Switzerland "Dreamland" จุงเฟรา และเมืองในขุนเขา Lauterbrunnen


Day 2 จุงเฟรา และเมืองในขุนเขา Lauterbrunnen

วันนี้ตื่นกันแต่เช้า หลังจากรับประทานอาหารเช้ากันเรียบร้อยแล้วก็เตรียมตัวไปขึ้นเขากัน โดยเราก็พากันแต่งตัวเต็มยศ แบบอุ่นมากมาก มีอะไรใส่ไปให้หมด ตัวพองเป็นแหนมเลย แล้วก็พากันเดินจากที่พักไปยังสถานีรถไฟ ออกมาจากที่พักขณะที่ท้องฟ้ายังมืดอยู่เลย เงียบกริบ เจ้าลูกชายบอกว่า คนที่นี่เค้าตื่นสายกันนนะแม่

ท้องถนน ยังคงเช้ามืดจริงๆ อันที่จริงเค้าก็มีไฟหน้าบ้านกันนะคะ แต่จะเปิดเมื่อเราเข้าไปอยู่ใกล้ๆ ทำเอาตกใจเลยเชียว

เดินไปจนถึงหน้าสถานีรถไฟ Interlaken West กับเจ้าลูกชายซึ่งจ้อไปตลอดทาง ก็เจอน้องคนไทยผู้หญิงมาเที่ยวกัน 2 คน น่ารักมากเลย น้องมาทักเพราะได้ยินพวกเราพูดไทยกัน ว่าจะไปจุงเฟราเหมือนกันก็เลยไปด้วยกันเป็นทีมซะเลย

เสื้อพร้อม คนพร้อม มารอที่เดิม สถานีรถไฟ Interlaken West

เหมือนเคยใช้ app นำทางว่าจะต้องไปขึ้นรถที่ไหน ต่อรถกี่โมง โดย Swiss pass ใช้เต็มที่เลยค่ะ อย่าลืมเอาตั๋วขึ้นจุงเฟราที่ซื้อมาจากประเทศไทยเตรียมมาให้พร้อม คือ แนะนำให้ซื้อล่วงหน้าไปก่อนค่ะ เพราะถูกกว่ามาซื้อที่นี่มากเนื่องจากน้องทั้งสองคนซื้อตั๋วที่นี่ ราคาเกือบห้าพันบาท แต่เราซื้อกันมาจากเมืองไทยสามพันเจ็ด สรุปคือ เตรียมมาเองดีกว่า เพราะว่า เราไม่ต้องระบุวันที่จะขึ้นจุงเฟราไว้ก่อนตอนซื้อ จะขึ้นวันไหนก็มา Validate ตั๋วเอา วิธีทำก็คือ เอา Vaucher ที่เราได้มาจากเมืองไทย มายื่นที่เคาน์เตอร์ที่ขายตั๋ว แล้วเค้าจะให้ตั๋วจริงเรามา 3 ใบ ตามจำนวนที่ระบุใน Vaucher นั่นเอง

รอสักแป๊ป รถไฟที่เราจะไปก็เดินทางมาถึง ตามเวลาแป๊ป ส่วนทีมเราก็เริ่มนั่งคุยกัน คุยกันไปมาปรากฎว่าน้องทั้งสองเป็นผู้แทนยา ก็เลยยิ่งคุยกันถูกคอ

วิวระหว่างทาง ขณะนั่งรถไฟ ยังคงสวยงาม ฟ้าเริ่มสว่าง บางคนบอกคล้ายชนบทบ้านเราแหละ แต่เราว่าไม่เหมือนนะ

หนุ่มน้อยหน้าตาผ่องแผ้ว เพราะว่านอนมาเต็มที่แล้ว

บนรถไฟคนค่อนข้างน้อยเพราะว่าเรามากันเช้ามากนั่นเอง นั่งพักผ่อน ถ่ายรูปกันตามอัธยาศัยได้เลย พอมีคนมาตรวจตั๋ว ก็ยื่น Swiss pass ให้เขาตรวจ เอาล่ะ เริ่มเห็นภูเขาแล้ว Hello Alps...

หลังจากเปลี่ยนรถไปมาตามโพยของ application SBB เราก็มาถึงสถานีนี้ สถานี Grindelwald ซึ่งเราทำการ Validate ตั๋วขึ้นจุงเฟรากันที่นี่ เรียบร้อยแล้วก็รอรถมา

บรรยากาศแถวๆ สถานี เห็นวิวภูเขาแบบใกล้ชิดมาก

พอรถไฟมาก็ขึ้นต่อเพื่อไปยังสถานีที่สูงขึ้นไปอีกคือ Kleine Scheidegg ทีนี้เริ่มเข้าบรรยากาศหุบเขากันแล้ว อารมณ์นั้นคือ ตื่นตาตื่นใจมาก

เปลี่ยนรถไฟขึ้นเขาต่อที่สถานี Kleine Scheidegg หิมะเต็มไปหมดเล้ย ที่นี่มีห้องน้ำสาธารณะให้เข้าฟรีค่ะ จัดการให้เรียบร้อยกันก่อน

รถไฟคันสีแดงนี่แหละที่จะพาเราขึ้นไปยัง Jungfrau

ถึงเวลาแล้วก็ขึ้นรถได้เลย ทีนี้สองข้างทางจากวิวเขียวๆ ก็จะกลายเป็นวิวขาวๆ

เช่นเคยตามที่อ่านมา รถไฟขึ้นจุงเฟราจะแวะ 2 สถานี สถานีละ 5 นาที ก็ลงไปถ่ายรูปและเข้าห้องน้ำกันตามอัธยาศัย แต่การถ่ายรูปจะต้องถ่ายผ่านหน้าต่าง ซึ่งก็เป็นธรรมดาว่าต้องมีรอยขีดข่วนตามกาลเวลา พวกเราก็เดินลงไปเอาบรรยากาศว่ามันมีอะไรมั่ง แล้วก็กลับมาขึ้นรถตามปกติ ไม่ต้องรีบร้อนหรือวิ่งลงไปแต่อย่างใด ใช้เวลาเดินทางทั้งหมดจาก Interlaken West ประมาณ 2 ชั่วโมงครึ่ง การเดินทางสนุกสนานเพราะมากันเป็นทีม

พอขึ้นไปถึงข้างบนเนื่องจากยังเช้าอยู่ คนก็ยังน้อย ลานหิมะก็เป็นของเรา เสียดายที่ฟ้าไม่เปิด แต่ความสนุกและความสุขเกินบรรยายค่ะ

ถูกใจแล้วท่าประจำต้องมา ท่าเทรนขา มาทุกทริป

คนนี้ฟินกว่าใคร ทั้งกิน ทั้งนอน ทั้งนั่ง ถูกใจสุดสุด

มีคนเอาน้องหมาขึ้นมาเที่ยงจุงเฟราด้วย สองคนนี่ก็เลยไปเล่นกะน้องหมา ช่างเป็นน้องหมาที่โชคดีจริงๆ ได้ขึ้นจุงเฟราด้วย ลืมถามว่า ต้องซื้อตั๋วรึป่าว

หนาวกันจนปากซีดแล้วก็เลยเดินเข้ามาเที่ยวด้านใน มีจุดให้ถ่ายรูปสวยๆ อยู่เพียบ

เดินตามทางไปเรื่อยๆ

ต่อไปก็ไปดูถ้ำน้ำแข็ง

คือ รูปนี้ไม่ได้เน้นคน

ทางเดินเหมือจะลื่น แต่ไม่ลื่นเลย ด้านในมีน้ำแข็งแกะสลัก

เดินไปเดินมาจนตัวอุ่น จากที่นี่ เราเดินออกไปที่ลานหิมะ อีกแห่งนึง บริเวณนี้ออกไปแล้วหนาวเย็นมาก มีลมพายุ พัดพาหิมะมาเป็นพักๆ แต่เราก็พยายามที่จะออกไปสัมผัสบรรยากาศกัน มาจนถึงนี่แล้วหนิ

ลมพายุชักจะพัดมาแรงขึ้น และเริ่มหิวข้าวกันแล้ว ก็เลยเดินกลับเข้ามาจะไปกินข้าวในร้านอาหารเลยค่ะ หาที่นั่งได้ตามอัธยาศัย พอนั่งปุ๊ป เจ้าลูกชายบอกว่า อยากลองใส่ที่ครอบหูของแม่ดูจังเลย แล้วก็เอาไปใส่ให้ถ่ายรูปซะด้วย เอ๊ะ ชักยังไงนะ

แลนด์ดิ้งได้แล้ว เราก็เอาอาหารกลางวัน ที่เราเตรียมไปออกมากิน พร้อมกับชงของร้อนกินกันเป็นมื้อกลางวัน (พกน้ำร้อนใส่กระติกเก็บความร้อนไปด้วย) อร่อยมาก กินเสร็จแล้วก็เข้าห้องน้ำให้เรียบร้อย ที่นี่ห้องน้ำเข้าฟรีค่ะ แล้วเราก็ออกไปสู้หนาวกันอีกรอบ เพราะดูลมจะสงบลงนิดหน่อย

นี่เป็นทีมเดียวในดวงใจเค้าล่ะ

ชอบรูปนี้ค่ะ ดูสนุกมากเลย

คนนี้ ฟิน ตามเคย

ยอมแพ้ความหนาวแล้วก็กลับเข้าไปทางเดิม

แล้วก็แวะส่งโปสเตอร์จาก Jungfrau ไปยังเมืองไทยด้วยค่ะ ส่งที่ตู้ไปรษณีย์ที่นี่เลย ราคารวมสแตมป์ก็ 3.1 ฟรังค์

สภาพอากาศ ณ วันนั้น 17 ตุลาคม 2558 ประมาณนี้

ยังเหลืออีกจุดที่จะขึ้นไปกันค่ะ ไหนไหน ก็ ไหนไหนละ มาแล้วก็เดินให้ครบ

และมุมมหาชน เห็นใครๆ มาที่นี่ ก็ต้องมาถ่ายรูปตรงนี้

ต้องยกให้คนนี้เลย ความฟินเกินร้อยจริงๆ ดูยิ้มตาหยี เห็นฟันหมดทุกซี่

เราอยู่บนนั้นอยู่กันพอสมควร ก็ขวนกันกลับออกมารอรถไฟกันบริเวณนี้ ซึ่งบางคนก็หมดแรงซะแล้ว

แต่พอเรียกมาถ่ายรูปก็ฟื้นคืนชีพมาใหม่

ขึ้นรถไฟได้ ก็แบตหมดพอดี แบตคนนะคะ

เปลี่ยนรถที่เดิม สถานีนี้

เราจะลงไปเที่ยวกันต่อที่ เมือง Lauterbrunnen นั่นเอง

รถไฟขากลับค่อนข้างว่าง เราก็ดื่มด่ำกับบรรยากาศของเทือกเขา

Bye Bye Alps...

จากวิวขาวๆ ก็เริ่มมีสีเขียวๆ แซม เริ่มลงจากเขาไปเรื่อยๆ ระหว่างทางที่รถไฟวิ่งผ่าน ก็มีเมืองที่อยู่ในหุบเขา เป็นวิวสวยๆ ให้เราถ่ายรูปกัน บอกแล้ว ถ่ายยังไงก็สวย

ถึงแล้วเมืองที่เราจะแวะ Lauterbrunnen โดยขากลับจากจุงเฟรา เราแวะกันที่เมืองในหุบเขา Lauterbrunnen เป็นเมืองที่น่ารักมากมาก แบบเงียบสงบ บรรยากาศดีมีธรรมชาติเป็นเพื่อน

ออกจากสถานีรถไฟแล้ว ก็ต้องเดินขึ้นไปตามทางนี้นะคะ ทางเดินเข้าเมือง ตอนแรกกะจะพักกันที่เมืองนี้เพราะอ่านรีวิวในพันทิปแล้วมีคนแนะนำว่าเมืองนี้ธรรมชาติมาก น่าพัก ที่พักก็ดี แต่ตอนหลังเปลี่ยนใจพักที่ Interlaken สุดท้ายก็มาคิดว่าพักที่ Interlaken ดีแล้วเพราะที่นี่ถ้าลงจากสถานีรถไฟแล้วก็ต้องลากกระเป๋าใบใหญ่เดินขึ้นเนินมาอีกไกลโขอยู่กว่าจะถึงที่พัก แต่อย่างไรก็ตาม เมืองเค้าน่ารักมากมากเลย

เราเดิมชมเมืองกันไปเรื่อยๆ ตามถนนเส้นที่ใหญ่ที่สุด รถราก็มีแต่ขับไม่เร็ว และที่สำคัญเค้าหยุดให้คนข้ามที่ทางข้ามทุกคันเลย อันนี้ชอบมาก

เรามุ่งหน้าไปทางน้ำตกนี่ เดินใกล้เข้าไปเรื่อยๆ ระยะทางไม่ใช่น้อยๆ นะคะ คือ มันดูไม่ไกล แต่ มันไกล...ถึงซะทีค่ะ

ฝูงสัตว์กำลังดำเนินชีวิตของเค้าอยู่

มีน้ำพุให้ดื่มฟรีค่ะ เด็กก็ไม่รอช้า ดื่มซะเลย

ส่วนนี้ห้ามเข้าค่ะ

เลือกตัวช่วยกันก่อน ทางเดินขึ้นไปค่อนข้างชันทีเดียว

ตอนหลัง ไม้ค้ำอันเดียวเริ่มเอาไม่อยู่ มีคนไทยใจดีเดินลงมาพร้อมกับให้คำแนะนำว่า ต้องใช้ 2 ข้าง จะได้ช่วยกันพยุง ก็เลยขอบคุณเค้าและก็รับมา เริ่มเดินตามคนอื่นไม่ทันแล้ว รั้งท้ายอยู่คนเดียว Ohh, I am getting old…

ในที่สุดก็เดินมาถึงทางเข้าอุโมงค์ มีม้านั่งให้พักใจกันก่อน วิวเมืองจากมุมสูง งดงามตามท้องเรื่องเช่นเคย

เดินเข้าไปต่อ ดูซิจะมีอะไร เจอบันไดก็ปีน เดินตามทางไปเรื่อยๆ ดูซิมันจะไปถึงไหน ชีวิตเริ่มลำบาก เริ่มร้อนอีกด้วย คือเสื้อผ้าที่ใส่เต็มยศสำหรับอุณหภูมิระดับจุงเฟรา แล้วใส่มาเดินขึ้นเขา ตัวพองพอง ลำพังตัวเองจะเดินยังยากละ ต้องคอยจับไม้ค้ำยันอีก 2 อัน หุหุ เอาเข้าไป

แต่ทว่า...พอเดินไปจนสุดทางก็ไม่มีอะไร คือเป็นทางตัน งงอยู่เหมือนกัน คือเดินไปสุดทางเจอฝรั่งคนนึงยืนอยู่ ถามว่ามีอะไรไหม เค้าตอบว่า “Nothing” แล้วเขาก็เดินกลับไปทางเดิม

พวกเราก็เข้าไปยืนแทนที่ เพื่อจะดูซิว่า มันมีอะไร ก็ไม่มีจริงๆ ด้วยค่ะ มีละอองน้ำตกสาดกระเซ็นมาโดนนิดหน่อย

วิวมุมสูงของเมือง อีกสักรูป ไหนๆ ก็เดินมาถึงนี่ละ

มีกุญแจคู่ซะด้วย ฮิตมาถึงที่นี่เลย

แล้วก็พากันเดินกลับทางเดิม ลงมาถึงข้างล่างแล้วก็คืนอุปกรณ์เสริมให้เรียบร้อย

ตั้งหลักนั่งพักกันก่อน เอาเสบียงออกมากิน ควักโพยออกมาดูว่า จะไปไหนได้อีก

มองไปเห็นหอระฆังด้วย แต่ไม่กล้าเคาะ กลัวเสียงจะดัง เห็นเค้าอยู่กันเงียบๆ

แวะโบสถ์เล็กๆ ในหมู่บ้านซะหน่อย ด้านในเงียบสงบ เจ้าลูกชายชวนเข้าไปพักผ่อนจิตใจข้างในกันเถอะแม่

อยู่สักพักก็ออกมา เตรียมตัวกลับ Interlaken

ขากลับ เราเดินถนนเส้นเล็กเข้ากลางหมู่บ้าน ทางเดินสูงๆ ต่ำๆ

หันกลับไปถ่ายรูปโบสถ์ที่เราจากมา

เมืองนี้น่ารักจริงๆ คอนเฟิร์ม

เย็นย่ำแล้วก็กลับที่พักเพื่อรับประทานอาหารและพักผ่อนเอาแรง พวกเราเก็บความประทับใจในการท่องเที่ยววันนั้นเอาไว้ในหัวใจ แล้วคุณจะรัก เมืองในหุบเขา Lauterbrunnen… อย่าลืมรอติดตามตอนต่อไปนะคะ

หมายเลขบันทึก: 597198เขียนเมื่อ 10 พฤศจิกายน 2015 21:45 น. ()แก้ไขเมื่อ 10 พฤศจิกายน 2015 21:45 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (1)
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท