อีกหน่วยงานหนึ่งที่รัฐมนตรีประจำสำนักนายกฯ เห็นว่าจะต้องปฏิบัติงานเชิงรุกมากขึ้น คือ สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) คุณหญิงทิพาวดีกล่าวว่า ขณะนี้ได้ทยอยคุยกับอนุกรรมการทั้งหลาย ให้แนวคิดในเรื่องของการคุ้มครองผู้บริโภค โดยเน้นการทำประชาสัมพันธ์เชิงรุกให้ผู้บริโภครู้จักสิทธิหน้าที่ ของตัวเอง ปกป้องสิทธิของตัวเองได้ โดยเริ่มต้นจากการอ่านฉลากให้เป็น ประการที่ 2 จะต้องสร้างกลไกอาสาสมัคร คือ เอาประชาชน ชาวบ้าน ที่เป็นผู้บริโภคแท้ ๆ มาเป็นผู้ปกป้องผลประโยชน์ ยกตัวอย่างเช่น คนที่คุมราคาสินค้าจริง ๆ คือแม่บ้านที่ไปจ่ายตลาดทุกวัน หากเอากลไกตรงนี้เข้าไปเสริม แม่บ้านเห็นอะไร ที่ผิดปกติ ไม่เหมาะสม เป็นการเอาเปรียบผู้บริโภค ก็แจ้งข้อมูลมายังสายด่วน 1111 ได้ทันที ต่อไปใครงูเข้าบ้าน ซื้อสินค้าแล้วถูกหลอกก็ร้องได้ที่หมายเลข 1111 จะเป็นหน่วยงานที่รับเรื่องราวร้องทุกข์ที่อยู่ภายใต้สำนักปลัด สำนักนายกรัฐมนตรี เพื่อให้ผู้บริโภคเข้าถึงได้ง่าย แล้วให้หน่วยราชการก็ต้องรีบเยียวยา ตั้งโต๊ะเจรจากับผู้ประกอบการ แม้ว่ามีผู้ร้องเรียนเพียงรายเดียวก็ต้องแจ้งผู้ผลิต เพื่อให้ผู้ผลิตรู้ว่า สคบ. เอาจริงเอาจังกับเรื่องนี้ต่อไปก็จะระมัดระวังมากขึ้น ขั้นต่อไปจะดึงสภาทนายความ ซึ่งมีอาสาสมัครอยู่ทั่วประเทศกว่า 10,000 คนเข้ามาช่วยในเรื่องที่เป็นคดีฟ้องร้องให้จบเร็วขึ้น
คุณหญิงทิพาวดีกล่าวต่อไปอีกว่า ในรัฐบาลนี้นายกฯ เน้น 4 ป. คือ ป. โปร่งใส จะใช้ได้หมดกับทุกงาน ที่ภาครัฐดูแล โดยจะเน้นในเรื่องของอิเล็กทรอนิกส์ เพราะถ้าทุกอย่างเป็นอิเล็กทรอนิกส์ก็จะพลิกดูได้เร็วขึ้น เปิดเผยข้อมูลในการทำงานต่อสาธารณะได้ง่ายและสะดวก ป.ที่ 2 คือ เป็นธรรม จะต้องเป็นธรรม ทั้งฝ่ายผู้ผลิตและผู้บริโภคไม่ได้ทำให้ผู้ผลิตขายของไม่ได้ แต่ที่ทำเพราะต้องการให้ผู้ผลิตมีความระมัดระวังแล้วจะต้องไม่เอาเปรียบผู้บริโภคไปพร้อม ๆ กัน 2 ป.สุดท้ายคือ ประหยัด ประสิทธิภาพ จะมีกระบวนการในการเข้าไปตรวจสอบ ในเรื่องต่าง ๆ ข้าราชการจะเน้นเรื่องคุณธรรม จริยธรรม จะต้องประเมินพฤติกรรมข้าราชการที่สะสมมา ในการสร้างข้าราชการมืออาชีพก็ดี การสร้างข้าราชการที่มีคุณธรรมก็ดี เป็นเรื่องของการเก็บข้อมูลที่เป็นธรรมและเป็นจริง เรียกว่า แฟ้มผลงาน ผู้บังคับบัญชาจะเป็นผู้บันทึกพฤติกรรมที่ดีเพื่อให้คนดีได้มีโอกาสขึ้นมา และถ้าทุกคนรู้ว่าความดีจะได้รับการบันทึกก็จะเลือกทำแต่ความดี คนทำความดีจะมีคนเห็นแล้วจะถูกบันทึก แล้วรัฐ ก็จะให้ความยุติธรรมกับข้าราชการทุกคน เช่น ทำความดีมาตลอด แต่พลาดเพียงครั้งเดียว ชั่งน้ำหนักแล้วมีความดีมากกว่าโทษอาจจะเบาลง อย่างนี้เป็นต้น แต่รายละเอียดต้องคุยกันอีกรอบหนึ่ง แต่ที่สำคัญต้องมีระบบ คานอำนาจ มีคนที่เป็นกลางจากภายนอกมาให้ข้อมูลเสริมด้วย ในเบื้องต้นจึงโฟกัสไปที่เรื่องของความดี ความเก่ง ความพร่องต่าง ๆ ก็จะทำได้ยากขึ้น แต่การสร้างราชการมืออาชีพต้องคิดให้รอบคอบ ถ้าจะให้ข้าราชการต่อสู้เพื่อหลักการที่ดีของสังคม เพื่อหลักการที่ถูกต้องของกฎหมาย ก็ต้องมีอะไรมา รองรับอนาคตของเขาประชาชาติธุรกิจ (คอลัมน์สัมภาษณ์พิเศษ) 13 พฤศจิกายน 2549
ไม่มีความเห็น