KM เกี่ยวข้องอะไรกับงาน R&D และจรรยาบรรณแห่งวิชาชีพ
โดยมากแล้วชีวิตประจำวันของชาว R&D ก็จะเกี่ยวข้องกับลงมือปฏิบัติเพื่อทำการทดลองปรับปรุงสูตรและกระบวนการผลิต ลองผิดลองถูก และก็ชิม ชิม ชิม เปรี้ยว หวาน มัน เค็ม เผ็ด อร่อยหรือไม่อร่อย ต้องทำตัวเป็นคนหลายเชื้อชาติ ทั้ง ไทย จีน แขก ฝรั่ง ฯลฯ ปรับประสาทสัมผัสในการรับรู้รสให้เป็นไปตามกลุ่มลูกค้า ชิมทุกอย่างที่ขวางหน้าทั้งผลิตภัณฑ์ต้นแบบที่ปรับปรุงแต่ละวัน ผลิตภัณฑ์ที่วางขายในตลาดแต่ละกลุ่มลูกค้าทุกมุมโลก ตามแต่ลูกค้าและฝ่ายตลาดจะช่วยเป็นสื่อกลางในการจัดหามาให้ชิม เพื่อสร้างแนวคิดให้เกิดการเรียนรู้และพัฒนารสชาติอาหารให้ตรงกับความต้องการของผู้บริโภคแต่ละกลุ่ม ซึ่งดิฉันคิดว่าอันนี้แหล่ะ คือ KM ของ R&D เพราะการได้ลงมือทำการทดลอง และฝึกฝนเรียนรู้ความต้องการของลูกค้า คือการจัดการองค์ความรู้อย่างหนึ่ง ที่สามารถสร้างทักษะ และสั่งสมประสบการณ์การเรียนรู้จากการทดลองปรับปรุง จากความต้องการของผู้บริโภค ตลอดจนติดตามข่าวสารพฤติกรรมผู้บริโภค และข้อกำหนดกฎเกณฑ์การนำเข้าต่างๆ จะเห็นว่าเป็น “ความรู้” ที่ติดตัว “บุคคล” หรือเป็น “ทุนมนุษย์” เพราะไม่มีสอนในตำราเรียนตายตัว แต่เรานำความรู้ตามหลักวิชาการที่เรียน เช่น เคมีอาหาร ชีววิทยา ฟิสิกส์ กระบวนการแปรรูป มาประยุกต์ใช้ ไม่มี R&D คนไหนเรียนรู้ได้หากไม่ลงมือทดลองปฏิบัติ และเรียนรู้จากการชิมด้วยตนเอง เพื่อสั่งสมประสบการณ์ให้เกิดทักษะความชำนาญเป็นประเด็นหลัก นอกจากนี้แล้วก็สามารถเรียนรู้จากการแชร์ประสบการณ์และคำแนะนำเพื่อเป็นแนวทางจากรุ่นพี่และเพื่อนร่วมงาน และจากการฝึกอบรม พัฒนา ดูงาน สำรวจตลาด เป็นต้น
และเนื่องจากงาน R&D ค่อนข้างเป็นความลับเฉพาะของแต่ละบริษัท เป็นความรู้ที่ติดอยู่กับตัวบุคคล ฉะนั้นแล้วสิ่งที่ชาว R&D จะต้องตระหนักเป็นอย่างยิ่งคือ “จรรยาบรรณในวิชาชีพ” ในการรักษาความลับแห่งสูตรและกระบวนการผลิตของบริษัท
ดิฉันได้ร่วมงานกับฝ่าย R&D ของบริษัทอาหารทะเลแปรรูปแช่เยือกแข็งแห่งหนึ่งในจังหวัดสงขลาเป็นเวลากว่า 5 ปี หลังจบ ป.ตรี ทางด้าน Food Science ลักษณะงานที่รับผิดชอบก็จะเกี่ยวกับการวิจัยพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่และปรับปรุงผลิตภัณฑ์เก่าให้สอดคล้องกับสภาวะความต้องการของตลาด สร้างนวัตกรรมเพื่อตอบสนองความต้องการและความคาดหวังของลูกค้าได้อย่างถูกต้องและรวดเร็ว เสาะแสวงหานวัตกรรมใหม่ๆเพื่อสร้างคุณค่าแห่งผลิตภัณฑ์ให้เป็นที่พึงพอใจแก่ผู้บริโภคในด้านคุณภาพ ประโยชน์และความสะดวกในการนำไปบริโภค ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ต้องมีส่วนช่วยในการออกแบบผลิตภัณฑ์ให้มีราคาที่เหมาะสมกับคุณค่าที่ผู้บริโภคยินดีจ่ายมากที่สุด เพราะต้นทุนหลักของธุรกิจประเภทนี้คือต้นทุนวัตถุดิบ
จากความสำคัญดังกล่าว ทำให้หน่วยงานนี้ได้รับความดูแลเอาใจใส่ทางด้าน Input ของปัจจัยต่างๆ ที่จำเป็นต่องาน R&D โดยเฉพาะในส่วนของแนวคิดใหม่ๆ โดยมีแนวความคิดว่า “ความสำคัญของความรู้เป็นความได้เปรียบทางการแข่งขันที่ยั่งยืนที่สุด และเป็นสินทรัพย์ที่มีค่าที่สุดขององค์กร” ถ้าเป็นกองทัพ ก็เปรียบ R&D ได้เสมือน “กองเสบียง” และตลาด เสมือน “ทัพหน้า”
ทีนี้ลองมาทราบลักษณะงานที่ชาว R&D ทำอยู่บ้าง ก็จะเริ่มจากการสร้างและรวบรวมแนวคิด concept ผลิตภัณฑ์ ซึ่งได้ข้อมูลมาจากฝ่ายตลาด ลูกค้า หรือจากแนวคิดที่ได้จากการร่วมกัน Brain Storming ในทีมงาน R&D เอง และฝ่ายบริหาร เป็นต้น พอได้ Idea มาแล้ว ก็จะลองนำมาทำการทดลองพัฒนาเป็นตัวผลิตภัณฑ์ต้นแบบ ทำการทดสอบชิมกันเองในทีมงาน และพัฒนาปรับปรุงต่อจนเป็นที่พอใจของทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องในระดับหนึ่ง จากนั้นก็จะทำการทดสอบผู้บริโภค แล้วนำผลการทดสอบที่ได้มาวิเคราะห์ผลเป็นข้อมูลในการตัดสินใจในการที่จะพัฒนาปรับปรุงต่อหรือออกวางจำหน่ายหรือหยุดการพัฒนาในลำดับต่อไป
โดยมากแล้วชีวิตประจำวันของชาว R&D ก็จะเกี่ยวข้องกับลงมือปฏิบัติเพื่อทำการทดลองปรับปรุงสูตรและกระบวนการผลิต ลองผิดลองถูก และก็ชิม ชิม ชิม เปรี้ยว หวาน มัน เค็ม เผ็ด อร่อยหรือไม่อร่อย ต้องทำตัวเป็นคนหลายเชื้อชาติ ทั้ง ไทย จีน แขก ฝรั่ง ฯลฯ ปรับประสาทสัมผัสในการรับรู้รสให้เป็นไปตามกลุ่มลูกค้า ชิมทุกอย่างที่ขวางหน้าทั้งผลิตภัณฑ์ต้นแบบที่ปรับปรุงแต่ละวัน ผลิตภัณฑ์ที่วางขายในตลาดแต่ละกลุ่มลูกค้าทุกมุมโลก ตามแต่ลูกค้าและฝ่ายตลาดจะช่วยเป็นสื่อกลางในการจัดหามาให้ชิม เพื่อสร้างแนวคิดให้เกิดการเรียนรู้และพัฒนารสชาติอาหารให้ตรงกับความต้องการของผู้บริโภคแต่ละกลุ่ม ซึ่งดิฉันคิดว่าอันนี้แหล่ะ คือ KM ของ R&D เพราะการได้ลงมือทำการทดลอง และฝึกฝนเรียนรู้ความต้องการของลูกค้า คือการจัดการองค์ความรู้อย่างหนึ่ง ที่สามารถสร้างทักษะ และสั่งสมประสบการณ์การเรียนรู้จากการทดลองปรับปรุง จากความต้องการของผู้บริโภค ตลอดจนติดตามข่าวสารพฤติกรรมผู้บริโภค และข้อกำหนดกฎเกณฑ์การนำเข้าต่างๆ จะเห็นว่าเป็น “ความรู้” ที่ติดตัว “บุคคล” หรือเป็น “ทุนมนุษย์” เพราะไม่มีสอนในตำราเรียนตายตัว แต่เรานำความรู้ตามหลักวิชาการที่เรียน เช่น เคมีอาหาร ชีววิทยา ฟิสิกส์ กระบวนการแปรรูป มาประยุกต์ใช้ ไม่มี R&D คนไหนเรียนรู้ได้หากไม่ลงมือทดลองปฏิบัติ และเรียนรู้จากการชิมด้วยตนเอง เพื่อสั่งสมประสบการณ์ให้เกิดทักษะความชำนาญเป็นประเด็นหลัก นอกจากนี้แล้วก็สามารถเรียนรู้จากการแชร์ประสบการณ์และคำแนะนำเพื่อเป็นแนวทางจากรุ่นพี่และเพื่อนร่วมงาน และจากการฝึกอบรม พัฒนา ดูงาน สำรวจตลาด เป็นต้น
และเนื่องจากงาน R&D ค่อนข้างเป็นความลับเฉพาะของแต่ละบริษัท เป็นความรู้ที่ติดอยู่กับตัวบุคคล ฉะนั้นแล้วสิ่งที่ชาว R&D จะต้องตระหนักเป็นอย่างยิ่งคือ “จรรยาบรรณในวิชาชีพ” ในการรักษาความลับแห่งสูตรและกระบวนการผลิตของบริษัท
บันทึกนี้เขียนที่ GotoKnow โดย miss salee suksom ใน What is KM?
ไม่อนุญาตให้แสดงความเห็น
อนุญาตให้แสดงความเห็นได้เฉพาะสมาชิก