เคล็ดลับของ KM คือเป็นทางลัด และเป็นทางที่ไม่ฝ่าเข้าไปในดงปัญหา แต่ใช้วิธีค่อยๆ ขับเคลื่อนด้วยพลังแห่งความสุข ความสำเร็จ ให้ความสนใจและความสำคัญต่อ "ความสำเร็จเล็กๆ แต่ยิ่งใหญ่" ที่ว่ายิ่งใหญ่เพราะว่ามันเป็นหน่ออ่อนของความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ได้ ถ้าเราทำให้หน่ออ่อนนั้นได้รับ "ปุ๋ย" ที่ดี "ปุ๋ย" ในที่นี้คือกำลังใจ การยอมรับ ความชื่นชมยินดี และการสนับสนุนทรัพยากร
ตามปกติเราคุ้นเคยกับการแก้ทุกข์โดยการทำความเข้าใจ ทุกข์ - สมุทัย - นิโรธ - มรรค แต่แนวทาง KM ไม่เดินแนวนั้น กลับเดินไปหา "สุข" หรือ ความสำเร็จ (success stories) เอา "สุข" มาขยายผล โดยให้กลุ่มคนที่มี "สุขเล็กๆ" มาเล่าเรื่อง (storytelling) ของ "สุขเล็กๆ" เหล่านั้น ว่าเป็นอย่างไร เกิดขึ้นได้อย่างไร ฟันฝ่ามาอย่างไรกว่าจะถึงซึ่ง "สุขเล็กๆ นั้น" และคิดว่าน่าจะขยายสุขเล็กๆ นั้นได้อย่างไร
ในสภาพจริงของชีวิต "สุขเล็กๆ" หาได้ไม่ยาก ถ้าเรามีจิตที่ละเอียดอ่อน
สุข - ทุกข์ ในที่นี้ เป็นอุปมาอุปมัย กับ ความสำเร็จ - ปัญหา ในที่ทำงาน หรือในเป้าหมายเรื่องใดเรื่องหนึ่ง
ในที่ทำงาน เราคุ้นเคยอยู่กับวิธีทำงานแบบมุ่งแก้ปัญหา ซึ่งเป็นวิธีที่ต้องใช้ แต่น่าจะได้ใช้อีกแนวทางหนึ่งมาเสริม (หรือเป็นแนวทางหลัก ถ้าเห็นว่าได้ผลดี) คือแนวทางมุ่งขยายความสำเร็จเล็กๆ แนวทางนี้แหละที่เรียกว่า แนวทาง KM หรือการประยุกต์ใช้ KM ในการพัฒนางาน พัฒนาคน และพัฒนาองค์กรสู่องค์กรเรียนรู้ (LO - Learning Organization)
วิจารณ์ พานิช
๑๑ พย. ๔๙
บนรถกลับจากนครนายก
แปลว่า ในงานของหนู ก็ต้องไม่ไปทะเลาะกับอำเภอมากเกินไปใช่ไหมคะ หันมาเผยแพร่ "เรื่องสำเร็จ" มาขึ้นหรือคะ
แล้วจะไม่เป็นการให้สำคัญกับ Case by Case มากกว่า การให้ความสำคัญกับ "โครงสร้าง" หรือ "ระบบ" หรือเปล่าคะ
หรือหนูยังไม่เข้าใจ KM
อ.วิจารณ์ขา
"ไม่ฝ่าเข้าไปในดงปัญหา" มันจะเป็นไปได้ลำบากในงานช่วยเหลือประชาชนที่โดนละเมิดสิทธิมนุษยชนน่ะค่ะ
โปรดชี้แนะค่ะ
ที่ รพ. กำลังให้เจ้าหน้าที่มาฝึกเล่าเรื่องที่ตัวเองภาคภูมิใจ ทำไปได้ 2 ครั้ง ก็เป็นสิ้งที่ดีเป็นการให้กำลังใจแก่คนทำงาน ได้มีโอกาสมาแลกเปลี่ยนเรียนรู้ซึ่งกันและกัน