ขอเล่าต่อจากตอนที่แล้ว พญาสุมิตรธรรมวงศาและชาวเมืองมรุกขนครได้ทำบุญด้วยทรัพย์สิ่งของนานาประการแด่พระอุรังคธาตุแล้วได้ตั้งความปรารถนาว่าขอให้บรรลุพระอรหันต์องค์หนึ่งส่วนชาวเมืองก็ตามอัธยาศัยของตนแล้วได้สร้างกำแพงล้อมรอบองค์พระธาตุไว้แล้วให้คนมาเฝ้าดูแลรักษาสามพันคนแล้วพญาจุลอินทปัตถนครและพญาปุตตจุลณีพรหมทัตก็อำลากลับยังนครของตน
ส่วนพญาสุมิตรธรรมวงศาได้ไปสร้างพระธาตุไว้อีกองค์หนึ่งตรงที่พระพุทธเจ้าเคยมาพักที่ใต้ต้นรังเมื่อครั้งที่เข้าไปบิณฑบาตในเมืองศรีโคตรบูร ฝ่ายพระอรหันต์ห้ารูปจึงอัญเชิญพระธาตุกระดูกสันหลังของพระพุทธเจ้ามาบรรจุไว้ภายในองค์พระธาตุนั้นคือพระธาตุอิงฮังในเมืองสวรรณเขตประเทศลาวปัจจุบันนี้
ต่อมาพญาสุมิตรธรรมวงศาได้ย้ายไปปกครองเมืองร้อยเอ็ดประตูและได้ล่วงลาลับที่นั้น
ส่วนเมืองมรุกขนครมีผู้ปกครองต่อมาอีกสองสมัยคือพญาทุฏฐคามินีและพญานิรุทธราช ด้วยพญานิรุทธราชไม่อยู่ในศีลธรรมทำให้เกิดบ้านเมืองวิปริตเมืองล่มสลายด้วยฝนตกน้ำท่วมเป็นหนองบึงทำให้เมืองร้างมาราวห้าร้อยปี
และตำนานพระธาตุปะนมได้บันทึกลงในใบลานทองเก็บไว้ที่เมืองร้อยเอ็ดประตูมีผู้นำเอาไปไว้ที่โลหะปราสาทเมืองลังกานานแสนนาน ต่อมาพระพุทธโฆษาจารย์เดินทางไปแปลพุทธธรรมที่ลังกาได้พบใบลานนี้และได้จำลองใส่ใบลานอีกชุดส่งมาไว้ที่เมืองอินทปัตถนคร ( เขมร ) นานแสนนานขณะที่พระธาตุปะนมที่ภูกำพร้าก็ถูกทิ้งร้างนานแสนนานอย่างน่าใจหาย
เคยไปกราบมาแล้วค่ะ .... งดงามมากๆๆค่ะ
สวัสดีครับ ดร. เปิ้ล
มีความสุขในวันสงกรานต์ไทยนะครับผม