ปัจจุบันในเรื่องของภาวะตลาดเงินตลาดทุนทั่วโลกที่มีความผันผวนสูง
ซึ่งสาเหตุหลักก็คือ QE ที่ทางสหรัฐอเมริกาประกาศยุติหรือลดวงเงินQEลง
ลองย้อนกลับไป QEคืออะไร? และQEมีที่มาที่ไปอย่างไร?
นิยามของคำว่า QE คือ มาตรการกระตุ้นเพิ่มสภาพคล่องที่ธนาคารกลางสหรัฐ พิมพ์เงินขึ้นมาเพื่อนำไปซื้อตราสารทางการเงิน โดยปกติจะเป็นพันธบัตรรัฐบาล จากนักลงทุนของสถาบันเอกชน สถานบันการเงินทั้งในและต่างประเทศ เพื่อให้สถาบันการเงินนำเงินนั้นไปเสี่ยงหรือปล่อยสินเชื่อต่อไป แต่สถาบันการเงินเหล่านั้น กลับนำเงินกลับไปฝากที่เฟดเหมือนเดิม
มาตรการ QE ไม่ใช่ว่า ประเทศไหนก็ใช้ได้ แต่ต้องเป็นประเทศที่มีศักยภาพทางเศรษฐกิจสูงระดับหนึ่ง มีความน่าเชื่อถือทางการเงินสูงพอสมควร
อย่างประเทศไทย ถ้ามีปัญหาเศรษฐกิจชะลอตัว จะใช้ QE ไม่ได้อย่างแน่นอน เศรษฐกิจประเทศเจ๊งทันที เพราะถ้าเราใช้ QE ประเทศทั่วโลกไม่ได้เชื่อถือเรา แต่ถ้าเป็นประเทศสหรัฐอเมริกา ประเทษญี่ปุ่น อย่างนี้สามารถใช้ได้ อังกฤษ ใช้ได้ หรืออย่างยุโรป ก็อาจจะใช้ได้ แต่ก็จะมีผลข้างเคียงเรื่องเงินเฟ้อ
ที่มา : http://mcot-web.mcot.net/fm965/site/content?id=51c...
ดูเอาเปรียบยังไงก็ไม่รู้นะ ใช้เงินจนเกินรายได้ แล้วยังพิมพ์เงินขึ้นมาใช้เองอีก แล้วประเทศอื่นก็ยังยอมรับอีก นึกถึงการทดลองทางจิตวิทยาอันหนึ่งเลย
เขาจะมีคนทดลองสองคน
ให้เงินร้อยเหรียญกับคนที่ ๑ ให้แบ่งเงินให้คนที่สองเท่าไรก็ได้
ถ้าคนที่ ๒ ตอบตกลงก็จะได้เงินไปทั้งคู่
แต่ถ้าคนที่ ๒ ตอบว่าไม่ ทั้งสองคนก็จะไม่ได้เงินไปเลย
ถ้าคิดตามหลักเหตุผล คนที่ ๒ ได้เงินไปเพียงแค่เหรียญเดียวก็ถือว่าคุ้มแล้ว
แต่ผลการทดลองนี้คนที่ ๒ ส่วนใหญ่จะปฏิเศษถ้าได้รับเงินไม่เท่าเทียม
ประมานว่า "กูเสียเปรียบมึงก็ไม่ต้องได้"
แล้วอันนี้นักวิชาการของประเทศ เฟดเฟ่ ทั้งหลาย ก็ต้องก้มหน้าก้มตายอมรับ ตามเหตุและผล เอา "อารมณ์มาตัดสินใจ" ไม่ได้
แต่นั่นแหละครับ ซิ๊กม่าF = 0 แรงกริยาเท่ากับแรงปฏิกริยา ยิ่งพิมพ์เงินมากขึ้นเท่าไร ก็ยิ่งควบคุมเงินยากขึ้นเท่านั้น เมื่อความต้องการของอเมริกันชนไม่มีที่สิ้นสุดสักวันหนึ่งก็มิอาจควบคุมมันได้อีกต่อไป
"คมมีดและกระสุนคือกฎของกฎหมาย"
จริงที่สุดเลยค่ะ