คืนวันที่ ๑๒ มกราคม ๒๕๕๘ ผมนอนค้างคืนที่โรงแรมโนโวเทล เซนทารา หาดใหญ่ เช้าวันที่ ๑๓ จึงได้มีโอกาสวิ่งออกกำลังและระลึกชาติสมัยอยู่ที่หาดใหญ่อีครั้งหนึ่ง
แต่คราวนี้ผมวิ่งไปตามถนนศุภสารรังสรรค์ เมื่อผ่านร้านถ่ายรูปยินดีศิลป์ ซึ่งเดี๋ยวนี้เปลี่ยนชื่อเป็น ยินดีศิลป์คัลเล่อร์แลป ผมก็ระลึกชาติกลับไปสมัยใช้กล้องถ่ายรูปมีฟีล์ม ผมไปซื้อกล้อง ซื้อฟีล์ม อัดรูป และถ่ายรูปติดบัตร ที่ร้านนี้ จนชอบพอกับเจ้าของร้านเป็นอย่างดี
เมื่อกลับมาค้นชื่อร้านยินดีศิลป์ ก็พบว่ามีสาขาในมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ และที่ข้างๆ มหาวิทยาลัยด้วย เป็นภาพของการเปลี่ยนแปลงด้านธุรกิจภาพถ่าย ที่เปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง จากยุคอะนาล็อก สู่ยุคดิจิตัล ที่ทำให้การอัดรูปก็เปลี่ยนโฉม เป็นอัดจาก ไฟล์ดิจิตัล ไม่ใช่จากฟีล์ม จำนวนรูปที่อัดน่าจะเพิ่มขึ้น หลายเท่า หรือหลายสิบเท่า และเมื่อนำไฟล์ดิจิตัลไปอัด ก็มีบริการตกแต่ง cropping ให้ด้วย ทำให้รูปสวย ขึ้นมาก
เยื้องๆ กัน เป็นวัดฉื่อฉาง ผมกลับมาค้นกูเกิ้ล จึงรู้ว่าเป็นวัดในสังกัดคณะสงฆ์จีนนิกาย ที่มีวัดในสังกัดดูได้ที่นี่ รวมทั้งวัดโพธิ์แมนคุณาราม ที่สวยงามมาก
ผมวิ่งต่อไปจนถึงมูลนิธิท่งเซียเซียงตึ๊ง หรือชื่อไทยว่า มูลนิธิมิตรภาพสามัคคี ซึ่งอ่านประวัติได้ ที่นี่ ตอนอยู่ที่หาดใหญ่ผมไม่รู้เรื่องนี้เลย จะเห็นว่ามูลนิธินี้ได้เติบโตขยายตัว ทำคุณประโยชน์แก่สังคมในด้าน โรงพยาบาล การกู้ภัย และการช่วยเหลือคนอนาถา
เลี้ยวขวาเข้าถนนบุญรองอุทิศ ๒ ไปชนถนนประชาธิปัตย์ ที่บริเวณนั้นมีตลาดเช้า มีพระมารับบาตร ทั้งพระไทยและพระจีน มีคนมาตักบาตรคับคั่ง
วิจารณ์ พานิช
๑๓ ม.ค. ๕๘
ไม่มีความเห็น