความตรงไปตรงมา โดยถ้าเป็นเรา หากมองว่าพูดไปแล้วจะเกิดผลเสียโดยไม่ก่อประโยชน์อะไร ก็จะไม่พูดไปว่ามีเรื่องการที่คนไข้ทาเล็บมา

    2.การเก็บความรุ้สึกนั้นมากระทบต่อสภาพจิตใจ ซึ่งถ้าเป็นเราคงไม่รู้สึกเสียใจอะไรมากกับสิ่งที่เกิดขึ้น มันจะผ่านไปได้อย่างรวดเร็ว

    3.ความเห็นอกเห็นใจผู้อื่น ซึ่งเป็นเราก็มองว่าเป็นหน้าที่ ที่ทุกคนต้องรับผิดชอบตามบทบาทอยู่แล้ว

    6.สิ่งที่ฉันจะรักษาไว้ในตัวเองคือ

    การรู้จักปรับเปลี่ยนไปตามสภาณการณ์ได้อย่างรวดเร็ว โดยไม่ทำให้ใครเดือดร้อน และเป็นตัวของตัวเอง คิดและแก้ไขสิ่งต่างๆด้วยตนเองเป็นหลัก

    7.สิ่งที่ฉันจะสร้างขึ้นใหม่ในตัวเองคือ

    การเห็นอกเห็นใจผู้อื่น มองในแง่ของมุมมองความรู้สึกของผู้อื่นร่วมด้วยกับเรื่องของเหตุผลและหลักการ

    8.สิ่งที่ฉันจะตัดทิ้งไว้ในตัวเองคือ

    การใช้เหตุผลมากเกินไปโดยไม่คำนึงถึงความรู้สึกของผู้อื่น

    9.สิ่งที่จะสร้างสรรค์ร่วมกัน

    การใช้เหตุผล และความรู้สึกเข้ามาในกระบวนการความคิดมากขึ้น โดยเหตุผลนั้นจะทำให้เรามองเห็นความเป็นจริงของเรื่องต่างๆและตัดสินใจได้อย่างถูกต้องส่วนความรู้สึกนั้น ทำให้เราเข้าใจคนรอบตัวและผลกระทบต่างๆจากการตัดสินใจนั้นๆ หากนำมาประกอบเข้าด้วยกัน จะทำให้เราสามารถทำในสิ่งที่ถูกต้อง และถูกใจคนรอบข้าง ไปพร้อมๆกัน

    ทรรศนันท์ เอื้อศิริพันธ์

    นส. ทรรศนันท์ เอื้อศิริพันธ์ รหัส 575740549-4 Ex 14

    กิจกรรม Theory U

    ผู้ร่วมกิจกรรม คุณน้ำ (นามสมมุติ) พี่ที่ทำงาน

    คุณน้ำ เกิดมาในชนบท ฐานะทางบ้านค่อนข้างยากจน มีพี่น้อง 6 คน เป็นคนที่ 5 ด้วยความโชคดีที่พ่อและแม่เป็นผู้ที่คอยสนับสนุนส่งเสริมให้มีการศึกษา เมื่อจบม.ปลาย คุณน้ำได้เดินทางมาศึกษาต่อระดับปริญญาตรี ที่มหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งในกรุงเทพฯ ด้วยเงินจำนวน 1,200 บาท จากเงินที่พ่อและแม่ให้มา พร้อมกับคำสอนที่ว่า "จงใช้เงินอย่างประหยัดและอดทนจนกว่าจะเรียนจบนะลูก" ตลอดเวลาที่คุณน้ำศึกษาอยู่ที่มหาวิทยาลัย ได้ตั้งใจทำงานและเก็บเงินเพื่อเป็นค่าเทอม และด้วยความโชคดีที่มีเพื่อนคอยช่วยเหลือ ซึ่งคุณน้ำซาบซึ้งน้ำใจมาก และเป็นเรื่องวิเศษมาก คุณน้ำคิดว่าการไม่มีหนี้ มีข้าวกินทุกมื้อแค่นี้ก็เพียงพอแล้ว และภูมิใจความสำเร็จที่ได้มา ได้ประสบการณ์มากมายจากการทำงานไปด้วยและเรียนไปด้วย

    ความเชื่อเดิม : คุณน้ำเป็นคนสนุกสนาน ร่าเริง ไม่คิดมาก

    ปิ๊งอะไร : คุณน้ำเป็นคนขยันทำงาน ไม่เลือกงาน ใช้จ่ายอย่างประหยัด

    เราคือใคร : เป็นคนที่ใช้จ่ายฟุ่มเฟือย ชอบเที่ยว

    สร้างสรรค์ร่วมกัน : ลดการเที่ยวและใช้จ่ายที่จำเป็น

    วางแผนร่วมกัน : เริ่มลงมือทำทันที

    สร้างวิสัยทัศน์ร่วมกัน : วางแผนออมเงินทุกเดือน

    นางสาว วีรยา เหลืองวรา

    นางสาว วีรยา เหลืองวรา

    รหัสนักศึกษา 5757405224 Ex#14 MBA BKK KKU

    ข้อมูลบุคคลที่ร่วมกิจกรรม : คุณหมี เจ้าของธุรกิจ บุระ ลำปาย รีสอร์ท

    คุณหมี เป็นเจ้าของกิจการที่โรงแรม บุระ ลำปาย รีสอร์ท ที่อำเภอปาย จังหวัดแม่ฮ่องสอน เดิมที่คุณหมีเป็นคนจังหวัดปัตตานี ฐานะครอบครัวที่บ้านยากจน แต่ด้วยเป็นคนเก่ง มีความรู้ ความสามารถ จึงสอบติดคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ พอเรียนจบปริญญาตรีได้ไปใช้ชีวิตทำงานที่เชียงใหม่ และด้วยเงินเดือนที่ลูกจ้างที่น้อยในสมัยก่อนเพียงเดือนละ 800 บาท จึงคิดหาทางที่จะเปิดบริษัทว่าความ ทนาย เพราะอยากจะมีเงินที่มาก และด้วยเป็นคนเก่งและโชคดี เมื่อเปิดบริษัทของตัวเองได้ ก็ประสบความสำเร็จและรายได้เข้ามาพอสมควร ได้ระยะหนึ่ง จึงเกิดความคิดที่จะไปเรียนต่อปริญญาโทที่ประเทศอังกฤษเพื่ออยากพัฒนาทักษะภาษาอังกฤษของตัวเอง เนื่องจากพบว่าการทำงานหากเราไม่มีความรู้ในภาษาที่ 3 จะทำให้เราเสียโอกาสในหลายๆด้าน ชีวิตแรกเริ่มในประเทศอังกฤษ คุณหมีไม่ได้ตั้งใจเรียน เนื่องจากติดเพื่อนและหลงใหล แสงสี ในประเทศอังกฤษ หลังจากที่เรียนไปได้ 1 ปี ก็ตัดสินใจกลับมาประเทศไทยเพื่อทำงานที่บริษัท เนื่องจากเกิดปัญหา ทำให้ไม่ได้เรียนจบปริญญาโท ตามที่ตั้งใจไว้ แต่ก็ไม่ได้ทำให้คุณหมีท้อแท้ เพราะคุณหมีบอกว่าสิ่งที่ได้กลับมาคือปริญญาชีวิตที่มีค่ามากกว่าเรียน คุณหมีได้เล่าต่อว่าหลังจากที่กลับมาทำธุรกิจที่เชียงใหม่ได้สักพักหนึ่ง ก็ได้มีโอกาสไปเที่ยวที่อำเภอปาย ซึ่งสมัยเมื่อ 10 ปีที่แล้ว อำเภอปาย เป็นที่ๆ คนยังไม่ได้รู้จักมาก จุดเริ่มต้นการทำธุรกิจโรงแรมที่ปาย เกิดจากทางคุณหมีได้แวะข้างทางเพื่อธุระส่วนตัว แต่ด้วยสถานที่ในสมัยก่อนไม่ได้สะดวกสบาย คุณหมีจึงได้วิ่งเข้าไปในป่า และหลังจากได้ทำธุระส่วนตัวเรียบร้อยแล้ว ได้พบว่าสถานที่ตรงนี้ ที่ดินพื้นนี้มีความสวยมาก มีภูเขา แม่น้ำ และต้นไม้ จึงได้ขออนุญาต คุณลุงที่เฝ้าที่ดิน นั่งชมบรรยากาศและชวนเพื่อนๆ ลงมานั่งดื่มเหล้า และชมความงามของธรรมชาติด้วยกัน หลังจากนั้นจึงตัดสินใจขอซื้อที่ดิน 30 ไร่ เพื่อมาทำโรงแรมและคิดว่าน่าจะเป็นธุรกิจที่ได้สวย ทางคนเฝ้าที่จึงได้แนะนำให้ไปพบนายหน้า ซึ่งเป็นเรื่องที่โชคดีมาก เนื่องจากนายหน้าคนนี้คือคนที่คุณหมีเคยว่าความ และชนะคดี เค้าจึงได้ช่วยดำเนินการซื้อที่ดินโดยไม่คิดค่านายหน้า แต่ด้วยราคาที่ดินที่สูงมาก ทางคุณหมีจึงได้ไปชวนเพื่อนมาร่วมทุนด้วย ในช่วงแรกๆ ทางคุณหมีต้องเริ่มต้นพัฒนาสิ่งอำนวยความสะดวกในการเดินทาง และด้วยเป็นคนที่อัธยาศัยดี มีน้ำใจประกอบกับมีความรู้เรื่องกฎหมาย จึงทำให้การพัฒนาเส้นทางเดินรถ สะพานข้าม และสิ่งอำนวยความสะดวกต่างได้สำเร็จลุล่วงไปด้วยดี ในช่วยแรกๆ ธุรกิจดำเนินไปได้ด้วยดี เนื่องจากคุณหมีเป็นคนกล้าได้กล้าเสีย และทำงานมีการวางแผนเป็นระบบ ทำให้ปายเป็นที่รู้จัก ประกอบกับโรงแรมคุณหมีอยู่ตรงทางเข้าอำเภอปายและมีสถานที่สำคัญคือสะพานประวัติศาสตร์ การเปิดโรงแรมของคุณหมี จะมีทั้งร้านอาหารและร้านกาแฟ ทำให้มีคนเข้ามามากและได้แบ่งปันพื้นที่ให้ชาวบ้านแถวนั้นได้ขายของอีกด้วย เมื่อปาย เริ่มมีคนรู้จักมากขึ้นทำให้ ในเมืองปายเริ่มมีการทำโรงแรมและการตลาดมากขึ้น โดยคุณหมีได้ชะล่าใจไม่ได้ออกไปดูตลาดหรือตรวจสถานการณ์ในปัจจุบัน ทำให้ผู้คนได้ย้ายเข้ามาพักในเมืองแทน เมื่อกิจการเริ่มแย่ลง ผู้ถือหุ้นจึงถอนหุ้นคืน คุณหมีก็ยังไม่ท้อและยังคงสู้อยู่ โดยคุณหมีให้ข้อคิดว่าเราต้องอยู่แบบ “แบ่งปัน” คือเราอยู่ได้เค้าอยู่ได้ ช่วยเหลือกัน คุณหมีช่วยเหลือชาวบ้านและผู้ประกอบการโรงแรม ร้านค้า ร้านอาหารมาโดยตลอด จนทำให้ทุกคนมีความศรัทธาและช่วยเหลือกัน จนทุกวันนี้กิจการคุณหมีกลับมารุ่งเรืองอีกครั้ง ด้วยน้ำพักน้ำแรงของคุณหมีและครอบครัว ที่คอยเป็นกำลังใจให้คุณหมี

    1. ก่อนฟังคิดว่าเขาเป็นคนอย่างไร

    คิดว่าคุณหมีเป็นคนรวยที่ไม่สนใจและแคร์อะไร ทุกอย่างคือธุรกิจ

    2. ฟังแล้วสรุปว่าเขาเป็นคนอย่างไร

    พบว่าคุณหมีเป็นคนมีน้ำใจ เป็นผู้ใหญ่ที่น่าเคารพและมีจุดยืนในตัวเองชัดเจน

    3. สิ่งดีๆที่ได้จากเขา (ปิ๊งอะไร)

    ด้วยความที่คุณหมีเป็นคนมีน้ำใจกับทุกคนและพูดอยู่เสมอว่าคนเราต้องรู้จัก “แบ่งปัน” แล้วเราจะอยู่ร่วมกันได้ และเป็นนักธุรกิจที่มีความเชื่อมั่นในตนเอง กล้าคิด กล้าทำ กล้าตัดสินใจ และยอมรับข้อด้อยของตนเอง

    4. มองตนเอง

    มองว่าเป็นคนที่มีน้ำใจชอบช่วยเหลือผู้อื่น มองโลกในแง่ดี คล้ายๆกันกับคุณหมี

    5. สิ่งที่ต้องการพัฒนา

    จุดดีของคุณหมีคือ เป็นคนมุ่งมั่น เวลาจะทำอะไร กล้าได้ กล้าเสีย และความมั่นใจในตัวเอง ซึ่งสิ่งเหล่านี้เรายังไม่มี แต่ละครั้งจะทำอะไรจะไม่มีความมั่นใจ ได้เท่าคุณหมี

    6. สิ่งที่อยากเก็บไว้

    ความตั้งใจและมุ่งมั่นจะทำงานให้ได้ออกมาดี และการรู้จักตนเอง อะไรที่ไม่ดีก็ควรแก้ไข เช่นการเรารู้ว่าเราไม่เก่งทางด้านภาษา ก็ต้องศึกษาหาความรู้เพิ่มเติม อาจจะเป็นโดยสารเป็นลงเรียนเพิ่ม

    7. สิ่งที่อยากกำจัดออก

    ความตั้งใจที่มีในระยะสั้น และการคิดมากทำให้การที่เราจะลองทำสิ่งใหม่ๆ ได้หายไป

    8. สิ่งที่จะสร้างสรรค์ร่วมกัน

    การสร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆ ที่ท้าทาย และทำให้เกิดผลดีต่อส่วนร่วม เช่นการร่วมกันประชาสัมพันธ์ การท่องเที่ยวเมืองปาย

    นางสาว ธนภรณ์ ศรีสกุลเมฆี รหัสนักศึกษา 575740531-3

    กิจกรรม Theory U

    บุคคลที่ร่วมกิจกรรม: พี่สาว(รุ่นพี่) อาชีพเจ้าของกิจการ

    ก่อนฟัง

    คิดมาเสมอว่าพี่สาวเป็นคนใจร้อน ไม่ฟังใคร มีความเชื่อมั่นในตัวเองสูง ไม่สนใจความรู้สึกของคนอื่น และไม่จริงจังกับอะไรเพราะดูเป็นคนไม่มีเป้ามายในชีวิต เพราะใช้เวลาไปกับการเข้าสังคมเป็นส่วนใหญ่

    หลังฟัง

    พี่สาวเป็นคนที่ไม่ตั้งใจเรียน การเรียนไม่ดีแต่จะหนักไปด้านเล่นกีฬาและทำกิจกรรมมากกว่า เพราะเป็นคนติดเพื่อน พอถึงตอนentrance ก็ไม่ติด ป๊าเลยตั้งใจจะให้เรียนมหาลัยเอกชน แต่พี่สาวไม่อยากทำให้ป๊าลำบากเพราะค่าเทอมแพงเลยไปอยู่มหาลัยราชภัฏบ้านสมเด็จเจ้าพระยา พอไปเรียนก็ทำตัวเหลวไหลติดเพื่อนอีกสุดท้ายก็ออกจากบ้านมาใช้ชีวิตเองตอนแรกก็รู้สึกอิสระแต่ พอผ่านไปสัก3-4เดือนเป็นจุดเปลี่ยนรู้สึกว่าอยากทำให้ป๊าภูมิใจ และรู้ว่าการที่เราออกจากบ้านมาไม่ได้เสียคน ก็เลยต้องทำงานหาเงินเองซึ่งทำให้ชีวิตวัยรุ่นหายไปแต่ก็ส่งตัวเองเรียนจนจบ และก็จบ3ปีครึ่งตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ รวมถึงปัจจุบันที่พี่สาวตั้งเป้าหมายว่าอยากเป็นเจ้าของกิจการก็สำเร็จ จากลูกจ้างธรรมดาก็กลายเป็นเจ้าของกิจการ

    สิ่งที่ประทับใจ

    คนเราต้องมีเรื่องที่เคยผิดพลาด แต่เราสามารถเรียนรู้ได้จากประสบการณ์ที่ผิดพลาดและทำให้ชีวิตเราดีขึ้น รู้จักวางเป้าหมายในชีวิต และตั้งใจทำมันให้สำเร็จ

    เมื่อย้อนกลับมาดูตัวเราเอง เราเห็นอะไร

    ชีวิตเราสบายกว่าเค้า แต่เรายังไม่เคยตั้งเป้าหมายอะไรจริงๆจังๆสักที ยังขาดความรับผิดชอบ และความพยายาม

    สิ่งที่จะเพิ่มเติม

    ตั้งเป้าหมายในชีวิต มีความอดทนกับสิ่งที่เราเจออยู่ในปัจจุบัน

    สร้างสรรค์ร่วมกัน

    อยากเปิดกิจการร่วมกัน


    น.ส.กรรณิการ์ นิลสุข 57574059-1

    นางสาวกรรณิการ์นิลสุขรหัส 575740559-1Ex-MBA 14 weekend (KKU BKK)

    Theory U

    บุคคลที่พูดให้ฟัง : หัวหน้างาน

    หัวหน้าเล่าเรื่องสมัยเด็ก เป็นคนกรุงเทพ ตอนจบ ม.6 เอนทรานไม่ติดเลยไปเรียนที่คณะวิศวะ ม.รังสิต และกลับมาเอนทรานใหม่ได้คณะสัตวแพทย์จุฬา เลยออกมาเรียนที่จุฬา ปี1 เรียนได้เกรดดีติดลำดับ 1 ใน 10 ของคณะทำให้ได้ทุนเรียน แต่พอปี 2 เทอม 1 สอบมิดเทอมเสร็จคะแนนออกมาไม่ดีเลยเครียดมากถึงขั้นเป็นโรคซึมเศร้า โดยมีอาการหนักมากไม่อยากเจอผู้คนไม่อยากให้เช้าเพราะต้องออกจากบ้านไปเจอสภาพแวดล้อมภายนอก จนต้องปรึกษาจิตแพทย์กับทานยาช่วยรักษาแต่ทานได้ 3 วัน เขาก็คิดได้ว่ายาอันตรายทานเยอะมันทำลายตับเขาเลยหยุดยาเองและเปลี่ยนความคิดและปรับทัศนคติตัวเองให้คิดบวกและกล้าเผชิญความจริงแล้วก็ไปเรียนได้ตามปกติและยังปรึกษาจิตแพทย์อยู่ แต่จะกลัวทุกครั้งที่สอบ สัตวแพทย์ต้องเรียน 6 ปี แต่พอถึงวันสอบเขาเห็นเพื่อนบางคนไม่อ่านหนังสือ คะแนนไม่ดีก็ยังสู้และไม่เครียดเท่าเขา เขาเลยเปลี่ยนความคิดว่าไม่ต้องกลัวมากความสำเร็จคนไม่ได้วัดกันที่คะแนหรือเกรดเลยเรียนได้จนจบพอจบมาแล้วก็ได้ทำงานเซลล์บริษัทยาสัตว์แห่งหนึ่งของประเทศไทย เป็นบริษัทใหญ่พอสมควร ทำได้ 3 เดือนเขาได้รับการมอบหมายให้ไปยุโรปกับลูกค้าและทำงานมาตลอด 6 ปีที่นี่จนได้รับเงินเดือนกับคอมมิดชั่นขายเยอะมาก แต่เขารู้สึกว่างานที่ทำมันน่าเบื่อไม่ท้าทายประกอบกับช่วงนั้นมีเพื่อนที่เรียนด้วยกันที่จุฬามาชวนกันออกมาเปิดบริษัทกันเองโดยรวมตัวกัน 3 คน มาจากบริษัทที่ใหญ่ในวงการยาสัตว์จึงมาตั้งเปิดบริษัทใหม่และขายของเองปรากฎว่าทุกคนที่ไปขายของกลับขายไม่ได้เหมือนอยู่บริษัทเก่า ทำให้เครียดกันมาก รายได้น้อยลงมากๆ แต่พวกเขาก็ให้กำลังใจกันเองและพยายามสู้กันมา มีปัญหาก็ช่วยกันแก้ไขปัญหา ทั้งทุกข์ สุข ท้อกันมาก และปัจจุบันนี้เขารับหน้าที่ในส่วนของวิชาการขายเพราะเป็นคนที่เก่งวิชาการด้านสัตวแพทย์ หัวหน้าบอกว่าจากเมื่อก่อนเขาเป็นคนที่กลัวการพูด การเจรจา โดยเฉพาะคนแปลกหน้ายิ่งกลัวมากไม่กล้าพูดหรือพรีเซนต์อะไรเลย แต่พอมาเป็นเซลล์ทำให้เขาต้องปรับความคิดและพยายามฝึกฝนหาความรู้ใหม่เพื่อคุยกับลูกค้า และเพื่อสอนงานน้องๆ จนทุกวันนี้บริษัทเปิดมาได้ 10 แล้ว และมียอดขายเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ แต่เขาก็ยังอยากปรับปรุงในเรื่องของ Team work ให้มากขึ้นกว่านี้โดยอยากให้เรามีส่วนช่วยบริษัทด้วย และหัวหน้าใช้การศึกษาธรรมะเพื่อเอามาปรับใช้กับชีวิตประจำวันทำให้ใจเย็นและมีสติในการทำงานขึ้นมาก

    ก่อนฟัง : มองว่าหัวหน้าเป็นผู้นำที่เชื่อมั่นในความคิดของตัวเองอย่างเดียวไม่ฟังลูกน้อง

    หลังฟัง : พบว่าหัวหน้าผ่านอะไรมาเยอะมากจนทำให้เขาสามารถปรับทัศนคติและปรับความคิดของเขาเองได้ในหลายๆ ด้าน เขาเลยอยากเอาประสบการณ์เขามาสอนน้องๆ (แต่การสอนของเขาเหมือนทำให้น้องคิดว่าเขาเอาความคิดตัวเองมาบอกให้น้องทำตามเขา โดยเขาเองก็ไม่รู้ตัว)

    สิ่งที่ได้: เห็นถึงความพยายามเอาชนะใจตัวเอง และพยายามปรับตัวให้เข้ากับสถานการณ์ได้ ความสามารถในการเอาชนะความกลัวที่ตัวเองมีอยู่ และความสามัคคีกับเพื่อนๆ ของหัวหน้าที่มีให้กัน

    มองตนเอง: เป็นคนที่ยังไม่กล้าเอาชนะความกลัวในบางเรื่อง แต่ตัวเองจะต่างกับหัวหน้าตรงที่กล้าคุยกับคนแปลกหน้าและไม่กลัวการเปลี่ยนแปลง แต่ไม่ค่อยศึกษาธรรมมะเหมือนหัวหน้า ตัวเองค่อนข้างใจร้อน

    สิ่งที่ต้องการพัฒนา: ฝึกการเอาชนะใจตนเองให้กล้าเอาชนะความกลัว และต้องร่วมสร้าง Team work ให้มีประสิทธิภาพ และฝึกสมาธิ ศึกษาธรรมะเพื่อให้ใจเย็นและมีสติมากขึ้น งานจะได้ดีขึ้น

    สิ่งที่ต้องการรักษา: ความสามารถในการเจรจาต่อรองกับลูกค้าและคนแปลกหน้า

    สิ่งที่ต้องการกำจัด: ความกลัวที่ไม่กล้าตัดสินใจเองในบางสถานการณ์ และความใจร้อนของเราเอง

    สิ่งที่อยากสร้างสรรค์ร่วมกัน: อยากสร้าง Team work ให้ประสบความสำเร็จในบริษัท

    นางสาวชนกนันท์ คำคล้าย

    นางสาวชนกนันท์ คำคล้าย 575740508-8 Y#weekend12

    กิจกรรม Theory U (7 ก.พ. 2559) MBA มข. ณ กรุงเทพ

    การรับฟังเรื่องราวของรุ่นพี่ที่ทำงาน

    พี่ที เป็นรุ่นพี่ที่ทำงานในแผนกเดียวกัน พี่ที่เป็นคนที่ทำงานเก่งมาก เป็นคนขยัน เป็นที่รักของหัวหน้าและทุกคน พี่ทีเล่าให้ฟังว่าเมื่อก่อนตอนที่ยังเรียนมัธยมศึกษาที่หอวัง พี่ทีเป็นเด็กที่มีความคิดว่าเราควรเรียนแค่วิชาที่จะนำไปสอบเอนทรานเข้ามหาลัยเท่านั้น โดยพี่ทีจะไปเรียนเฉพาะวิชาที่ใช้สอบ พวกกลุ่มวิชาวิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ และจะไม่เข้าเรียนในวิชาพละหรือวิชาอื่นๆที่คิดว่าไม่จำเป็น จนทางรร.มีหนังสือไปถึงผู้ปกครองว่ามีเวลาเรียนไม่พอ ในช่วงตอนเรียน ม.4 พี่ทีเลยตัดสินใจไปเรียนกศน.อีกที่เพื่อให้ได้วุฒิม.ปลาย และอ่านหนังสือที่บ้านเอง โดยพี่ทีเล่าว่า อาจารย์ที่โรงเรียนเคยเรียกไปตำหนิว่า คิดผิดที่ไม่ยอมมาเรียนและยังไงก็ไม่มีทางสอบติดแน่นอน ทำให้พี่ทีมีความกดดันมากกว่าเดิมมาก เลยตั้งใจเรียนและอ่านหนังสือจนสอบเข้ามหาลัยได้ก่อนเพื่อนปีเดียวกันถึง 1 ปี (เทียบวุฒิกศน.สอบได้ตั้งแต่ม.5) ซึ่งตอนนั้นพี่ทีคิดว่าตัวเองเก่งมาก ซึ่งพอมาเรียนในมหาลัยจริงๆ พี่ทีเล่าว่าลำบากมาก และรู้สึกว่าตนเองคิดผิดที่ไม่เชื่ออาจารย์ เพราะพีทีมีพื้นฐานการเรียนที่ไม่ดีในรร.ตอนมัธยมปลาย ทำให้ต้องขยันมากกว่าคนอื่นหลายเท่า และต้องตั้งใจเรียนทำการบ้านมากกว่าคนอื่นๆ พี่ทีแนะนำว่าควรทำตามในสิ่งที่ผู้ใหญ่สอนหรือแนะนำ อย่าคิดทำตามใจตัวเองไปทุกอย่าง ไม่เช่นนั้นก็จะต้องเหนื่อยเป็นสองเท่าของคนอื่น ซึงปัจจุบันพี่ทีเล่าว่าได้ปรับปรุงตัวเองจากเมื่อก่อน โดยจะพยายามรับฟังการเตือน หรือรับฟังความคิดของผู้อื่นมากขึ้น ใช้สติในการตัดสินใจ พยายามไม่เป็นคนใจร้อน ซึ่งก็ส่งผลดีต่อชีวิตในปัจจุบันมาก

    ความเชื่อเดิม มองว่าพี่ทีเป็นคนที่มีชีวิตที่ดีอยู่ในกรอบตลอดเวลา ดำเนินชีวิตแบบมีระเบียบแบบแผน

    สิ่งที่ค้นพบเมื่อหยุดรับฟัง รับรู้ว่าพี่ทีก็มีอีกมุมหนึ่ง ที่เคยคิดผิดพลาดในชีวิต เป็นคนที่ดื้อรั้นไม่ค่อยยอมฟังความคิดเห็นจากผู้อื่น

    สิ่งที่แตกต่างจากเรา พี่ทีเป็นคนที่มีความมั่นใจในตนเอง เป็นคนที่มุ่งมั่น ขยันและตั้งใจในสิ่งที่ทำ ซึ่งต่างจากเราที่ใช้ชีวิตแบบเรื่อยๆไม่จริงจัง ไม่มีแผนในการอนาคตที่ชัดเจน

    สิ่งที่คิดจะทำร่วมกัน คือการเป็นที่ปรึกษาแบบพี่น้อง พี่ทีจะเป็นที่ปรึกษาปัญหาต่างๆให้ โดยจะแนะนำว่าควรจะทำอย่างไรในอนาคต เพื่อประสบความสำเร็จในการทำงาน และเราก็จะคอยรับฟังปัญหาของพี่ทีด้วย

    นางสาวหนึ่งนรินทร์ แถมพร

    นางสาวหนึ่งนรินทร์ แถมพร 575740591-5 EX-MBA รุ่นที่ 14 ม.ขอนแก่น กรุงเทพ

    Theory U

    ข้อมูลบุคคลที่ร่วมกิจกรรม: เพื่อนผู้ชาย ชื่อเจ๋ง อายุ 32 ปี อาชีพปัจจุบัน พนักงานบริษัทเอกชน ในจังหวัดสมุทรสาคร


    1.ก่อนได้ฟัง
    เจ๋ง เป๋นเพื่อนผู้ชายที่เราสนิทมากคนนึง ทุกครั้งที่เจ๋งกับแฟนจะเข้ากรุงเทพในวันหยุด จะขอติดรถกับเราเข้ามาด้วยเสมอ ปกติแล้วถ้าไม่ใช่เวลางาน สิ่งที่เห็นเจ๋งทำอยู่เสมอๆนั่นคือการเลนเกมส์จากโทรศัพท์มือถืออยู่ตลอดเวลา ไม่ว่าจะเป็นตอนกินข้าว ตอนนั่งรถไปไหนมาไหนด้วยกัน นอกจากนี้อีกสิ่งหนึ่งที่เห็นคือ เป็นคนที่ชอบอ่านหนังสือ หากวันไหนที่ได้หยิบหนังสือขึ้นมาอ่าน เรียกได้ว่าเพื่อนคงไม่ต้องได้เห็นหน้ากันเลยทีเดียว เพราะจะขลุกอยู่แต่กับหนังสือเล่มที่กำลังอ่าน เจ๋งเคยซื้อหนังสือมาฝากและบอกว่าในหนังสือเล่มนั้นมีข้อคิดดีๆอยู่หลายเรื่อง แต่จนถึงตอนนี้หนังสือเล่มนั้นดิฉันยังอ่านมันไม่จบเลยซะด้วยซ้ำ ซึ่งถือว่าวิถีชีวิตของเจ๋งเป็นที่มีวิถีชิวิตไม่เหมือนกับคนทั่วไปที่จะไม่สุดโต่งแค่เรื่องใดเรื่องหนึ่งเพียงอย่างเดียว และถ้าไม่มีเรื่องงานเข้ามาเกี่ยวข้อง ดูชีวิตของเจ๋งไม่น่าจะมีเรื่องให้คิดมาก หรือไม่น่าจะเป็นคนที่ิคิดหรือวางแผนอะไรไว้เลยกับอนาคตตัวเองสักเท่าไหร่

    2.หลังได้พูดคุย
    หลังจากได้พูดคุยกับเจ๋ง ทำให้รู้เลยว่าจริงๆล้วเราคิดผิด เจ๋งเป็นคนที่วางแผนอนาคตได้ดีมาก โดยเงินที่่ได้จากการทำงานส่วนที่เหลือจากการส่งให้ทางบ้าน เจ๋งได้มีการแบ่งออกเป็นหลายส่วน ส่วนนึงนำไปลงทุน ส่วนนึงแบ่งไว้ใช้จ่ายรายเดือน ส่วนนึงเก็บไว้เป็นเงินทุนสำรอง และหนังสือที่ชอบอ่านอยู่เสมอ จะเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับข้อคิดดี หลักการลงทุน หลักการวางแผนสำหรับการบริหารการเงิน และการเล่นเกมส์เพื่อให้ชีวิตมีความสมดุลไม่เคร่งเครียดกับการทำงานมากจนเกินไป จนทำให้ชีวิตตัดกับความเครียดตลอดเวลา


    3.สิ่งดี ๆ ที่ได้จากเขา
    เจ๋งได้สอนว่าเราควรสร้างสมดุลให้กับชีวิต ไม่ติดกับสิ่งใดสิ่งหนึ่งมากจนเกินไป โดยเฉพาะmกับงาน เพราะหากวันนึงเราเกิดเจ็บป่วยขึ้นมาเนื่องจากความเครียดจนไม่สามารถทำงานได้ บริษัทอาจจะเกิดปัญหาแค่ในช่วงระยะเวลานึง แต่เมื่อบริษัทสามารถหาคนมาทำงานแทนได้แล้วทุกอย่างก็ยังดำเนินต่อไป แต่ขณะที่เรายังต้องนอนรักษาตัว และสอนให้รู้จักการวางแผนอนาคตในวันข้างหน้า ตัดสิ่งที่ไม่จำเป็นออก คงเหลือไว้เฉพาะสิ่งที่เราคิดว่าจะเป็นต่อชีวิต เพราะไม่รู้เลยว่าวันข้างหน้าอนาคตจะอยู่อย่างไร หากไม่เริ่มวางแผนและเริ่มลงมือทำตั้งแต่วันนี้

    4.สิ่งที่เหมือน
    เราเป็นคนที่วางแผนถึงอนาคตว่าจะต้องใช้ชีวิตอย่างไร และเป็นคนที่ใฝ่หาความรู้ใส่ตัวเองอยู่เสมอ หกสนใจเรื่องใดแล้วจะต้องทำความเข้าใจและศึกษาให้เข้าถึงรายละเอียดมากที่สุดเท่าที่จะทำได้ และจะเปลี่ยนเรื่องที่สนใจไปเรื่อยๆ เพื่อให้ตนเองมีความรู้รอบตัวมากที่สุดเท่าาที่จะทำได้

    5. สิ่งที่แตกต่าง
    ความชัดเจนในแผนที่วางไว้ในอนาคตของเจ๋งจะชัดเจนมากกว่า และเป็นคนที่พอคิดแล้วจะเริ่มทำทันทีไม่รอให้เวลาผ่านไปเฉยๆ แต่ในขณะที่เราเมื่อคิดไ้ด้แล้วหากไม่แน่ใจจริงๆ จะไม่เริ่มลงมือทำ เพราะกลัวความล้มเหลว จนทำให้บางครั้งเรายืดหยุ่นกับแผนที่วางไว้มากจนเกินไป และเรื่องไหนที่ไม่สนใจหรือคิดว่าไม่น่าสนใจแล้วก็จะไม่ใส่ใจหรือเริ่มศึกษาเลย อย่างเช่นหนังสือเล่มที่เจ๋งเคยเอามาฝาก

    6.สิ่งที่จะรักษาไว้
    การมองถึงอนาคตของตัวเอง เพื่อกำหนดเป้าหมายในชีวิตว่าจะเดินไปอย่างไรในอนาคต และจะเดินไปอย่างไรเพื่อให้ถึงเป้าหมายที่วางไว้ และการเป็นคนใฝ่หาความรู้ใส่ตัวเองอยู่เสมอ

    7.สิ่งที่ฉันจะสร้างขึ้นมาใหม่ในตัว
    ความชัดเจนในแผน ไม่ยืดหยุ่นจนเกินไปทำให้ไม่เริ่มทำสิ่งใหม่ๆสักที รวมไปถึงการสร้างสมดุลให้กับชีวิต ไม่เคร่งเครียดกับสิ่งใดสิ่งหน่งมากจนเกินไป


    8.สิ่งที่ต้องการตัดทิ้ง
    ความกลัวความล้มเหลว จนไม่กล้าที่จะเริ่มทำสิ่งใหม่ๆ

    9.สิ่งที่จะสร้างสรรค์ไปด้วยกัน

    หากิจกรรมคลายเครียด เช่นการดูหนัง ฟังเพลง ทานอาหารร่วมกัน เพื่อแลกเปลี่ยนทัศนะคติ

    นายเศกสิทธิ์ ดอกไม้แก้ว 575740576-1 EX-MBA รุ่นที่ 14 ม.ขอนแก่น กรุงเทพ

    Theory U

    ข้อมูลบุคคลที่ร่วมกิจกรรม: รุ่นน้องผู้ชาย ชื่อ ด. อายุ 28 ปี อาชีพปัจจุบัน สถาปนิกพนักงานบริษัทเอกชน


    1.ก่อนได้ฟัง
    ด.เป็นคนที่สนุกสนานร่าเริง ซั่งพุด ทำให้สามารถเข้ากับผู้อื่นได้ง่าย เป็นที่ชอบเที่ยวไม่ว่าจะกลางคืนหรือท่องเที่ยวต่างจังหวัดและต่างประเทสเมื่อมีโอกาส ด้วยงานที่ ด.ทำอยู่คือสถาปนิกที่ต้องได้พบปะผู้คนมากมาย การพูดคุยเจรจาการแสดงออกที่ค่อนข้างเป็นมิตรทำให้ ด.ประสบความสำเร็จในหน้าที่การงานในระดับหนึ่ง ถ้าพิจารณาจากการใช้ชีวิตคาดว่า ด.น่าจะมีปัญหาด้านการเงินเป็นแน่

    2.หลังได้พูดคุย
    ด.เป็นเด็กที่เกิดในครอบครัวฐานะปานกลาง ต่างจังหวัดแต่โตมาในสังคมเมือง และเป็นทุนนิยม ก็ไม่น่าแปลกใจที่ ด.จะใช้ชีวิตแบบนี้ การที่สามารถเลือกเรียนอะไรก็ได้ตามใจ พ่อแม่ปล่อยตามสบายแต่สิ่งที่น่าแปลกใจคือ ด.สามารถบริหารจัดการชีวิตตนเองได้เป็นอย่างดีทั้งด้านการเงิน ด.จะแบ่งเงินเดือนและรายได้ต่างๆออกมาเป็นสามส่วนคือ เงินเก็บทันที่ได้ ส่วนที่สามารถใช้จ่ายสุรุยสุร่ายและค่าใช้จ่ายประจำวัน และก้อนสุดท้ายเก็บไว้ให้หลาน(ลูกน้องชาย) ด.จะรู้ทันทีว่าถ้าเงินส่วนสุรุยสุร่ายหมดก็จหยุดการใช้จ่าย รอเดือนถัดไป อีกส่วนหนึ่งการบริหารตารางชีวิต ด.จะวางแผนล่วงหน้าเสมอว่าจะกลับบ้านหรือบินไปเที่ยวที่ไหนวันไหนเดือนไหน ด.จึงสามารถจองตั๋วเครื่องบินในราคาูกได้เสมอ นอกจากนี้ด้วยอุปนิสัยของ ด.ที่พูดเก่งทำให้กลายเป็นศูนย์กลางของทั้งกลุ่มเพื่อนและครอบครัว หลีกหนีไม่ได้ที่จะต้องรับฟังปัญหาจากบุคคลอื่น และให้คำปรึกษาในส่วนที่ให้ได้ ทำให้เกิดความเครียดที่ทิ้งไว้ในใจ ด.โดยไม่รู้ตัว


    3.สิ่งดี ๆ ที่ได้จากเขา

    การบริหารจัดการของ ด.ทั้งในแง่เรื่อง เงิน ครอบครัว สังคม และชีวิตประจำวัน

    4.สิ่งที่เหมือน
    จากสิ่งที่ได้กล่าวมาข้างต้นจะเห็นได้ว่า เราแทบจะไม่มีความคล้ายกันเลย ทั้งเรื่องนิสัยส่วนตัวและการบริหารจัดการ

    5. สิ่งที่แตกต่าง
    เราแตกต่างกันในหลายๆด้าน ที่ขัดเจนคือนิสัยส่วนตัว ผมจะเป็นเงียบๆไม่ค่อยสุงสิงกับใครถ้าไม่สนิท ไม่ค่อยกล้าจะทำอะไรใหม่ๆ และอื่นๆ การบริหารจัดการอะไรก็ค่อนขางช้ากว่าจะตัดสินใจ(ชีวิตประจำวัน)แต่ถ้าเรื่องงานจะมีความผิดพลาดน้อยที่สุด การให้ความสำคัยกับที่บ้านก็เป็นอีกเรื่องที่แตกต่าง

    6.สิ่งที่จะรักษาไว้

    ความรู้สึกมีความสุขสนุกกับสิ่งที่ทำในแต่ละวัน จะเป็นตัวเพิ่มพลังชีวิต การได้เติมพลังชีวิตของเราให้แก่ครอบครัวและบุคคลรอบข้าง

    7.สิ่งที่ฉันจะสร้างขึ้นมาใหม่ในตัว
    การบริหารจัดการชีวิตประจำวันของตนเอง,การวางแผนทั้งในระยะสั้นและระยะยาว


    8.สิ่งที่ต้องการตัดทิ้ง
    ความไม่กล้าทำในสิ่งใหม่ๆ ,การรู้จักเข้าสังคมเพื่อพบปะผู้คนใหม่ๆจะส่งผลถึงการกล้าแสดงออกมากขึ้น

    9.สิ่งที่จะสร้างสรรค์ไปด้วยกัน

    หากิจกรรมคลายเครียด เช่นการดูหนัง ฟังเพลง ทานอาหารร่วมกัน เพื่อแลกเปลี่ยนทัศนะคติ


    นายมานพ ทะวัน รหัส นศ. 575740587-6 MBA-EX Weekend # 14 กทม.

    นายมานพ ทะวัน รหัส นศ. 575740587-6 MBA-EX Weekend # 14 กทม.

    Theory U

    เรื่องราวโดยสังเขป :

    น้องสาวของผม จบการศึกษาระดับปริญญาตรีและได้ทำงานบริษัทเอกชนแห่งหนึ่ง ซึ่งเป็นบริษัทเดียวกับคุณแม่ อย่างไรก็ตามคุณแม่ของผมต้องการให้น้องสาวประกอบอาชีพ รับราชการ เหมือนกับตัวผม ซึ่งเป็นอาชีพที่น้องสาวไม่ชอบ เนื่องจากมีความเห็นว่า เป็นอาชีพที่มีรายได้น้อย และในบางตำแหน่งมีอิทธิพลทางการเมืองครอบงำอยู่ จึงรู้สึกว่าถ้าหาก ประกอบอาชีพรับราชการแล้วจะไม่เป็นอิสระ คุณแม่มักพูดกับน้องสาวเสมอว่า อยากให้ไปสอบบรรจุเป็นข้าราชการเหมือนพี่ชาย จะได้ไม่ต้องเป็นพนักงานบริษัทเหมือนแม่ ซึ่งลำบาก ต้องอยู่ในสังคมที่มีการแข่งขันสูง ไม่มั่นคงในระยะยาว แม้น้องสาวจะอธิบายเหตุผลที่อยากทำงานบริษัทเอกชนมากกว่า เพราะมีรายได้สูงกว่าระบบราชการ และมีเงินโบนัสประจำปีที่สูง และที่สำคัญได้อยู่ใกล้คุณแม่ด้วย พร้อมทั้งสามารถทำงานได้อย่างมีความสุข สำหรับการทำงานนั้น หากรักษามาตรฐานการปฏิบัติงานโดยตลอด และมีผลการปฏิบัติงานดี ก็ย่อมไม่เสี่ยงต่อการเลิกจ้าง และสามารถเติบโตในสายงานได้ไม่ต่างกันกับระบบราชการ แต่การเฝ้าอธิบายของน้องสาวไม่เป็นผล คุณแม่ของผมก็ยังมีความคิดแบบเดิม และทุกครั้งที่ท่านทราบข่าวการเปิดสอบบรรจุราชการ ท่านก็จะบอกแถมบังคับให้ไปสอบ ทำให้น้องสาวเกิดความน้อยใจว่าคุณแม่ไม่เชื่อมั่นในตัวน้องสาว และคุณแม่รักพี่ชายมากกว่าตนเอง

    ความเชื่อเดิม : วัยรุ่น(น้องสาว) มีความมั่นใจในตัวเองสูงเกิน ไม่รับฟังความคิดเห็นของคนรอบข้าง

    สิ่งที่ได้ตระหนักรู้เมื่อรับฟัง :

    ประการที่ 1 คือ ธรรมชาติของมนุษย์ย่อมต้องการที่จะเป็นเจ้าของความคิดของตนเอง ไม่ต้องการให้มีการบังคับ หรือตีกรอบความคิด หากเหตุผลที่ผู้อื่นแนะนำแล้ว ตัวเรายังไม่เห็นว่ามันสำคัญมากพอที่จะให้เปลี่ยนความคิด เราก็จะไม่เปลี่ยนความคิดไปตามที่ผู้อื่นแนะนำ

    ประการที่ 2 คือ อาชีพใดก็แล้วแต่ ย่อมมีหนทางประสบความสำเร็จได้ทั้งนั้น เพียงแต่ผู้ประกอบอาชีพรักในหน้าที่ของตน และปฏิบัติหน้าที่ด้วยจิตวิญญาณ ก็จะเกิดความสุขในใจของผู้นั้น

    สิ่งที่จะสร้างสรรค์ร่วมกัน :

    ประการที่ 1 คือ สร้างสรรค์ร่วมกันกับน้องสาว พิสูจน์ให้คุณแม่เห็นว่า ความสุขที่แท้จริงของลูกคือ การที่ได้ใกล้กับคุณพ่อ คุณแม่ และการที่มีหน้าที่การงานที่มั่นคง สามารถดูแลตนเองและครอบครัวได้ โดยไม่จำเป็นต้องมองว่าองค์กรที่ทำงานนั้น เป็นระบบเอกชนหรือระบบราชการ

    ประการที่ 2 คือ ช่วยกันดูแลคุณพ่อ คุณแม่ ให้ท่านมีความสุข ภาคภูมิและอิ่มเอมใจกับความสำเร็จที่สร้างขึ้นด้วยตัวของลูกเอง

    นายสรรภพ บุญสนองโชคยิ่ง

    รหัส 575740589-2 Ex14 WE (MBA KKU BKK)

    กิจกรรม Theory U

    เป็นเรื่องของพี่ที่รู้จักท่านหนึ่งที่มีความสามารถในการทำงาน ประสบความสำเร็จในหน้าที่การงาน ชีวิตครอบครัว ตั้งแต่อายุยังน้อย มีครอบครัวที่อบอุ่น จนหลายคนที่เห็นหรือมองเข้ามาชีวิตดูสมบูรณ์ อบอุ่น และหลายครั้งผมได้มีโอกาสฟังเรื่องราวต่างๆในแง่ต่างๆของพี่เค้าว่าก่อนที่จะเป็นแบบนี้ชีวิตก็ต้องทำงานหนัก มีเวลาให้กับตัวเองน้อย ต้องอดทน ต้องลองผิดลองถูก ก่อนที่จะมีอนาคตที่ดีและมีความพร้อมในทุกด้าน ทำให้ผมรู้ว่าก่อนที่จะเป็นที่ชีวิตที่ประสบความสำเร็จแบบนี้ ต้องพัฒนาตนเองอยู่ตลอดเวลา ห้ามหยุดอยู่นิ่ง แล้วชีวิตเราจะมีคุณค่า ต้องรู้จักการรักและเคารพตนเอง สร้างความเชื่อมั่นให้ตนเอง รู้จักการให้โอกาสตนเอง ซึ่งทำให้ผมมองชีวิตพี่เค้าเป็นแบบอย่างในการดำเนินชีวิต และเป็นแรงบันดาลใจให้ผมสร้างจุดมุ่งหมายในชีวิตที่ชัดเจน

    1. ก่อนฟัง

    รู้สึกและสงสัยว่าทำไมชีวิตไม่หยุดนิ่ง ไม่อยู่เฉย หาสิ่งที่เป็นประโยชน์ให้กับคนเองอยู่เสมอทั้งการเรียนและการอบรม ทั้งๆที่ชีวิตดูสมบูรณ์แล้ว

    2. หลังฟัง

    เป็นคนที่มีข้อคิดที่ดีให้เสมอเวลาได้ฟังหรือปรึกษา ทำให้รู้ว่าก่อนที่จะประสบความสำเร็จแบบนี้ชีวิตต้องหมั่นทำอะไรเพิ่มเติมให้ตนเองเสมอ ไม่ใช่ว่าประสบความสำเร็จแล้วชีวิตจึงอยู่นิ่งได้ รวมถึงต้องฝึกเรียนรู้ รู้จักการบริหารด้านการเงิน ครอบครัว ชีวิตประจำวัน ต้องมีกระบวนการคิดที่เป็นขั้นตอน และมีความสามารถในการปรับตัว พี่เค้าสามารถตัดสินใจแก้ไขปัญหา มีความสามารถในการพูดโน้มน้าวใจ วางแผนอนาคตให้กับตนเองได้ดี จัดลำดับความสำคัญของทุกเรื่องได้อย่างดีมาก อีกทั้งคอยให้กำลังใจแนะนำกับผมทุกครั้งที่มีโอกาส

    3. สิ่งที่ได้จากการฟัง

    สามารถแรงบันดาลใจให้รู้จักการวางแผนชีวิตในอนาคต ตั้งแต่อายุน้อย ไม่จำเป็นเลยที่คนอายุน้อยจะเติบโตในที่ทำงานและประสบความสำเร็จในชีวิตครอบครัว รวมถึงคนเราต้องรู้จักคิดและเริ่มลงมือทำ ไม่ต้องกลัวการผิดพลาด ทุกอย่างที่เราทำคือประสบการณ์ให้เราได้เรียนรู้และฝึกฝนตนเอง

    4. สิ่งที่เหมือน

    เป็นคนที่นักครอบครัว มีเหตุผล รู้จักการรับฟังผู้อื่น และมีความอนทน

    5. สิ่งที่ต่าง

    เป็นคนที่มีความมั่นใจในตัวเอง กล้าแสดงออก มีการวางแผนอนาคตที่ชัดเจน ทำให้ผลเลือกที่จะนำมุมมองต่างๆมาปรับใช้ในการดำเนินชีวิต

    6. สิ่งที่จะรักษาไว้

    เป็นคนที่มีความตั้งใจในการทำงาน รักครอบครัว หนักแน่น

    7. สิ่งที่จะสร้างขึ้นมาใหม่

    ปรับเปลี่ยนการคิดและกล้าที่จะลงมือปฏิบัติทันที หากไม่รู้ก็จะศึกษาหรือสอบถามผู้รู้ เพื่อให้อนาคตมีจุดหมายที่ชัดเจน รู้จักวางแผนและมีเป้าหมายในการดำเนินชีวิตในทุกๆปี รู้จักการให้รางวัลตนเองเมื่อประสบความสำเร็จ เพื่อเป็นการให้กำลังตนเอง

    8. สิ่งที่ต้องการละทิ้ง

    การไม่ค่อยพูดและแสดงความคิดเห็น รวมถึงหันมาให้ความสำคัญกับชีวิตการทำงาน ชีวิตส่วนตัว และครอบครัวอย่างสมดุล

    9. สิ่งที่คิดว่าจะทำร่วมกัน

    สามารถปรึกษาปัญหาต่างๆได้ และคอยแนะนำการใช้ชีวิตจากประสบการณ์ต่างๆ เพื่อความสำเร็จในการทำงานและชีวิตครอบครอบครัว คอยช่วยเหลือหากมีโอกาส

    สุกัญญา พรหมอารักษ์

    นางสาวสุกัญญา พรหมอารักษ์ 575740538-9 Young weekend 12

    MBA KKU วิทยาเขต กรุงเทพฯ

    Theory U

    ผู้ร่วมสนทนา: นางสาว ปัด (นามสมมุติ) เป็นเพื่อน Young weekend 12

    เรื่องเล่า ชื่อผู้เล่า ปัด เล่าเรื่องราวเกี่ยวกับชีวิตในวัยเรียนจนถึง วัยทำงาน สมัยประถมศึกษา เป็นเด็กขยัน ตั้งใจเรียน ทำกิจกรรมชนะการประกวดคัดไทย ชนะการประกวดมารยาทดี และประถมศึกษาที่6 ได้เป็นรองประธานนักเรียน เป็นเด็กเรียนดีมาโดยตลอด จนเข้ามัธยมปัด ตั้งใจเรียนสายวิทย์-คณิตเพื่อที่จะเข้าเภสัชกรดังที่พ่อ ปรารณนา แต่ปัดสอบไม่ติดเภสัช สอบติดพยาบาลศาสตร์แทน พ่อไม่เห็นด้วยที่จะเรียน เพราะกลัวลูกเหนื่อย ปัดเป็นคนที่อยู่ในกรอบเชื่อฟังพ่อทุกอย่าง สุดท้ายปัดเอนติดคณะเศรษฐศาสตร์ ม.เกษตรศาสตร์ ขณะเรียนปี1 พ่อของปัดเสียชีวิตกระทันหันด้วยโรคร้าย ทำให้เป็นจุดเปลี่ยนชีวิตของเขา จากเด็กที่ทำอะไรไม่เป็นเลย เช่น ขับรถ ทำงานบ้าน เพราะทุกอย่างพ่อกับแม่เขาทำให้ตลอด ก็ทำให้เขาต้องสู้กับสิ่งที่เผชิญอยู่ ต้องเป็นคนที่เลี้ยงดู แม่ และน้อง ให้ได้ ทำให้ปัด ฝึกทำทุกอย่างให้ได้ และเขาสนิทกับพ่อมากกว่าแม่ หลังจากพ่อเสียก็ทำให้เขาสนิทกับแม่และเปิดใจกันมากขึ้น จนทุกวันนี้ปัดทั้งทำงานและเรียนป.โทไปด้วย ดูแลแม่และน้องเป็นอย่างดี และเป้าหมายในชีวิตของปัดคือการเรียนจบป.โทและเข้าทำงานราชการอย่างที่พ่อแม่อยากให้เป็น เพราะอยากให้แม่ภูมิใจ

    ก่อนฟัง: ลักษณะเป็นคนซุมซ่าม โก๊ะ ๆ ดูไม่ค่อยจริงจังในชีวิต ชอบท่องเที่ยวสนุกกับชีวิตและชอบเกาหลีมาก ติดโซเชียล

    หลังฟัง: ไม่คิดว่าปัดจะได้รับรางวัลมารยาทงาม และปัด เป็นคนที่กตัญญู รักครอบครัว อดทนสู้ชีวิตต่อเหตุการณ์ที่พ่อเสีย ปัดก็ผ่านอุปสรรคนั้นมาได้ สิ่งที่ไม่เคยทำก็พยายามทำทุกอย่างให้เป็น เช่น ขับรถ ทำงานบ้าน เพื่อที่จะทำทุกอย่างให้เป็นผู้นำแทนพ่อเพราะต้องการที่จะดูแลแม่และน้อง มีเป้าหมายชัดเจนที่จะเข้าทำงานราชการ และปัดเป็นคนที่ขยันตั้งใจเรียนมาก และมีมนุษยสัมพันธ์ที่ดีพ่อเพื่อนๆเพราะไม่คิดว่าจะเป็นคนที่ชอบทำกิจกรรมในโรงเรียนมาก่อน

    สิ่งที่เหมือนกัน : ขยันเรียนมีความตั้งในในการเรียน รักครอบครัว

    สิ่งที่ไม่เหมือน :ยังไม่มีเป้าหมายที่ชัดเจนในการทำงาน และยังไม่จริงจังกับการใช้ชีวิต และเป็นคนที่ไม่ชอบทำกิจกรรม

    สิ่งที่ต้องเพิ่ม : กล้าที่จะเปิดใจในการคุยกับแม่ ว่าชอบทำงานในลักษณะไหน

    สิ่งที่ต้องรักษา : ความมุ่งมั่น ความกตัญญูต่อครอบครัว

    สิ่งที่ตัดออก : การอยู่ในกรอบของครอบครัวมากเกินไป จนไม่กล้าตัดสินใจเลือกเรียน และทำงานในสิ่งที่ตัวเองชอบ

    อยากทำร่วมกัน : ปรึกษาเรื่องการทำงาน การเรียนและแชร์ประสบการณ์การใช้ชีวิตซึ่งกันและกัน

    กิจกรรม Theory U

    บุคคลที่เข้าร่วมกิจกรรม : หัวหน้าทีมในที่ทำงานใหม่

    เนื้อหาเรื่องคือ: ดิฉันพึ่งได้เข้าไปทำงานในสถานที่ใหม่ ซึ่งในการทำงานในวันแรกๆ หัวหน้าทีมคนนี้พยายามเข้ามาแวะเวียนเดินมาหาดิฉันที่โต๊ะทำงานบ่อยๆ โดยที่ในขณะนั้นหัวหน้าส่วนที่มีหน้าที่ในการจัดทีมยังไม่ได้ตัดสินใจในการบรรจุดิฉันลงทีมใดในส่วนดิฉันทราบมาว่าหัวหน้าทีมท่านนี้เข้าไปของให้บรรจุดิฉันเข้าทีมของเค้า จากนั้นหัวหน้าทีมก็มอบหมายภาระงานให้โดยที่ดิฉันยังไม่ได้รับการฝึกอบรมแผนปฏิบัติงานพร้อมทั้งเร่งเอาภาระงานที่มอบหมายให้ดิฉันทำด้วยวิธีการต่างๆทำให้ดิฉันรู้สึกอึดอัดและไม่สบายใจกับการทำงานกับหัวหน้าทีมท่านนี้

    ความเชื่อเดิม: หัวหน้าทีมคนนี้ไม่คำนึงถึงความเป็นจริงในการทำงาน

    ความเห็นหลังการฟัง: หัวหน้าทีมคนนนี้มีความคาดหวังในตัวของดิฉันมาก และเห็นในศักยภาพที่คิดว่าดิฉันมี พร้อมทั้งความอยากให้โอกาสกับผู้ใต้บังคับบัญชาของเค้าทุกคน

    สิ่งดีๆที่ได้จากเขา: การหยิบยื่นโอกาสให้กับทุกคนอย่างเท่าเทียม

    ความเหมือนระหว่าเขากับเรา: การที่เคยไม่มีใครมองเห็นความสามารถหรือการที่ไม่ได้รับโอกาสในเรื่องต่างๆ

    ความต่างระหว่างเขากับเรา: เขาเป็นคนที่พูดจาไพเราะ อ่อนหวาน ทำให้มีบุคคลิกที่น่าเชื่อถือ

    สิ่งที่อยากเก็บไว้: ความยินดีในการให้โอกาสผู้อื่น และมุมมองต่อบุคคลอื่นในแง่ดี

    สิ่งที่อยากกำจัดออก:ความไม่คำนึงถึงหลักความเป็นจริง

    สิ่งที่จะสร้างสรรค์ร่วมกัน: ความร่วมมือที่จะทำให้งานของทีมเราประสบความสำเร็จ

    นางสาวฐาวรี ยิ้มประสิทธฺิ์

    575740509-6 YE#12 WE

    กิจกรรม Theory U

    บุคคลที่เข้าร่วมกิจกรรม : หัวหน้าทีมในที่ทำงานใหม่

    เนื้อหาเรื่องคือ: ดิฉันพึ่งได้เข้าไปทำงานในสถานที่ใหม่ ซึ่งในการทำงานในวันแรกๆ หัวหน้าทีมคนนี้พยายามเข้ามาแวะเวียนเดินมาหาดิฉันที่โต๊ะทำงานบ่อยๆ โดยที่ในขณะนั้นหัวหน้าส่วนที่มีหน้าที่ในการจัดทีมยังไม่ได้ตัดสินใจในการบรรจุดิฉันลงทีมใดในส่วนดิฉันทราบมาว่าหัวหน้าทีมท่านนี้เข้าไปของให้บรรจุดิฉันเข้าทีมของเค้า จากนั้นหัวหน้าทีมก็มอบหมายภาระงานให้โดยที่ดิฉันยังไม่ได้รับการฝึกอบรมแผนปฏิบัติงานพร้อมทั้งเร่งเอาภาระงานที่มอบหมายให้ดิฉันทำด้วยวิธีการต่างๆทำให้ดิฉันรู้สึกอึดอัดและไม่สบายใจกับการทำงานกับหัวหน้าทีมท่านนี้

    ความเชื่อเดิม: หัวหน้าทีมคนนี้ไม่คำนึงถึงความเป็นจริงในการทำงาน

    ความเห็นหลังการฟัง: หัวหน้าทีมคนนนี้มีความคาดหวังในตัวของดิฉันมาก และเห็นในศักยภาพที่คิดว่าดิฉันมี พร้อมทั้งความอยากให้โอกาสกับผู้ใต้บังคับบัญชาของเค้าทุกคน

    สิ่งดีๆที่ได้จากเขา: การหยิบยื่นโอกาสให้กับทุกคนอย่างเท่าเทียม

    ความเหมือนระหว่าเขากับเรา: การที่เคยไม่มีใครมองเห็นความสามารถหรือการที่ไม่ได้รับโอกาสในเรื่องต่างๆ

    ความต่างระหว่างเขากับเรา: เขาเป็นคนที่พูดจาไพเราะ อ่อนหวาน ทำให้มีบุคคลิกที่น่าเชื่อถือ

    สิ่งที่อยากเก็บไว้: ความยินดีในการให้โอกาสผู้อื่น และมุมมองต่อบุคคลอื่นในแง่ดี

    สิ่งที่อยากกำจัดออก:ความไม่คำนึงถึงหลักความเป็นจริง

    สิ่งที่จะสร้างสรรค์ร่วมกัน: ความร่วมมือที่จะทำให้งานของทีมเราประสบความสำเร็จ

    นางสาวณทิพรดา เลิศเสถียรชัย

    นางสาวณทิพรดา เลิศเสถียรชัยรหัส 575740582-6EX#14 WE

    Theory U

    แพท ทำงานเป็นผู้จัดการฝ่ายขายบริษัทชั้นนำแห่งหนึ่ง เธอเป็นผู้หญิงที่มีบุคลิกหน้าตาดีและมีความเป็นมิตรกับทุกคน จึงมักจะมีคนเข้ามาทำความรู้จักและพบประพูดคุยกับเธออยู่เสมอ และด้วยหน้าที่การงานของเธอจึงจำเป็นอย่างยิ่งที่เธอจะต้องทำความรู้จักคนมากมายเพื่อสร้างเครือข่ายในการทำงานให้เพิ่มขึ้น ดังนั้นการเข้าสังคมสำหรับเธอนับว่าเป็นเรื่องจำเป็นต่ออาชีพของเธออย่างมาก คนนอกภายที่ไม่รู้จักเธอดีพอก็อาจจะมองว่าเธอเป็นคนสังคมชัด เป็นผู้หญิงแรงชอบแต่งตัว มีกิจกรรมมากมาย ไม่ค่อยจะว่าง ดูเป็นคนหรูหร่าฟุ่มเฟือย ชอบอัฟเฟซบุ๊ค รีวิวเมนูอาหารหรือร้านอาหารไฮโซ และภาพไปเที่ยวสถานที่ต่างๆอยู่ตลอดเวลา

    ความเชื่อหรือสมมติฐานเดิม

    แพทเป็นคนชอบเข้าสังคมและชอบมีเพื่อนมากมาย เพื่อตนเองจะได้อยู่ในสังคมไฮโซ จึงไม่ค่อยมีเวลาว่าง

    เห็นกับตา

    การที่แพทต้องเข้าสังคมและต้องคบคนมากๆก็เพราะมันเกี่ยวข้องกับอาชีพผู้จัดการฝ่ายขายของเธอ ที่ต้องขยันหาลูกค้าใหม่ๆเข้ามาอยู่เสมอ แต่ถึงแม้เธอจะต้องให้เวลากับบุคคลเหล่านั้น แต่เธอก็ไม่เคยที่จะลืมแบ่งเวลาในการดูแลพ่อแม่ของเธอ เธอมักจะพาพ่อแม่ไปเข้าวัดทำบุญถือศีลปฎบัติธรรมอยู่เป็นประจำ และเธอชอบช่วยเหลือคนยากจนหรือผู้ด้อยโอกาสโดยการบริจาคสิ่งของและปัจจัยอยู่บ่อยๆ

    เราคือใคร/งานของเราคืออะไร

    การที่เรามองว่าแพทเป็นผู้หญิงแรงชอบเข้าสังคม เป็นการตัดสินคนอื่นทั้งที่ยังไม่รู้จักกันดีพอ

    สร้างวิสัยทัศน์ร่วมกัน

    การรู้จักเพื่อนเยอะนอกจากจะเป็นผลดีในการทำงานแล้ว เรายังสามารถชักชวนเพื่อนมาทำบุญเพิ่มได้อีกด้วย

    วางแผนสร้างสรรค์ร่วมกัน

    จะแบ่งเวลาไปดูแลพ่อแม่ให้ดีขึ้นกว่าเดิม และชักชวนเพื่อนในการทำงานมาเป็นเพื่อนสายธรรมะให้มากขึ้น

    สร้างสรรค์ร่วมกัน

    จะพาพ่อแม่ ครอบครัว และเพื่อนๆของเราไปทำบุญร่วมกัน เพื่อใช้เวลาอยู่ด้วยกันและทำบุญให้มากขึ้น

    พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
    ClassStart
    ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
    ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
    ClassStart Books
    โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท