บ่ายวันที่ ๔ ธันวาคม ๒๕๕๘ ผมไปร่วมประชุมเวทีจัดทำข้อเสนอ ยุทธศาสตร์ขับเคลื่อนการปฏิรูปการเรียนรู้ ที่ ศ. นพ. ประเวศ วะสี เป็นผู้ริเริ่มเป็นเวทีพิเศษ สืบเนื่องจากเวทีการศึกษากับการเปลี่ยนแปลงประเทศไทย
อ. หมอประเวศ เสนอแนวทางดำเนินการตามเอกสาร การขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ปฏิรูปการเรียนรู้สู่อนาคตประเทศไทย ซึ่งอ่านได้ ที่นี่
หลังจากนั้น มีการอภิปรายในกลุ่มผู้เข้าร่วมประชุม ที่ผมสรุปกับตนเองว่า มีความเห็นแตกต่างกัน ว่าการปฏิรูปการศึกษา/ปฏิรูปการเรียนรู้ ที่จะได้ผลยั่งยืนนั้น จุดคานงัดสำคัญอยู่ที่ไหน
คนที่ไปทำงานอยู่ในระดับชาติ ใกล้ชิดกับฝ่ายออกกฎหมาย ใกล้ชิดกับรัฐบาล บอกเป็นเสียงเดียวกัน ว่าต้องไปจัดการที่ระดับนโยบายคือรัฐบาล/รัฐมนตรี ไม่ให้เปลี่ยนนโยบายกลับไปกลับมาได้ หัวใจสำคัญที่จะให้เกิดการเปลี่ยนแปลงแบบยั่งยืน ต้องไปจับที่ระดับสูง
คนที่ทำงานส่งเสริมในระดับปฏิบัติการในโรงเรียน และในพื้นที่ ก็เชื่อว่า ต้องเอาที่ระดับปฏิบัติการ/ระดับปฏิบัติเป็นหลัก (และผมนึกในใจว่า และต้องนำผลการปฏิบัติไปสื่อสารสังคมด้วย) ว่าแนวทางนี้แหละ ที่จะทำให้ลูกหลานของเรา บรรลุผลลัพธ์การเรียนรู้ ที่จะส่งผลให้เขามีชีวิตอนาคตที่ดี จนในที่สุดนโยบายระดับประเทศต้องเปลี่ยนมาสนับสนุนแนวทางใหม่ ตามที่ได้ผลในระดับปฏิบัติ
อ. หมอประเวศ บอกที่ประชุมว่า เป็นที่พิสูจน์กันมาแล้ว ว่านโยบายที่ใช้วิธีกำหนดแล้วสั่งการมาจากเบื้องบน ที่เรียกว่า top-down policy ไม่ได้ผล นโยบายที่ได้ผลคือ bottom-up policy
ผมนึกในใจว่า ในความเป็นจริง นโยบายต้องมี alignment กันในระดับ micro – meso – macro ซึ่งเป็นอุดมคติ แต่สังคมไทยเราไม่โชคดีเช่นนั้น เรายังมีความไม่ลงตัวในกลไกพัฒนาบ้านเมือง และที่สำคัญ ระดับนโยบายระดับประเทศของเรา ไม่มีวัฒนธรรมกำหนดนโยบายบนฐานของผลการทดลองในระดับปฏิบัติ ซึ่งหากทำเช่นนั้น เราก็จะได้ระบบกำหนดนโยบายแบบสองทาง คือทั้ง top-down และ bottom-up
นโยบายที่ได้ผล ต้องเป็นระบบสองทาง และมีความประสานสอดคล้องกัน (alignment) ทั้งในระดับสูง กลาง และล่าง
วิจารณ์ พานิช
๔ ธ.ค. ๕๘
ขอบคุณมากครับผมเลยได้เรียนรู้ไปด้วยครับ