เราชาวพุทธจะทราบประวัติพระพุทธเจ้าอยู่บ้างแล้ว
และยิ่งได้ดูหนัง "พระพุทธเจ้า มหาศาสดาโลก"
ยิ่งยังให้เกิดกุศลทั้งตนเองและคนรอบข้าง
ทุกครั้งที่ได้ดู ก็เกิดกุศลทุกครั้ง
ยิ่งตอนดูกับลูกสาว ลูกสาวจะถามคำถามมากมาย
ตัวผมเองในฐานะพ่อที่เป็นผู้ตอบ ก็ได้ฉุกคิดเรียนรู้ความสดใหม่
จากคำถามของลูกสาววัย 7 ขวบ ไปด้วย หนอ
ในมิติการประยุกต์พุทธธรรมสู่การบริหารฯ นั้น
ผมได้เรียนรู้หลายอย่าง ได้คำตอบที่ผมกำลังหาอยู่หลายคำตอบ หนอ
เราเป็นชาวพุทธโดยกำเนิดก็จริงอยู่ แต่ก็ใช่ว่า เราจะสามารถเข้าถึงพระธรรมคำสอนที่แท้ได้
หรือ การนับถือพุทธศาสนาแต่ยังเข้าไม่ถึงธรรมแท้ ยิ่งอาจเป็นเครื่องกั้นให้เราเข้าไม่ถึงก็เป็นได้หนอ
กระผมเองก็ไม่ต่างกัน แม้บ้านจะอยู่หน้าวัด
ตอนเป็นเด็กก็เข้าวัดไปงานบุญ ไปเอาบุญ
และก็ไม่ทราบจริง ๆ ว่า บุญ คือ อะไร ?
นึกว่า บุญ คือ การดูมหรสพ ดูหนัง ดูหมอลำ
จนเวลาล่วงเลยมากว่าครึ่งชีวิต
ตอนเรียนปริญญาเอก มีเหตุให้เกิดความทุกข์อย่างหนักแทบตาย
จึงพอมีบุญวาสนาได้เห็นธรรมแท้เห็นพระไตรลักษณ์ได้บ้าง โดยบังเอิญ
เมื่อมีบุญวาสนาเห็นธรรมบ้างแล้ว
จะให้เห็นธรรมที่ลึกซึ้งเข้าไปอีกนั้น ต้องหมั่นเพียรกว่า 10 ปี
จึงได้เห็นและมั่นใจในธรร
แล้วเราจะไปอธิบาย ให้ปุถุชนเห็นด้วยบ้างได้อย่างไร หนอ
ยกตัวอย่าง เรื่อง การไม่ได้ใช้การคิด เป็นต้น
เพียรปฏิบัติ ประมาณปีที่ 3 ผมจึงสามารถสัมผัสประสบการณ์ "จิตว่าง" ได้
และใช้เวลาอยู่หลายปีในการเพิ่มสัดส่วนจิตว่างในชีวิตประจำวัน
เพียรหลายปีต่อมาจึงพอจะเห็น "ความคิด" เห็น "ตัวรู้"
เพียรฝึกใช้ตัวรู้ตามดูความคิด จึงพอจะแยกธาตุ ๔ ขันธ์ ๕ ออกเป็นกอง ๆ ได้บ้าง
และพึ่งปีนี้เอง หลักจากเพียรฝึกตามหลักสูตร "ครูสมาธิ"
จึงพออาจสามารถฝึก การไม่ใช้การคิด ตามแนวทาง ZEN ได้บ้างแล้ว หนอ
"เราเป็นชาวพุทธโดยกำเนิดก็จริงอยู่ แต่ก็ใช่ว่า เราจะสามารถเข้าถึงพระธรรมคำสอนที่แท้ได้....."
ข้อความนี้จริงแท้ เพราะกระผมเองเคยถามตัวเองเมื่อ 4-5 ปีที่แล้วว่า 40 ปี ที่ผ่านมาเราไปอยู่ที่ไหนมาหนอ ถึงได้โง่เขลาขนาดนี้
และตอนนี้ก็ยังไม่แลาดนักหรอกครับ...
เป็นเหมือนกันเลยครับ
สาธุ สาธุ ครับ