“สามีเลิกเหล้า สวรรค์บนดิน” ความสุขเล็กๆของชาวบ้านดงยาง-พรพิบูลย์ จังหวัดอุดรธานี


“สามีเลิกเหล้า สวรรค์บนดิน” ความสุขเล็กๆของชาวบ้านดงยาง-พรพิบูลย์ จังหวัดอุดรธานี

เสถียรและสมบูรณ์ สามพันเย็น คือสองสามีภรรยาที่ทำมากินตามประสาชาวบ้าน วันนี้เขาทั้งสองมีหลานตัวเล็กให้ต้องดูแล นับเป็นภาพความอบอุ่นในวัยกลางคนค่อนไปทางสูงอายุ แต่กว่าจะมาถึงวันนี้ได้ สมบูรณ์ผู้เป็นภรรยาเล่าให้ฟังว่า เธอต้องผ่านร้อนผ่านหนาว ทนทุกข์เพราะเมื่อก่อนสามีติดเหล้าจนไม่เป็นอันทำมาหากิน ต้องทนอายเพื่อนบ้านเพราะสามีเมาเป๋แบบไม่รู้สติ ซึ่งเกิดขึ้นบ่อยครั้งโดยเฉพาะในช่วงที่หมู่บ้านมีงานบุญต่างๆ “เวลากินเหล้ามาก็ทะเลาะกัน เพื่อนบ้านใกล้เคียงก็ไม่อยากคุยด้วยจนบางครั้งต้องอุ้มหลานแอบไปนอนบ้านญาติเพราะรำคาญมีแต่จะทะเลาะกันพูดกันไม่รู้เรื่อง” สมบูรณ์ผู้เป็นภรรยากล่าว

แต่ตอนนี้หลังจากที่สามีเลิกเหล้าเธอเหมือนได้สามีคนใหม่ เพราะความอบอุ่นในครอบครัวได้กลับเข้ามาสู่บ้านอีกครั้ง ลูกหลานเองก็มีความสุขมากขึ้น โดยเฉพาะในช่วงเทศกาลที่ทุกคนได้มาอยู่พร้อมหน้าพร้อมตากัน ซึ่งต่างกับเมื่อก่อนที่บางที่ลูกๆแทบไม่อยากกลับบ้านเพราะไม่อยากกลับมาเห็นสภาพพ่อที่เมา หรือกลับมาก็แทบไม่อยากนั่งอยู่บ้านเพราะพ่อมีแต่ขอเงินไปกินเหล้า แต่ทุกวันนี้เหมือนเป็นคนละคนทุกอย่างที่ว่ามาไม่มีแล้ว นอกจากนี้ในส่วนของการทำงานตอนนี้สามีก็สามารถทำนาได้ 2 ครั้งทั้งนาปีและนาปรังทำให้ได้ขายข้าวมีรายได้เพิ่ม

สมัย ไชยคำจันทร์ ผู้ใหญ่บ้านพรพิบูลย์ ต.บ้านแดง อ.พิบูลย์รักษ์ จ.อุดรธานี หมู่บ้านที่ทั้งสองคนเป็นสมาชิกลูกบ้าน เล่าให้ฟังว่า เมื่อก่อนชุมชนแห่งนี้มีก็ปัญหาเรื่องคนติดสุราเหมือนครอบครัวของเสถียรและสมบูรณ์ ทำให้เกิดปัญหาอื่นๆพ่วงตามมาอีกหลายอย่างไม่ว่าจะเป็น ปัญหาทะเลาะกันในครอบครัว ปัญหาอุบัติเหตุ การทะเลาะวิวาทในงานบุญประเพณี และแม้กระทั่งในยามที่บางครอบครัวมีงานพิธีกรรมอย่างงานศพซึ่งเป็นการสูญเสียบุคคลในบ้าน นอกจากเจ้าภาพจะเสียใจแล้วยังต้องมาจ่ายค่าเหล้าอีก ซึ่งเป็นการเสียเงินโดยเปล่าประโยชน์

ดังนั้น ในช่วงปี 2556 ด้วยการแนะนำของศูนย์สุขภาพชุมชนโรงพยาบาลพิบูลย์รักษ์ ชาวบ้านที่นี่จึงได้เริ่มดำเนินโครงการเพื่อจะนำไปสู่การลดเหล้า โดยการสนับสนุนของสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพหรือ สสส. ภายใต้ชุดโครงการร่วมสร้างชุมชนและท้องถิ่นให้น่าอยู่โดยสำนักสร้างสรรค์โอกาสและนวัตกรรม (สำนัก 6) ซึ่งมีทีมสนับสนุนวิชาการภาคอีสานเป็นทีมพี่เลี้ยง โดยในการทำงานนั้นได้รวมเอาบ้านดงยางที่เดิมทีเคยเป็นหมู่บ้านเดียวกันและมีปัญหาแบบเดียวกันเข้ามาทำงานด้วย เกิดเป็นภาพการทำงาน 1โครงการ 2 หมู่บ้าน ของชาวบ้าน “ดงยาง-พรพิบูลย์” ที่มีการทำงานร่วมกันอย่างลงตัว โดยมี “สภาผู้นำชุมชน” เป็นหัวใจหลักในการค้นหารูปแบบการทำงาน

กิจกรรมงานศพปลอดเหล้าถือเป็นกิจกรรมเด่นที่นำมาซึ่งการเปลี่ยนแปลงในหมู่บ้าน เพราะอย่างที่บอกไว้ว่าบ้านไหนที่เป็นเจ้าภาพงานศพนอกจากจะสูญเสียบุคคลในครอบครัวแล้วยังต้องควักเงินจ่ายค่าเหล้าเพิ่มซึ่งมีแต่เสียกับเสีย ในส่วนของร้านค้าก็เข้าร่วมโครงการโดยติดป้ายงดจำหน่ายเหล้าในงานศพและวันพระถึงแม้จะสูญเสียรายได้บ้างแต่เมื่อแลกกับความสุขของหมู่บ้านแล้วทุกคนก็ยอม อีกทั้งยังมีการติดป้ายเชิดชูเกียรติให้กับบุคคลต้นแบบที่เลิกเหล้าที่ถือเป็นกำลังใจชั้นดีของคนที่เลิกได้และจะเป็นแบบอย่างให้คนที่ยังไม่เลิกได้เห็นคุณค่า ซึ่งบ้านดงยาง-พรพิบูลย์ มีทั้งหมด 5 ป้าย 5 บุคคลต้นแบบ นอกจากนี้ในช่วงเข้าพรรษาที่นี่จะมีธนาคารเหล้า ที่จะเป็นจุดรับฝากขวดเหล้าเปล่าพร้อมเขียนชื่อคนที่ตั้งสัจจะว่าจะงดเหล้าช่วงเข้าพรรษา โดยในแต่ละปีก็จะมีผู้ที่มาลงชื่อและฝากขวดเหล้าในตัวเลขที่น่าพอใจ

จุดเด่นของการทำงานที่นี่คือการร่วมไม้ร่วมมือกัน ทั้งในส่วนของผู้นำและสมาชิกลูกบ้านทั้ง 2 หมู่บ้าน ที่สำคัญยังต้องดึงภาคส่วนอื่นๆเข้ามาร่วมเพื่อเติมเต็มในแต่ละบทบาท ศิริมนัส ภูสีไม้ เจ้าหน้าที่จากศูนย์สุขภาพชุมชนโรงพยาบาลพิบูลย์รักษ์ ซึ่งเป็นหน่วยงานที่มีบทบาทสำคัญในการทำหน้าที่ประกบชุมชนมาโดยตลอดกล่าวว่า “ที่ผ่านมาเรามีการคุยกับชุมชนโดยผ่านเวทีประชาคมปัญหาสุขภาพที่เริ่มจากปัญหาเล็กๆใกล้ตัวเพื่อให้ชุมชนเห็นว่าเรื่องใกล้ตัวเป็นปัญหาของทุกคน เช่น เริ่มจากปัญหาการดื่มเหล้าที่นำไปสู่การทะเลาะวิวาทและอาจทำให้เกิดอาชญากรรม เป็นต้น ซึ่งบทบาทของเราเป็นทั้งพี่เลี้ยงและผู้สนับสนุนข้อมูล”

ทั้งหมดนี้คือผลที่เกิดจากความตั้งใจจริงของชาวบ้านดงยาง-พรพิบูลย์ ที่พอทำงานแล้วก็เกิดผลในวงกว้าง กระทั่งผู้นำท้องถิ่นให้การยอมรับ จนเกิดเป็นนโยบายระดับตำบลที่จะมีการขยายผลสู่ชุมชนอื่น เพื่อให้การพัฒนาท้องถิ่นมีความเข้มแข็งและต่อเนื่อง และไม่เพียงปัญหาเรื่องเหล้าที่ได้รับการแก้ไขเท่านั้น หากแต่รวมถึงแนวทางการแก้ปัญหาชุมชนในเรื่องอื่นๆก็พ่วงตามมา ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการจัดการขยะ ศูนย์การเรียนรู้ชุมชน รวมถึงงานที่ทำกับเยาวชน เพราะทุกคนที่นี่ต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าความสุขของชุมชนคือการที่ทุกคนได้อยู่ร่วมกันอย่างเกื้อหนุน และเมื่อเผชิญปัญหาทุกคนต่างก็ทำหน้าที่ในการแก้ไขร่วมกัน และพอแก้ไขประสบผล สิ่งที่ตามมาก็คือความสุขอย่างยั่งยืนนั่นเอง


หมายเลขบันทึก: 596199เขียนเมื่อ 14 ตุลาคม 2015 14:23 น. ()แก้ไขเมื่อ 14 ตุลาคม 2015 14:23 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท